- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 12 September 2014 15:02
- Hits: 2208
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังไม่พ้นความเสี่ยงพักฐาน
SET View
แนวโน้ม วันนี้คาด SET มีโอกาสปรับลดทดสอบแนวรับ 1570 จุด และมีความเสี่ยงต่อการพักฐานหากไม่สามารถปิดเหนือบริเวณดังกล่าว (1) ปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.6 หมื่นล้านสูงสุดในรอบเกือบเดือน ไม่สามารถทำให้ SET ปรับขึ้นได้เป็นสัญญาณเตือนถึงแรงขายทำกำไรที่เพิ่มขึ้น (2) นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะแถลงในวันนี้ คาดไม่มีประเด็นที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับรัฐบาลเลือกตั้งในชุดที่ผ่านๆมา ขณะที่นโยบายเก็บภาษีทรัพย์สินรวมถึงทบทวนการลดหย่อนภาษี LTF อาจกดดันจิตวิทยาการลงทุน (3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ยังคงปรับสูงต่อเนื่องเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน ล่าสุดขึ้นมาที่ 2.55% สูงสุดในรอบหกสัปดาห์เป็นสัญญาณเตือนถึงสภาพคล่องส่วนเกินที่ลดลง
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน เน้นถือครองเงินสด หรือดูแนวรับที่บริเวณ 1570 จุด รออ่อนตัวแล้วหาจังหวะเข้าซื้อ ไม่ไล่ราคา
(1) Top Daily Pick : INTUCH (ราคาหุ้น laggard กลุ่ม มี upside ราว 25% จากมูลค่าเหมาะสมและตอบแทนเงินปันผลราว 7% ดีกว่ากลุ่ม ขณะที่ผลประกอบการ 2H57 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง) WORK (คาดผลประกอบการ 2H57 โตก้าวกระโดดจากรายได้ Workpoint TV เริ่มเข้ามาอย่างมีนัย และธุรกิจรับจ้างผลิตรายการมีเวลาออกอากาศมากขึ้น)
(2) Technical Pick : ITD CK SITHAI TYCN INET
(3) Theme Play : กลุ่มสื่อสารบางตัวที่ laggard และมี Upside สูงกว่ากลุ่ม (INTUCH THCOM), กลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ (CK ITD STEC) โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นนโยบายที่รัฐบาลใหม่พิจารณาเป็นลำดับต้น, กลุ่มนิคมและชิ้นส่วนรถยนต์ (AMATA HEMRAJ AH SAT STANLY) คาดบอร์ด BOI พิจารณาโครงการอีโคคาร์ 2 ในเร็วนี้, กลุ่มพลังงาน/ปิโตรบางตัว (PTT PTTEP PTTGC TOP) เริ่มกลับมาน่าสนใจในแง่ Valuation, กลุ่มอาหาร/อิเล็กทรอนิกส์/เดินเรือ (CPF GFPT TUF DELTA HANA KCE SVI PSL TTA) ผลประกอบการ 2H57 จะเติบโตโดดเด่นจากปัจจัยฤดูกาล
ระยะ 1-2 สัปดาห์
Trading AMATA BANPU KTIS M SRICHA TOP WORK
ระยะ 3- 6 เดือนขึ้นไป
Growth SAMART SEAFCO TUF TVD WORK
Dividend BBL INTUCH MC MODERN PTTEP PTTGC SRICHA
Quant BTS EGCO GFPT MODERN STANLY TOG
รายงานวันนี้
Comment : AP (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 7.90 บาท) ประกาศจ่ายหุ้นปันผลระหว่างกาล
Update : M (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 64.40 บาท) ปรับคำแนะนำเป็น “เก็งกำไร” หลัง SSSG พลิกมาเติบโต
Update : SMPC (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 62.60 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” จากแนวโน้มกำไรที่เติบโต
Update : TKT (เก็งกำไร / มูลค่าเหมาะสม 2.58 บาท) คาดกำไรฟื้นตัวโดดเด่นใน 4Q57
Update : MODERN (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 11.80 บาท) เน้นการเพิ่มมูลค่าและเติบโต
Fundamental Talk
แถลงนโนบายรัฐบาลวันนี้ ใครได้ประโยชน์
1.ประเมินจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (เผยแพร่โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา) เรามองว่ามีนโยบายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจราว 18 เรื่องที่จะมีการพิจารณาและทบทวน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
•ระยะสั้นภายใน 1-3 เดือน: ประกอบด้วย (1) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณปี 58 (2) เร่งพิจารณาโครงการลงทุนที่มีประสิทธิภาพที่นักลงทุนยื่นของส่งเสริมไว้แล้ว (3) ดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสม (4) ลดอุปสรรคในการส่งออกให้เกิดควาคล่องตัว (5) ส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่
