- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 July 2018 17:05
- Hits: 2790
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เลือกขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมาเด่น / สะสมหุ้นปันผล หรือหุ้น Valuation ถูก
Smart Pick
Take Profit PTTEP
ราคาปิด 132.50 บาท
เป้าหมายเทคนิค 128.00 บาท
ราคาหุ้น Outperform ตลาดมาก โดย YTD +32.5% จึงแนะนำขายทำกำไรระยะสั้น อีกทั้งกำไรสุทธิ 2Q61 คาดลดลงถึง 47%YoY และ 71% QoQ เป็น 3.9 พันล้านบาท จากขาดทุน FX และ Hedging loss เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX วานนี้ลดลง 1.6% ปิดที่ US$72.94/barrel หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สวนทางคาดการณ์ของตลาดเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มพลังงาน
Take Profit KTC
ราคาปิด 348.00 บาท
เป้าหมายเทคนิค 338.00 บาท
ราคาหุ้น Outperform ตลาดมากโดยขยับขึ้นถึง +87% YTD และวันนี้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติแตกพาร์ เรามองว่าเป็นจังหวะดีในการทยอยขายทำกำไรบางส่วน และขายเพิ่มส่วนที่เหลือในวันที่ซื้อขายพาร์ใหม่ช่วงปลาย เดือน ก.ค.
พร้อมแนะนำให้ Switch เข้าลงทุนใน KKP แทน เพราะคาดกำไรสุทธิ 2Q61 เติบโต YoY และ QoQ เด่น และเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดเงินปันผล 1H61 หุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.9%
เก็งกำไร AP
ราคาปิด 8.70 บาท
ราคาเหมาะสม 9.75 บาท
AP รายงาน Presales 1H61 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 52% ของเป้าหมายทั้งปี 2561 และมีปัจจัยบวกรออยู่ใน 3Q61 จากการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ทั้งแนวราบและแนวสูงรวมถึง 2.0 หมื่นล้านบาท และอีก 3.3 หมื่นล้านบาท ใน 4Q61 เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ปี 2561 จะทำยอดขายได้สูงกว่าเป้าของ AP
Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2561 เพียง 8.0 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 4.5% ต่อปี
เก็งกำไร PTTGC
ราคาปิด 72.00 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 75.00 บาท
ทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 75.00 บาท แนวรับ 71.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 70.00 บาท
เราคาดกำไรปกติ 2Q61 เติบโต YoY และ QoQ แม้ว่าจะมีผลกระทบจาก GGC ขาดทุน 2.1 พันล้านบาท แต่คิดเป็นเพียง 3% ของประมาณการทั้งปีของ PTTGC เท่านั้น
Pair Trade : Profit-Taking KTC // Buy KKP
กลยุทธ์วันนี้
ความผันผวนของตลาดหุ้นโลกสูงขึ้น เมื่อเข้าใกล้กรอบเวลาการเริ่มจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีโอกาสเปิดการเจรจาได้ทันเวลาก่อนเส้นตายหรือไม่ ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) มีท่าทีผ่อนปรน หลังจากนายกรัฐมนตรีเยอรมัน พร้อมลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ ระงับการใช้กำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์จาก EU
ด้วยจิตวิทยาการลงทุนที่เปราะบาง ส่งผลให้ SET INDEX อาจหลุดแนว 1600 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายอีกครั้ง โดยแนวรับหลักคือ 1585 จุด+/- ซึ่งเป็นจุด Low เดิมก่อนหน้า หากไม่หลุดแนวดังกล่าว เรายังมองว่า SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวได้กลับมายืนเหนือแนว 1600 จุดอีกครั้ง
เช้านี้ เราปรับลดราคาเหมาะสมของหุ้น TOP ลงจาก 90 บาท เหลือ 76 บาท อิง EV/EBITDA 5.5 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -0.5SD สะท้อน Downside ของประมาณการกำไรในปี 2562 หลัง TOP เลื่อนการหยุดซ่อมโรงกลั่นครั้งใหญ่จากเดิมปี 2563 ขึ้นมาเป็นปี 2562 เราคงคำแนะนำ "ขาย" มองว่า ยังไม่ใช้จังหวะเข้าลงทุน เพราะหุ้น TOP ขาดปัจจัยหนุนระยะสั้นเนื่องจากแนวโน้มกำไร 2Q61 ยังไม่สดใส
