- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 July 2018 17:56
- Hits: 3856
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Trade relief continues
เมื่อวาน หุ้นพลังงาน PTT PTTEP TOP (เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก) ถูกซื้อคืน หลัง Trade tension มีแนวโน้มที่ผ่อนคลายลงชั่วคราว... ส่วนหุ้นใหญ่ที่มีน้ำหนักหนุนดัชนีฯเมื่อวานได้แก่ TMB KKP TISCO TCAP ADVANC CPALL CPF ฯลฯ
เราคงแนะนำ เน้นลงทุนหุ้นเติบโตไปกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลักก่อนสำหรับรอบนี้ เช่น แบงก์ อสังหาฯ รถยนต์ และค่อยๆ หาหุ้นที่มี "ปัจจัยหนุน-พื้นฐานไม่เปลี่ยน-แต่ราคาลงมาเยอะ" เข้าพอร์ต ยกเว้นหุ้นที่ตกเป็นเปาในการ Drawdown รอบนี้อย่าง BEAUTY กลยุทธ์แนะหลีกเลี่ยงไปก่อน (ต้องรอราคาหุ้น Consolidated ให้ได้ก่อน)
คาดดัชนีฯ วันนี้ ฟื้นตัวต่อเนื่อง และ มีโอกาส Sideways up ตลอดทั้งสัปดาห์ ด้วยแรงซื้อคืนหุ้นพลังงาน ปิโตรฯ โรงกลั่น จาก Trade relief หนุนดัชนีฯ บวกกับแรงซื้อเก็ง งบ 2Q18 ของกลุ่ม แบงก์, อสังหาฯ มีแนวโน้มจะดีกว่าคาด (ล่าสุด SPALI แจ้งยอดขาย Presale 2Q18 ที่ 8.9 โตดีเกินคาด หนุนงบ 2Q18)
What to watch :
(*) อุทกภัยครั้งร้ายแรงในญี่ปุนฝั่งตะวันตก คาดเป็นบวกต่อ หุ้นที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มากสุด และหลังน้ำลดจะหนุนต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้างทางอ้อม เช่น เหล็กหลังคา ปูนซีเมนต์ (MCS SCC SCCC) อุปสงค์ส่วนเพิ่มเพื่อการบูรณะ แต่มองบวกไม่มากเท่ากับกลุ่ม ยานยนต์
(+) มาตรการภาษี สหรัฐฯ-จีน ที่เรียกเก็บบนสินค้าหลายรายการ รวมวงเงิน US$3.4 หมื่นล้าน มีผลตามที่ประกาศแล้ว แต่ USTR เปิดช่อง ให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ สามารถ ยื่นขอยกเว้นได้ โดยให้เวลา 90 วัน นับจาก 6 ก.ค. ด้าน ปธน.ทรัมป ยังสงวนท่าที-ไม่เก็บภาษีสินค้า ในวงเงินที่เหลือ อีก US$1.6 หมื่นล้าน ตามที่ประกาศไปก่อนหน้า โดยรัฐบาลสหรัฐฯระบุ จะพิจารณาภายใน 2 เดือน // จากสถานการณ์ข้างต้น คาดจะเป็นการเปิดช่องให้เกิดการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ภายใน 1-3 เดือนนี้ ทำให้ตลาดหุ้นน่าจะมีเวลาคิดทบทวนถึงผลกระทบ และหยุดการไหลลงแรงๆ ไปพักหนึ่ง หรือ จนกว่า ปธน.ทรัมป จะมีการเปลี่ยนแปลงท่าที
(+) 2Q18 Earnings preview คาดการปรับกำไร บจ.ลง และ ราคาเป้าหมาย-เปาดัชนีฯ ลง ของ Consensus เป็นสัญญาณตลาดหุ้น Bottom out: คาดราคาหุ้นหลายๆตัว-กลุ่ม ปรับลงสะท้อนงบ ที่ตลาดคิดว่าแย่ไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งเรามองว่า งบแบงก์ และ อสังหาฯ มีโอกาสจะรายงานกำไร ไม่แย่ไปกว่าที่ตลาดคาด และหุ้นรายตัว อย่าง SGP จะรายงานกำไรดีกว่าตลาดคิด เป็นต้น เหลือกลุ่ม พลังงาน อาจมี FX loss บ้าง ซึ่งมองว่าตลาดยังไม่สะท้อน
หุ้นแนะนำ
KKP LPN SPALI เพิ่มน้ำหนักอีก หลังจากที่แนะนำไปแล้วก่อนหน้านี้
AH STANLY SAT ASAP พายุฝน-อุทกภัย ครั้งร้ายแรงในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของญี่ปุน ซึ่งมีอุตสาหกรรมรถยนต์รายใหญ่สุดตั้งอยู่ คือ มาสด้า มอเตอร์
ชิ้นส่วนยานยนต์ : คาดจะไม่มีผลต่อ auto supply chain ในไทย เหมือนตอนที่เกิดแผ่นดินไหว ญี่ปุน เมื่อปี 2011 เพราะแค่เส้นทางขนส่งถูกตัดขาด โรงงานไม่ได้พังถล่มแบบแผ่นดินไหว แต่คาดส่งผลดีต่อโอกาสชิ้นส่วนยานยนต์ไทย มีแนวโน้มได้คำสั่งซื้อชิ้นส่วนเพิ่ม ทดแทนชิ้นส่วนที่ไม่สามารถขนส่งได้ในญี่ปุนฝั่งตะวันตก บวกกับอุปสงค์ชิ้นส่วนค่ายรถยนต์อื่นที่อาจเพิ่มขึ้น เช่น โตโยต้า ฮอนด้า เป็นต้น
ส่วนรถประกอบสำเร็จรูปในไทย คาดจะมี อุปสงค์ส่วนเพิ่ม จากญี่ปุนมาดึง Supply ในภูมิภาคและในไทย และสุดท้ายจะกระทบ Supply รถยนต์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน กลายเป็นปัจจัยหนุนราคารถยนต์มือสองในประเทศที่ตึงตัวอยู่แล้วในขณะที่ ให้สูงขึ้นไปอีก (+ASAP เป็นจังหวะที่บริษัทฯจะได้ขายรถปลดระวางได้ราคาสูง)
IVL พายุเฮอร์ริเคน คริส เข้า North Carolina คาดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมใยฝ้าย ในแถบนั้น.ส่งผลบวกต่อราคาผลิตภัณฑ์ทดแทนอย่าง Polyester
Weekly tactical port เพิ่มหุ้น AH SAT STANLY เช้าพรอร์ต
รายงานวันนี้
BANPU : Perfect timing to take positions