•ระยะกลางภายใน 1 ปี: ประกอบด้วย (1) ประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกัน (2) แก้ปัญหาน้ำท่วม (3) ปฎิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิง (4) ปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีได้อย่างครบถ้วน (อาทิ การเก็บภาษีทรัพย์สินและมรดก พิจารณายกเลิกลดหย่อนภาษี LTF)
•ระยะยาว 5-10 ปี: ประกอบด้วย (1) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนส่งและคมนาคม (เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าเขตตัวเมืองกรุงเทพ ขยายสู่ท่าอากาศยานสุวรณภูมิ , ท่าเรือแหลมฉบังรวมถึงท่าเรืออื่น (2) ปรับโครงสร้างบริหารจัดการสาขาขนส่ง และจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลระบบราง (3) พัฒนาและปรับปรุงระบบบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ (4) ปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตร การแบ่งเขตเพื่อปลูกพืชผล (5) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของประเทศ อาทิ เกษตรแปรรูป นวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและใช้การออกแบบสร้างสรรค์ (6) เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมให้เข้มแข็ง (7) ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัล
2.พิจารณาจากนโยบายที่ออกมาเชื่อว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้จำกัด เนื่องจากนโยบายค่อนข้างอนุรักษ์เมื่อเทียบกับรัฐบาลเลือกตั้งชุดที่ผ่านๆมา มีเพียงการใช้เงินตามงบประมาณปกติ (ราว 80% เป็นรายจ่ายประจำ) และไม่เน้นการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ รวมถึงเน้นอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนในการดำเนินธุรกิจซึ่งยังคาดหวังผลทางเศรษฐกิจได้ยาก ส่วนนโยบายระยะกลางเน้นไปที่การเพิ่มภาษีและปรับปรุงกฏระเบียบเพื่อลดการผูกขาด (ธุรกิจพลังงาน) ด้านนโยบายระยะยาวยังเป็นไปตามทิศทางที่องค์กรภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจวางแผนวางไว้ ซึ่งความต่อเนื่องของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายระยะยาวเสมอมา
3.สรุปนโยบายระยะสั้นจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนิคม ส่งออก ค้าปลีก ขนส่งและท่องเที่ยว นโยบายระยะกลางอาจกดดันจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุน (การเพิ่มภาษีคนรวย และลดศักยภาพการทำกำไรของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ส่วนระยะยาวจะได้ประโยชน์ต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มนิคมฯ และขนส่ง (รถไฟฟ้าและทางด่วน) ซึ่งราคาหุ้นของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายดังกล่าวไปแล้วพอสมควร จึงควรระวังแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้นกลุ่มดังกล่าวจากนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะหลังการแถลงนโยบายโดยนายกรัฐมนตรีในวันนี้เสร็จสิ้นลง
Smart Port Note
TVD วานนี้บวก 6.40% เราคาดครึ่งปีหลังจะกลับมามีอัตรากำไรในระดับปกติที่ 4% จากการกลับมาโฆษณาออกอากาศในช่องฟรีทีวีได้ตามปกติ ประกอบกับมีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษ 125 ล้านบาทใน 3Q57 จากการขายสิทธิดำเนินงานช่อง TVD Shopping ให้กับ MOMO
TOG วานนี้บวก 5.93% หลังผู้บริหารปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 57 เป็น 1.9 พันล้านบาท เติบโต 17%YoY นอกจากนี้ยังเพิ่มเป้ารายได้แผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้าเป็น 2.5 พันล้านบาทในปี 62 อีกทั้ง TOG เป็นหุ้นปันผลสูง โดยเราประเมินปันผลปี 58 ราว 6-7%
BTS ซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนประมาณ 5% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้ว กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อคืนตั้งแต่ วันที่ 25/08/57 – 24/02/58