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำ ขายทำกำไรระยะสั้นต่อหุ้นราคาหุ้นขึ้นมา Outperform ตลาดในปีนี้ และสลับมาเก็งกำไรหุ้น Value Stock ที่มี PER ต่ำและปันผลสูง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หรือหาจังหวะสะสมหุ้นปันผลเด่นงวด 1H61 ได้แก่ LH/ QH/ KKP/ TTW/ INTUCH ราคาหุ้นน่าจะผันผวนน้อยกว่า SET INDEX โดยรวม
HOT Topic
1. ทรัมป์ยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เริ่มวันนี้ราว 11 โมงเช้า ตามเวลาประเทศไทย
2. Preview งบ 2Q61 ของ TOP
3. สัปดาห์หน้าเข้าสู่ Earnings Season ของกลุ่มธนาคาร หุ้นใดที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
4. SET Index ปรับฐานลงสู่ 1,600 จุดอีกครั้ง ในเชิงกลยุทธ์เรามองอย่างไร
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวในแดนลบตลอดวัน และทำระดับต่ำสุดระหว่างวันบริเวณ 1596 จุดก่อนฟื้นตัวขึ้นมาปิดที่ 1601.42 จุด ลดลง 27.78 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท หุ้นกลุ่ม PTT Family กดดันภาพรวมของตลาด นำโดย PTT (-3.14%), PTTEP (-1.49%) และ PTTGC (-2.04%) กดดันดัชนีราว 6 จุด
กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 1.4 พันล้านบาท รวม 4 วันขายสุทธิกว่า 8.8 พันล้านบาท และมีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 4 วันทำการราว 2.7 พันสัญญา คาดว่าเป็นการลดสถานการณ์ถือ Long บางส่วนหลัง S50U18 เป็น Discount จาก SET50 Index เหลือ 4 จุด จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 10 จุด ทางด้านสถาบันในประเทศขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการราว 371 ล้านบาท และตลาด SET50 Index Futures สถาบันในประเทศและบัญชีบล.มีสถานะ Short สุทธิราว 2.1 พันสัญญา
ตลาดตราสารหนี้ : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อยราว 260 ล้านบาท รวม 2 วันขายสุทธิกว่า 4 พันล้าน ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 33.2 บาท/เหรียญฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯเผยจะบังคับนโยบายการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญฯ เวลา 11.00 น. วันนี้ตามเวลาประเทศไทย และส่งสัญญาณเตรียมเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 3 แสนล้านเหรียญฯเป็น 5 แสนล้านเหรียญฯ
นายกรัฐมนตรีเยอรมันประกาศยอมรับข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือการลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯลง จากเดิมที่เก็บอยู่ที่ 10%
รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 12-13 มิ.ย. รายงานภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง และยังคงยืนยันแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แต่มีความเสี่ยงจากประเด็นสงครามทางการค้าที่ต้องติดตาม
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำเยอรมันเผย ประธานาธิบดีสหรัฐฯพร้อมที่จะยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์จาก EU หากยุโรปยกเลิกการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากสหรัฐฯ
อิหร่านขู่จะปิดช่องแคบเฮอมุส ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการส่งออกน้ำมันดิบ ถ้าหากสหรัฐฯคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับตลาดคาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
กกพ.มีมติให้ตรึงค่าเอฟที (Ft) งวดเดือนก.ย. - ธ.ค. 61 ที่ระดับ 15.90 สตางค์/หน่วย
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันนี้
ติดตามการบังคับใช้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ วันนี้
การประชุม EGM ของ KTC เพื่อพิจารณาวาระแตกพาร์ วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อจีนเดือนมิ.ย. ตลาดคาดขยายตัว 1.9% วันที่ 10 ก.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.9% วันที่ 12 ก.ค.
ติดตามการประชุม NATO ระหว่างวันที่ 11 - 12 ก.ค.
ติดตามการรายงานนำเข้า - ส่งออกจีน เดือนมิ.ย. วันที่ 13 ก.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO10903