WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
ภาพตลาดและแนวโน้ม
"Trade Tension" -> trade relief?
หุ้นไทย มีโอกาสฟื้นคืนชีพ...ด้วย... 
          ปัจจัยต่างประเทศ ดูเหมือนความตึงเครียด การค้า จะลดระดับลง  
          มาตรการภาษี สหรัฐฯ-จีน ที่เรียกเก็บบนสินค้าหลายร้อยรายการ วงเงิน US$3.4 หมื่นล้าน มีผลตามที่ประกาศแล้ว แต่ USTR เปิดช่อง ให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ สามารถ ยื่นขอยกเว้นได้ โดยให้เวลา 90 วัน นับจาก 6 กค. ด้าน ปธน.ทรัมป ยังสงวนท่าที-ไม่เก็บภาษีสินค้า ในวงเงินที่เหลือ อีก US$1.6 หมื่นล้าน ตามที่ประกาศไปก่อนหน้า โดยรัฐบาลสหรัฐฯระบุ จะพิจารณาภายใน 2 เดือน    
          จากสถานการณ์ข้างต้น คาดจะเป็นการเปิดช่องให้เกิดการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ภายใน 1-3 เดือนนี้ ทำให้ตลาดหุ้นน่าจะมีเวลาคิดทบทวนถึงผลกระทบ และหยุดการไหลลงแรงๆ ไปพักหนึ่ง หรือ จนกว่า ปธน.ทรัมป จะมีการเปลี่ยนแปลงท่าที...    
สำหรับปัจจัยในประเทศ
          (1) เรามองว่าการ Drawdown ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับกลุ่ม Cosmetic เป็นภาวะปกติของตลาดหุ้น โดยราคาหุ้น "ทั้งกลุ่ม" ที่โดน Drawdown มีแนวโน้มจะตกลงได้ราว 70% แต่เราพบว่า ในกรณีที่ หุ้นรายตัวใน Sub sector นั้นๆ สามารถทำกำไรให้กลับมาเติบโตได้ดี ดังเดิม, ไม่มีเหตุอันเป็นความเสี่ยงอื่นเพิ่มเติม ราคาหุ้นที่ลงมา จะมีโอกาสกลับขึ้นมาใหม่ได้ เช่น AU M BDMS BCH.  
          และ ในกรณีล่าสุด ที่เกิดกับ หุ้น Cosmetic ที่ลงมากัน เฉลี่ยเกือบ 70% แล้ว แรงขายน่าจะเบาลง แต่การฟื้นคืน กลับของราคา ต้องอาศัยความเชื่อมั่นต่อผลการดำเนินงาน 2Q-3Q18 (3-4 เดือน เป็นอย่างเร็ว)  
          (2) 2Q18 Earnings preview คาดการปรับกำไร บจ.ลง และ ราคาเป้าหมาย-เป้าดัชนีฯ ลง ของ Consensus เป็นสัญญาณตลาดหุ้น Bottom out: คาดราคาหุ้นหลายๆตัว-กลุ่ม ปรับลงสะท้อนงบ ที่ตลาดคิดว่าแย่ไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งเรามองว่า งบแบงก์ และ อสังหาฯ มีโอกาสจะรายงานกำไร ไม่แย่ไปกว่าที่ตลาดคาด และหุ้นรายตัว อย่าง SGP จะรายงานกำไรดีกว่าตลาดคิด เป็นต้น เหลือกลุ่ม พลังงาน อาจมี FX loss บ้าง ซึ่งมองว่าตลาดยังไม่สะท้อน     
What to watch : 
          (+/-) สหรัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากที่สหรัฐและจีนต่างก็บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ไปแล้วเมื่อ 6 ก.ค. และ มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนล็อตที่ 2 ในเดือนก.ค. เนื่องจากปธน.ทรัมปได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าอีก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ "ในช่วง 2 สัปดาห์นี้" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมปยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว  
          (*/+) สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ประกาศให้เอกชนสามารถยื่นขอยกเว้นภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บเพิ่มกับสินค้านำเข้าจากจีนภายในเวลา 90 วัน จนถึงวันที่ 9 ต.ค. 2561 หลังสหรัฐเริ่มบังคับใช้กำแพง ภาษี 25% กับสินค้าจีนมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา 
