- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 July 2018 16:49
- Hits: 1875
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงในช่วงเช้าหลังสหรัฐฯ-จีนเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นรีบาวด์ได้ค่อนข้างดีนำโดยหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ดัชนีพลิกมาปิดบวกได้กว่า 13 จุด ณ สิ้นวัน แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศและบัญชีบล. 1.4 พันลบ.และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่ออีก 1.7 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways Up โดยได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน แม้ตลาดจะเริ่มเกิด Buy On Fact จากการเริ่มเก็บภาษีระหว่างกันของจีนและสหรัฐฯ แต่เรายังมองการรีบาวด์ของตลาดไม่ใช่ลักษณะ V-Shape และยังต้องติดตามพัฒนาการของข่าวอย่างต่อเนื่องสำหรับประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวของตลาดในรอบนี้เรามองเป็นจังหวะในการซื้อลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่ปรับตัวลงแรง โดยเรายังเน้นหุ้นกลุ่มDomestic Play เป็นหลัก
กลยุทธ์ : ยังเน้น Domestic Play//สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงปรับฐานเพื่อลงทุนระยะยาว
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$633ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$401ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$52ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่น่าจะบรรเทาลงหลังเรื่องการเก็บภาษีระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีประเด็นใหม่ขณะที่ภาษีรถยนต์ระหว่างสหรัฐและยุโรปดีขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> THANI <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท
คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 389 ลบ. +7% Q-Q, +51% Y-Y จากคาดการณ์การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +5% Q-Q, +21% Y-Y และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง 5.4%-5.5% ใกล้เคียงกับ 1Q18
ยอดขายรถบรรทุกเร่งตัวใน 2Q18 และคาดว่าเร่งขึ้นอีกใน 2H18 ตามภาคการขนส่งและส่งออกที่ขยายตัว ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ THANI โดยตรง ขณะที่ ประเด็นความเสี่ยงด้าน กม. กำหนดค่าธรรมเนียมธุรกิจเช่าซื้อคาดว่ากระทบจำกัด เพราะส่วนที่มีผลคือรายได้ค่าทวงถามซึ่งไม่ใช่รายได้หลัก
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯออกมาสดใส งวด มิ.ย. 18 เพิ่มขึ้น 213,000 คน มากกว่าคาดกการณ์ของตลาดที่ 195,000 คน แต่อัตราการว่างงานเพิ่มชึ้นจาก 3.8% เป็น 4% และค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น 2.7% Y-Y น้อยกว่าคาดที่ 2.8% Y-Y ซึ่งเมื่อรวมกับประเด็นสงครามการค้าที่อาจทำให้การจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวในอนาคต ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังว่าเฟดจะชะลอการปรับขึนดอกเบี้ย ส่งผลให้ U.S. T-Bond Yield อ่อนตัวแตะจุดต่ำสุดในรอบ 27 วันทำการ Earining yield gap เริ่มกลับมาทำให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจในการเข้าลงทุนอีกครั้ง กระแสเงินมีแนวโน้มชะลอการไหลออกชั่วคราว
(+) หุ้นพื้นฐานดี PE เหมาะสม ตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศจนทำให้เกิดการขายหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวจนราคาต่ำกว่าจุดที่เหมาะสมมากเกินไป วันนี้เราแนะนำหุ้น 15 ตัวที่พื้นฐานแกร่ง ไม่ถูกกระทบจากสงครามการค้าและสงครามค่าเงิน แนวโน้มธุรกิจยังดีต่อเนื่องอย่างน้อยในระยะ 2 ปีข้างหน้า และมีปันผลสม่ำเสมอ หุ้น 8 ใน 15 ตัวมีราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปีได้แก่ BIG, EA, ITEL, KKP, MAJOR, ORI, PTTGC, TU และอีก 7 ตัวที่เหลือแม้ว่าราคาหุ้นจะไม่ได้ปรับลงแรงเท่า 8 ตัวแรกแต่ PE ก็ต่ำกว่าในอดีตและมี valuations ถูกได้แก่ BEM, BDMS, CHG, CPALL, CPF, INTUCH และ TISCO
