- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 June 2018 16:21
- Hits: 4370
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“หลุด 1600 จุด สงครามการค้ากดดัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้– SET Index ดิ่งลงถึง 19.12 จุด ปิดที่ 1599.54 จุด แกว่งลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลง มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 56.9 พันล้านบาท ปิดใกล้เคียงยอดต่ำสุดที่ 1599.44 จุด ยังกังลข่าวลบเรื่องสงครามการค้าที่ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ ข่าวกระแสเงินไหลออกเช่นเคย และมีข่าวโครงการเมกะโปรเจ็กต์เลื่อนประมูลไปปีหน้า กดดัน SET ปิดลบ หลักทรัพย์ปรับตัวลงมากคือ BEAUTY, TRUE, EA และ JAS ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 1.9 พันลบ.และบัญชีหลักทรัพย์ 1.8 พันลบ. และ ด้านผู้ขายสุทธิคือ ต่างประเทศ 2.1 พันลบ. และสถาบัน 1.6 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์– SET มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ เพราะลงมาเร็วเกินไป ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้นต่อ และมีการประมาณการจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลลินช์ คาดการณ์ว่า หากปธน.ทรัมป์ใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า อาจมีการเก็งกำไรหุ้นกล่มพลังงาน และมีแรงเสริมจาก Window Dressing บ้าง แต่เรื่องสงครามการค้ ยังน่ากังวลเพราะเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมื่อ สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ และมีความสับสนจากเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณออกมาในเรื่องนโยบายการค้า ส่วนเฟดคาดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง (ปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี) และปีหน้าอีก 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า และเงินไหลออกกลับไปสหรัฐ นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบนำปัจจัยในประเทศ ในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ส่วนปัจจัยบวกคือ การเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป เศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้าเพราะเราเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบได้ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งแคบบวก-ลบ กังวลสงครามการค้า ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า +9 จุด น้ำมันล่วงหน้าปรับลด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นลงทุนหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อน การที่ SET ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นพื้นฐานดี Blue Chip หลายตัวย่อลงมาให้ซื้อได้ เช่น AOT, ADVANC, BBL, CPALL, KBANK, PTTGC และ SCC เป็นต้น และใกล้วันจะเริ่มใช้ SET 50 SET 100 คือ 2 ก.ค.61 จึงไปติดตาม หุ้นเข้า-ออก นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ไม่หวังกำไรมาก ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1590-1640 จุด
Update หุ้นเด่น: SCC – กำไร 1Q61 ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดย -29%YoY และ -1%QoQ อยู่ที่ 12.4 พันลบ. โดยหลักมาจากกำไรสายปิโตรเคมีลดลง เพราะบาทแข็ง, ต้นทุนแนฟทาสูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรบ.ร่วมลดลง รวมทั้งใน 1Q60 มีกำไรพิเศษ 1.9 พันลบ.แต่งวดนี้ไม่มี แนวโน้มคาดว่าจะกำไรจะทรงๆ ใกล้กับ 1Q61 และทั้งปีกำไรจะอ่อนลงจากปีก่อนซึ่งเป็นฐานสูง แต่ยังคาดว่าจะจ่ายปันผลได้ 19 บาท/หุ้น (Yield ประมาณ 4.6% ที่ราคาหุ้น 410 บาท) เพราะกระแสเงินสดยังคงแข็งแกร่ง ผู้บริหารระบุยังไม่มีแผนแตกพาร์ แนะนำทยอยซื้อสะสม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆ ก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1610-1620, 1640 โดยมีแนวรับ 1590-1580
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น CPN, GFPT ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ PTT,PRINC,SCC,AOT,CPALL,VGI,GOLD หุ้นที่หลุด List คือ VNT,MEGA,AEONTS และที่ให้หาจังหวะTake profit -ไม่มี-
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ความคืบหน้าล่าสุดของทรัมป์ เกี่ยวกับการจำกัดการลงทุนของจีน
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีน ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว ขณะที่นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน พร้อมกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้คณะกรรมการ CFIUS เป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่บริษัทจีนควรจะถูกระงับการเข้าถือครองบริษัทในสหรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ
- GDP สหรัฐฯ ประมาณการไตรมาส1 ครั้งสุดท้ายลดลง แต่ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการครั้งแรกยังร้อนแรง