หุ้นแนะนำ 
          Weekly tactical แนะเพิ่ม SGP เข้าพอร์ต 
          และหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ ADVANC IVL QH
รายงานวันนี้   
CPF : Expanded 2Q18 earnings expectation
          เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 54% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน, กำไรจากการแปลงหุ้นกู้ และ กำไรจากการเทรด CPALL คาดกำไรหลักที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 721% QoQ โดยเรามองว่ากำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาหมูเวียดนามที่ยืนได้ดี และคาดจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในไตรมาสนี้ในรอบ 2 ปี จาก Supply ที่ลดลง ในขณะที่คาดกำไรจากหมูและไก่ รวมถึงกุ้งในประเทศชะลอตัวลง จากราคาที่ปรับตัวลดลง เราคาดราคาหมูในเวียดนามจะยืนในระดับสูงต่อเนื่อง และราคากุ้งที่คาดจะฟื้นตัวใน 2H18 ซึ่งคาดจะหักกลบผลกระทบจากราคาหมูและไก่ที่ปรับตัวลงตามปัจจัยด้านฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท
Retail : Valuation check after deep correction
          เรามองว่าราคาหุ้นของกลุ่มปรับตัวลงมาเทรดอยู่ในระดับต่ำที่ PER เพียง 25.3 เท่า ต่ำสุดในรอบปี ในขณะที่ SSSG ยังเติบโตได้ดี โดยเดือน เม.ย. แย่สุดจาก ฝนตกและหยุดยาว แต่คาดจะเป็นจุดต่ำสุด และฟื้นตัวในเดือน พ.ค. ต่อเนื่องไปใน มิ.ย. ที่คาดเติบโตโดดเด่นสุด ยกเว้นพวกที่ขายอาหารสด เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก Food deflation เรามองว่า GLOBAL จะมีการเติบโตของ SSSG ที่โดดเดนที่สุด รองลงมาเป็น HMPRO ในด้านของ Valuation เรามองว่า BEAUTY น่าสนใจสุด เรามีการปรับคำแนะนำ BJC และ HMPRO จาก ถือ เป็น ซื้อ และเราชอบ BEAUTY, CPN และ HMPRO ที่สุดในกลุ่ม
COM7 : Reiterate our BUY call   
          เรามั่นใจว่าบริษัทจะแสดงผลกำไรแข็งแกร่ง ใน 2Q18 เราคาดโต 38%YoY เป็น 175 ล้านบาท หากบริษัททำได้ตามนี้ คาด Consensus จะมีการปรับประมาณการกำไรขึ้นอีก เพราะจากสถิติกำไรครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรกราว 50% และโอกาสในการโตของบริษัทยังมีอีกมากเพราะ COM7 ยังเป็นผู้เล่นรายเล็กในตลาด Smartphone ซึ่งเรามั่นใจว่ากลยุทธ์ของบริษัทจะเป็น key success ในการขยายตลาด ปัจจุบันหุ้นเทรด PE 26 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีก ในขณะที่การเติบโตทำได้ 27% ดีกว่ากลุ่ม ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท
หุ้นมีข่าว 
(*/-) กกพ.ชง "พลังงาน" ยกร่างกฤษฎีกา กำหนดโรงไฟฟ้า ตั้งแต่ 200 เควีขึ้นไปต้องขอใบอนุญาต ปิ๊งไอเดียเก็บเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า (ที่มา ไทยโพสต์)
(+) MACO  มาสเตอร์แอด ไฟเขียวส่งบริษัทย่อยลงทุนธุรกิจออกแบบและวางระบบในฮ่องกง มูลค่า 379 ล้าน (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+) BEAUTY  'บิวตี้'พลิกซื้อหุ้นคืน ชงบอร์ด 9 ก.ค. (ที่มา โพสต์ทูเดย์) 
          
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค           
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน 
OO10967

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!