เรามองว่าธุรกิจถ่านหินจะเติบโตได้ค่อนข้างดีใน 2Q18 จากราคาขายและปริมาณผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาถ่านหินเฉลี่ย NEWC ปรับตัวขึ้น 30% YoY และ 2% QoQ ใน 2Q18 อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินในประเทศจีนปรับตัวลดลง 11% QoQ ซึ่งจะหนุนธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัท เราคาดกำไร BPP ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 340% YoY และ 14% QoQ ในขณะที่คาดกำไรของ BANPU ที่ 4 พันล้านบาท เติบโต 79% YoY และ พลิกเป็นกำไร QoQ เรามีการปรับประมาณการราคาถ่านหินขึ้นจาก $88/tonne เป็น $94/tonne และปรับกำไรขึ้น 11% รวมถึงปรับราคาเป้าหมายจาก 24.50 บาทเป็น 26 บาท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
Refining & Chemical : Headline GRM rebounded; most chemical spreads declined
ในสัปดาหห์ที่ผ่านมาค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นมาตามคาด เพิ้ทขึ้น US$0.60 WoW มาเป็น $4.68/bbl เพราะอุปสงค์ที่ฟนตัว นำโดย jet/kerosene (+ $1.16 WoW เป็น $13.63/bbl) และ gasoline (+$0.48 WoW เป็น $8.65/bbl) ซึ่งเป็นบวกต่อ TOP และ SPRC มากสุด ขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมีการปรับตัวที่งขึ้นและลง เราชอบ TOP ที่สุดในโรงกลั่น และชอบ IVL ที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี
Flow Tracker : ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 16
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 313 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแรงขายเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขาย 105 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามดัชนี Volume Flow ของตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวจากแดน Oversold ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ได้ต่อในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกลุ่มที่มีสัญญาณซื้อแข็งแกร่งวัดจากดัชนี Volume Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่กลุ่มค้าปลีก ธนาคาร อสังหาฯ และ ICT
Quantitative Strategy : ช่วงการสร้างฐานของตลาดใกล้จะจบแล้ว
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเล็กน้อยท่ามกลางความกังวลบนประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เนื่องจาก 1) แบบจำลองของเราคาดการณ์ว่าความผันผวนของตลาดคาดว่าจะทำจุดสูงสุดในสัปดาห์นี้ 2) ดัชนี Volume Flow ปรับตัวลงจนถึงระดับ Oversold แล้ว 3) ดัชนี Bull2Bear ทั้งระยะสั้นและระยะกลางถึงระดับกรอบล่างแล้ว ดังนั้น เรายังคงมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป หุ้นที่เพิ่มเข้าพอร์ต : AP, CPALL, CPN, MINT, TMB
หุ้นมีข่าว
(+) ASAP พร้อมเปิด ASAP Auto park ให้บริการ พืนที่ค้าปลีกบางส่วน เช่น Starbuck, KFC และ พื้นที่ขายรถยนต์มือสอง โดยปีนี้บริษัทฯมีรถที่เตรียมออกจำหน่าย จำนวน 1.2 พันคัน ซึ่งการเปิดพื้นที่ขายเอง จะทำให้บริษัทฯสามารถสร้างรายได้จาก รถยนต์ครบสัญญาเช่า ได้ดีขึ้น (ที่มา อินโฟเควสท์)
(+) SPALI แจ้งยอดขาย Presale 2Q18 ที่ 8.9 พันล้านบาท โตดีเกินคาด (+54% y-y, +1% qq) โดยที่โต q-q นับว่าสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก และ รวมครึ่งปีแรกยอดขาย Presale อยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท +33% y-y เรายิ่งมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีนี้ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท มีโอกาสทะลุเป้า และมีโอกาสจะปรับกำไรขึ้นได้อีก โดยเรารอดู Presale 3Q18 อีกครั้งซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะโตสูง q-q จากแผนเปิดขายโครงการจำนวนมากที่ยืนยันแล้ว ใน 3Q นี้ (ที่มา BLS Research)
(*) มี เอกชน 6 รายเข้าซื้อซองรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในวันสุดท้าย มี CPN-PLE โผล่ร่วม ก่อนหน้ามี BTS, ซีพี, EnCo ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTT, UNIQ ITD STEC RATCH TPIPL (ที่มา อินโฟเควสท์)
(0) BEAUTY บอร์ดอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงินไม่เกิน 950 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 64 ล้านหุ้น กำนดระยะเวลาซื้อคืนวันที่ 24 ก.ค.2561- 23 ม.ค. 2562 (ที่มา ตลท.)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
ภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO11024