(+) PTTEP เราคาดกำไรปกติก่อนภาษี 2Q18 แกร่ง +15% q-Q, +74% Y-Y เป็น 1.57 หมื่นลบ. จากราคาขายที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและแหล่งมอนทาราและเอส 1 กลับมาดำเนินงานปกติ แต่เงินบาทที่อ่อนค่าทำให้มีขาดทุนจาก fx และอนุพันธ์ราว US$230 ล้าน ทำให้กำไรสุทธิเหลือ 5.45 พันลบ. -59% Q-Q, -28% Y-Y อย่างไรก็ตาม เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 7% เป็น 3.74 หมื่นลบ. +2% Y-Y โดยปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นจากเดิม US$62/บาร์เรล เป็น US$67/บาร์เรล ทำให้ราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 130 บาท จาก 123 บาท แม้ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว แต่แนะนำเก็งกำไรจากโอกาสชนะประมูลแหล่งปิโตรเลียมซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าอีก 25-30 บาท/หุ้น
(+) CPF ธุรกิจหลักเริ่มกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q18 จากราคาหมูในเวียดนามและไทยที่ขยับขึ้นสูงกว่าต้นทินการเลี้ยง เราคาดกำไรปกติทีื 1,795 ลบ. พลิกจากขาดทุนในไตรมาสแรก แต่ยัง -16% Y-Y เพราะราคาเนื้อสัตว์ยังต่ำกว่าปีก่อนและเงินบาทแข็งค่ากว่าปีก่อน แต่กำไรสุทธิจะดีกว่ามากเพราะมีกำไรจากการขายหุ้น CPALL เราคาดกำไรสุทธิ 4,895 ลบ. +60% Q-Q, +20% Y-Y แนวโน้ม 3Q18 จะยิ่งดีขึ้นเพราะเป็น high season เรายังคาดกำไรสุทธิทั้งปี -7% Y-Y เป็น 1.4 หมื่นลบ.จากฐานสูงในปีก่อน คงราคาเป้าหมาย 28 บาท แนะนำซื้อ
(+) CPALL เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 5,309 ลบ. -2% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ +14% Y-Y แม้ว่ากำไรของ MAKRO จะไม่สดใสเพราะ SSSG -2% Y-Y จากราคาเนื้อสัตว์ที่ต่ำกว่าปีก่อนและมีค่าใช้จ่ายในการขยายไปต่างประเทศ แต่ธุรกิจหลักคือร้าน 7-11 ยังโตดีและชดเชยผลกระทบจาก MAKRO ได้หมด เราคาด SSSG ของร้าน 7-11 บวกต่อเนื่อง 4% Y-Y แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นใน 2H18 เพราะเป็น high season และมี stamp promotion เรายังคาดกำไรทั้งปีโต 23% Y-Y เป็น 2.4 หมื่นลบ. ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 98 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ก.ค.- ยุโรป: ถ้อยแถลงของประธาน ECB
10 ก.ค.- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
11 ก.ค.- ไทย: TISCO ผลประกอบการ 2Q18
- สหรัฐฯ: ประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี
12 ก.ค.- ไทย: สนช.นัดลงมติเลือก กกต. ชุดใหม่
- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.) และ
13 ก.ค.- จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.)
(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังจากตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงขยายตัวต่ำกว่าคาด ทำให้มีความคาดหวังว่า FED จะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามตลาดสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ขอให้ติดตามการไปเยือนอังกฤษของปธ.ทรัมป์ และสภาพการเมืองในอังกฤษหลังการลาออกของนาย David Davis (Brexit Secretary) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะส่งผลกระทบต่อการเจรจากับสหภาพยุโรปหรือไม่
(+) ภาพรวมตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ แม้ว่ายังมีความกังวลในเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ยังมีการทำ IPO ของบริษัท Xiaomi ที่จะเริ่มเปิดการซื้อขายในตลาดฮ่องกงวันนี้
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.86 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 73.80ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 3.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1255.80ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO10960