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.0% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.2%
# ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ในปีนี้ มีสาเหตุจากการดิ่งลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และการชะลอตัวของสินค้าคงคลัง
# อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 3% ในไตรมาส 2 ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนฟื้นตัว โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
# ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย ขณะที่ตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
-สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ
# สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 400 ต่อ 2 ให้ผ่านร่างกฎหมายจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าบริษัทจากจีนจะเข้ามายึดครองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ
# ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองว่าประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน ได้เข้ามาทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมและฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้บังคับใช้มาตรการต่างๆ รวมทั้งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ตั้งแต่อลูมิเนียมไปจนถึงรถยนต์
- ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง แม้ GDP สหรัฐ ทบทวนครั้งสุดท้ายลดลง
# ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ก็ตาม ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการไร้ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการแยกตัวของอังกฤษจาก EU (Brexit)
+/- เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความเห็นที่ต่างกันเกี่ยวกับการเก็บภาษีประเทศคู่ค้า
# นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะที่นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยในทางตรงกันข้ามว่า สหรัฐยังไม่มีแผนการจำกัดการลงทุนจากจีนและประเทศอื่นๆในขณะนี้
- สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน
# นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ขู่ทุกประเทศทั่วโลกให้ยุติการตั้งกำแพงการค้าต่อสินค้าสหรัฐ มิฉะนั้นจะต้องพบกับมาตรการตอบโต้จากสหรัฐ
# จากข่าวข้างต้นทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกได้รบผลกระทบในทางลบ มีการกลับเข้าไปซื้อทองคำและพันธบัตรที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
+ ราคาน้ำมันปรับขึ้น สต็อคต่ำกว่าคาด-สหรัฐบังคับไม่ให้ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือเกือบ 1% ปิดที่ 73.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2557
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 77.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันอาจประสบภาวะตึงตัว หากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน
# ด้านนักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า หากปธน.ทรัมป์ใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับขึ้น มีแรงซื้อหุ้นแบงค์และเทคโนโลยี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,216.05 จุด เพิ่มขึ้น 98.46 จุด หรือ +0.41% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,716.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,503.68 จุด เพิ่มขึ้น 58.60 จุด หรือ +0.79%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพร่วงลงอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่า อเมซอนได้เข้าซื้อกิจการพิลแพค ซึ่งเป็นบริษัทขายยาออนไลน์ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตานโยบายการค้าของสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ปรึกษาทำเนียบขาวได้ออกมาส่งสัญญาณว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ
• ทองคำปรับลงอีก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 1,251 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำ
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ประกาศภายในสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
-มีข่าวลบกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ติดหล่ม พรบ.วินัยการเงินการคลัง
# มีข่าวกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ติดหล่ม พรบ.วินัยการเงินการคลัง หวั่นเพิ่มหนี้สาธารณะเป็นภาระงบประมาณ บอร์ด รฟม.สั่งศึกษาการเงินสายสีส้ม-สีม่วงใต้เพิ่ม รถไฟทางคู่เฟส 2 อาจหลุดโค้งประมูลไม่ทันปีสิ้นปีนี้
#พรบ.เริ่มใช้มาตั้งแต่ 19 เม.ย.61 นั่นคือแต่ละโครงการต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังเพิ่มอีกขั้นตอนหนึ่ง ทางรมว.คมนาคมคาดว่าจะช้าจากเดิม 2-3 เดือน (ประชาชาติธุรกิจ)