หุ้นใน Smart Port ที่จะขึ้น XD ได้แก่
2/10/2557 - TVD
ปัจจัยต่างประเทศ
ดัชนีดาวโจนส์ (11 ก.ย.) ปิดบวกโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด 17,049 จุด บวก 19.17 จุด (+0.12%)
ตลาดหุ้นยุโรป (11 ก.ย.) ปิดลบในกรอบ 0.09-0.47% หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ของยุโรปก็ถ่วงตลาดโดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีน
เงินเฟ้อจีน ส.ค.57 ต่ำสุดรอบ 4 เดือน เงินเฟ้อจีนเดือน ส.ค.57 ชะลอตัวลงมากกว่าคาดสู่ระดับ 2%YoY ต่ำสุดในรอบ 4 เดือนและเป็นสัญญาณชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวและมีโอกาสมากขึ้นที่ผู้กำหนดนโยบายจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มหากจำเป็น
ธ.กลางฟิลิปปินส์ขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ขึ้นดอกเบี้ยกู้ยืมประเภทข้ามคืนและดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษระยะสั้น 0.25% สู่ 4.0% และ 2.5% ตามลำดับ เพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อ หลังเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค.57 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน
ธ.กลางอินโดนีเซียคงดอกเบี้ยที่ 7.5% ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงดอกเบี้ยอ้างอิงที่ระดับ 7.5% ตามคาด ซึ่งทรงตัวมาตั้งแต่เดือน พ.ย.56 โดยช่วงเดือน มิ.ย.-พ.ย.56 ธนาคารได้ขึ้นดอกเบี้ยรวม 1.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ, พยุงค่าเงินรูเปียห์ และควบคุมยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่ตลาดรอดูว่านายโจโก วิโดโด ว่าที่ประธานาธิบดีจะปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อลดเงินอุดหนุนของรัฐหรือไม่
BOJ พร้อมผ่อนคลายนโยบาย ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นพร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นทางการเงินที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือน เม.ย.57 เพื่อให้บรรลุเป้าเงินเฟ้อ 2% ขณะที่วัฎจักรเศรษฐกิจที่สดใสของญี่ปุ่นยังดำเนินต่อไป ชี้ว่ายังไม่จำเป็นดำเนินการในขณะนี้
สินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน (11 ก.ย.) ปิดบวกวิตกข่าวรัสเซียระบุถึงการโจมตีต่อกลุ่มนักรบแห่งรัฐอิสลามในซีเรียโดยไม่ได้รับคำสั่งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะถือเป็นการรุกราน น้ำมัน Nymex ส่งมอบเดือน ต.ค.ปิดตลาด 92.83 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 1.16 ดอลลาร์ น้ำมัน Brent ส่งมอบเดือน ต.ค.ปิดตลาด 98.08 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 0.04 ดอลลาร์
ราคาทองคำ (11 ก.ย.) ปิดลบขณะที่ดอลลาร์ทรงตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 14 เดือน และสถานการณ์ยูเครนลดความตึงเครียดโดยการร่วงลงของทองทำให้ราคาโลหะมีค่าอื่นๆ ร่วงลงตามด้วย ทองคำ Comex ส่งมอบเดือน ธ.ค.ปิดตลาด 1,239 ดอลลาร์/ออนซ์ ลบ 6.30 ดอลลาร์/ออนซ์ (-0.51%)
ดัชนีค่าระวางเรือ (11 ก.ย.) ปิดลบ 11 จุด มาที่ระดับ 1186 จุด (-0.92%)
อัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐ (11 ก.ย.) อ่อนค่าเนื่องจากยังกังวลประเด็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.22 บาท และปิดตลาด 32.13 บาท เช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.17-32.21 บาท
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (11 ก.ย.) ยังแข็งค่ายืนระดับ 84 โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 84.06-84.34 จุด และปิดตลาด 84.29 จุด เช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบ 84.26-84.33 จุด
ปัจจัยในประเทศ
แถลงนโยบายรัฐบาล (12 ก.ย.) จับตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะครอบคลุมการแก้ปัญหาประเทศ 11 ด้าน เช่น เศรษฐกิจ, การศึกษา, ความมั่นคง, การเดินหน้าไปสู่ประชาคมอาเซียน, การต่างประเทศ และการสร้างคุณธรรมในชาติ เป็นต้น