- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 July 2018 17:05
- Hits: 13964
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
"ระวังสงครามการค้า "
SET Recap
SET ปิดที่ระดับ 1,626.62 จุด เพิ่มขึ้น 19.35 จุด (+1.20%) มูลค่าการซื้อขาย 58,567.28 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กหนุน รวมถึงซื้อกลับหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี เช่น GGC และ PTTGC หลังจากวานนี้ร่วงแรง มองเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากดัชนีลงไปมากแต่ยังปัจจัยทั้งในและต่างประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง
SET Outlook
ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย คาดปรับขึ้นได้ แต่จะแผ่วลง .... เรามองตลาดหุ้นช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่าเป็น technical rebound คือราคากลับขึ้นไปหาจุดก่อนที่จะลงแรงในช่วงวันพฤหัสที่ผ่านมา และด้วยตัวแปรลบที่สำคัญ คือ สงครามการค้าที่ยังระอุอยู่ ประเทศจีนได้ทำการ baned สินค้าของบริษัท Micron Technology ซึ่งเป็นผู้ผลิต memory chip รายใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ รวมไปถึงความกังวลว่าเศรษฐกิจจีน อาจประสบปัญหาหากเกิดสงคราการค้าขึ้นมาจริงๆ ซึ่งจะกระทบไปถึงเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ด้วย .... ด้านราคาน้ำมัน แม้แคนาดาและลิเบีย จะประสบปัญหาการผลิตน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันกลับขึ้นไม่ได้ไกล และมีการพูดถึงภาวะเงินเฟ้อหากราคาน้ำมันยังสูงต่อ จะจำกัดการสูงขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันตามไปด้วย ซึ่งเรามองเป็นลบกับตลาด ...... ตัวแปร ที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือทิศทางตลาดหุ้นจีน รายงานประชุม กนง. รายงานภาวะการท่องเที่ยวของไทย และการกล่าวสุนทรพจน์ของ รมว.พลังงาน ในเรื่องแนวโน้มพลังงานของไทย (มีผลต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน-ผู้ผลิตไฟฟ้า)
Recommendation
ยิ่งใกล้ 6 ก.ค. ที่จีน-สหรัฐฯ จะเริ่มใช้ภาษีนำเข้า ยิ่งต้องระวัง ....กลยุทธ์ยังแนะให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และเลือกลงทุนเป็นรายตัว หุ้น top picks ในวันนี้ เราเปลี่ยนจากหุ้นหลักที่ราคาขึ้นมาระดับหนึ่งมาเป็นหุ้นรองของกลุ่ม ประกอบด้วย KKP, BANPU* , KTC, SSP และ LH* ขณะที่หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก และมองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ ประกอบด้วย DTAC*, SPRC* , BLA*
Technical : DTAC, STEC, RS
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
Key Factors to Watch
รายงานภาวะท่องเที่ยวของไทย (4 ก.ค.)
บริษัทที่นำเสนอข้อมูล BEAUTY, INTUCH (4 ก.ค.)
รายงานประชุม FOMC ครั้งที่ผ่านมา (6 ก.ค.)
ภาษีนำเข้าสอนค้า สหรัฐฯ-จีน มีผลบังคับใช้(6 ก.ค.)
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (6 ก.ค.)
Story of the Day
ราคาทองแดงลงต่ำสุดในรอบปี โดยล่าสุดราคาทองแดง (LMCADY Comdty) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 18 อยู่ที่ 6,487 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ปรับตัวลง 10% YTD และปรับตัวลงจากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือน มิ.ย. 18 ที่ 12% คาดมาจากความกังวลด้านอุปสงค์ของทองแดงจาก Trade war ระหว่างสหรัฐฯ และจีน เนื่องจากจีนเป็นผู้ใช้ทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเรามองว่าการที่ราคาทองแดงลดลงจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ KCE ซึ่งสินค้ามีส่วนประกอบของทองแดงมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม
Today Stock Picks
SSP (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 8.50 บาท)
บริษัทเสริมสร้างพาวเวอร์ฯ (SSP) ประกอบธุรกิจเป็น Holding company ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีโครงการที่ COD แล้ว 4 โครงการกำลังการผลิตรวม 74MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 6 โครงการกำลังการผลิตรวม 116MW ทยอย COD จนถึงปี 2020 …… ประเมินกำไรอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จากการทยอย COD โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องในช่วง 2018-20 ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วน 105MW (+165% จากปี 2017, Figure 1) ทั้งนี้เราประเมินกำไรสุทธิปี 2018-19 ที่ 562 ล้านบาทและ 667 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ระยาวเติบโตโดดเด่นเฉลี่ย 40% (CAGR 2017-20) หลังโครงการใน Pipeline ปัจจุบันเปิดดำเนินการครบ……. ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 11 บาท ....... (ราคาปิด 8.25 บาท )
KTC (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 370 บาท)
KTC ขยับจาก SET100 มาเป็น SET50 มีผลมาตั้งแต่ 1 ก.ค.61 และจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น 6 ก.ค.61 เป็นพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงราคาพาร์จาก 10 เป็น 1 บาท .... เรามอง KTC เป็นหุ้นที่อิงกับการจับจ่ายใช้สอย ทั้งการซื้อขายผ่านร้านตามปกติ และ Online ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ..... เราประมานการกำไรสุทธิของ KTC ปี 2018-2019 ที่ 4.9 และ 5.4 พันล้านบาท โดยการปรับลดการตั้งสำรองในปี 2018-2019 ลง เพื่อสะท้อน coverage ratio ที่คาดว่าจะลดลงจากการตั้งสำรองในอดีตที่สูง และเพียงพอต่อ TFRS9 ....... เรามองว่าบริษัทมีความสามารถในการติดตามหนี้ที่ดีขึ้น ส่งผลให้เราปรับเพิ่มรายได้หนี้สูญรับคืนในปี 2018-2019 ที่ 16% และ 6% …ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 363 บาท ... (ราคาปิด 362 บาท )
Mongkol Puangpetra & Fundamental Research Team
OO10784