# ผลกระทบ: วานนี้แนะนำให้ชะลอการลงทุนในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างไปก่อน เพราะโอกาสของผู้รับเหมาปีนี้อยู่ที่ครึ่งปีหลัง หากกลายเป็นว่า พรบ.นี้ทำให้ไม่สามารถเปิดประมูลงานขนาดใหญ่ในครึ่งหลังปีนี้ได้ ก็จะเป็นการจำกัดโอกาสต่อไปอีกทั้งประเด็นการรอเลือกตั้งประมาณ ก.พ.ปีหน้า ตามโรดแมป ก็อาจจะมีการชะลอ คือ รอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการมากกว่า
+/- TTCL ได้งานใหญ่ที่เวียตนาม ผุดโรงงานปิโตรฯ มูลค่า 6,400-7,040 ล้าน
# TTCL โชว์ข่าวดีคว้างานบิ๊กโปรเจกต์ "Long Son Petochemicals" ก่อสร้างโครงการโรงงานปิโตรเคมี ที่เวียดนาม มูลค่า 7,000 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2565 (ข่าวหุ้น)
# ผลกระทบ: เป็นข่าวตั้งแต่เมื่อวาน ช่วงแรกหุ้นบวกขึ้น แต่ในที่สุดปรับลงมาที่ 7.80 บาท ตามภาวะตลาดฯที่ร่วงแรงสำหรับ TTCL กลายเป็นว่าเมื่อได้รับงานขนาดใหญ่ จะกลับมากังวลว่าบริษัทอาจต้องเพิ่มทุน เพราะใช้เงินกู้มากแล้ว
+ AOT เผย 8 เดือนแรกงวดปีนี้ยอดผู้โดยสารเพิ่ม 9.88% เที่ยวบินโต 6.17%
# ในรอบ 8 เดือนของปี 60/61 (ต.ค. 60- พ.ค.61) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่งของทอท. จำนวน 95,536,222 คน เพิ่มขึ้น 9.88% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 55,021,195 คน โต 14.03% และผู้โดยสารภายในประเทศ 40,515,027 คน เพิ่มขึ้น 4.71% โดยผู้โดยสารต่างประเทศที่มาใช้บริการมากที่สุด 5 อันดับแรก (ไม่รวมสัญชาติไทย) ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซีย
# ส่วนเที่ยวบินมีจำนวน 585,423 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.17% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 309,218 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.63% และเที่ยวบินภายในประเทศ 276,205 เที่ยวบิน ลดลง 0.24%. และมีปริมาณการขนถ่ายสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ จำนวน 1,100,980 ตัน เพิ่มขึ้น 5.77%
# คงคาดการณ์ประมาณการจำนวนผู้โดยสารในงวดปี 61 (ต.ค.60-ก.ย.61) จะมีอัตราเติบโต 9-10% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 126 ล้านคน
# คงคำแนะนำ ซื้อ AOT ที่ราคาพื้นฐาน 75.00 บาท บริษัทยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งตามคาด
-/• BTS นัดหารือ กทม.สัปดาห์หน้ากำหนดมาตรการเยียวยาผู้โดยสารช่วงรถไฟฟ้าขัดข้อง
# ในสัปดาห์หน้า บริษัทฯ จะหารือกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยคาดว่าจะออกมาตรการเยียวยากับผู้รับผลกระทบหลังเกิดเหตุขัดข้องในการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสตั้งแต่วันที่ 25-27 มิ.ย.61 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสาร โดยเหตุขัดข้องดังกล่าวคาดว่ามาจากการรบกวนของสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสารจากภายนอก
# ในส่วนของบริษัทฯ จะเร่งดำเนินการติดตั้งและปรับความถี่วิทยุให้แล้วเสร็จ และย้ายคลื่นความถี่มาใช้ช่วงปลายคลื่น 2400 MHz จากเดิมใช้ช่วงต้นคลื่น 2400 MHz ให้แล้วเสร็จในคืนวันที่ 29 มิ.ย.61 และพร้อมให้บริการในวันที่ 30 มิ.ย.61 พร้อมทั้งจะส่งมอบอุปกรณ์รับสัญญาณให้ทางบมจ.ทีโอทีช่วยตรวจสอบเพื่อไม่ป้องกันปัญหาในอนาคต
# หลังจากทีโอทีปิดการใช้งานคลื่น 2300 MHz ทำให้การเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสวันนี้เป็นไปตามปกติ และยอมรับว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารย้ายไปใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ประมาณ 6-7 หมื่นเที่ยวคน/วัน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารจะทยอยกลับมาเป็นปกติ ปัจจุบันในวันทำการมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 7.3-7.4 แสนเที่ยวคน/วัน
# ผลกระทบ: ข่าวการที่ต้องเยียวยา ซื้ออุปกรณ์เพิ่มในการปรับปรุงคลื่น และรายได้ที่หายไป จากการที่ผู้ใช้บริการบางส่วนย้ายไป MRT ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ในช่วงที่มีปัญหา ถือว่าเป็นลบในระยะสั้น แต่หากพิจารณาเป็นระยะยาวจะมีผลกระทบน้อย กับผลการดำเนินงานของบริษัท เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ คงคำแนะนำ ซื้อ BTS แต่ Fully Valued สำหรับ BTSGIF
+ LOXLEY: ศาลปกครองตัดสินให้สำนักงานสลากฯ ชดใช้ให้บริษัทในกลุ่ม LOXLEY
# ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้สำนักงานสลากฯ ชำระค่าเสียหายให้กับ บริษัท ล็อกซ์เลย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัด จำนวนเงิน 945,649,656 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,442,115,725 บาท
-/• ADVANC: ทรูยื่นฟ้องศาลให้บ.ในกลุ่มระงับการถ่ายทอดบอลโลกผ่าน AIS Play และ AIS Play Box
# บริษัท ซุปเปอร์ บอรดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) บริษัทในเครือของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส ได้ดำเนินการถ่ายทอดรายการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จากทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 ,ช่อง TRUE4U และช่องอัมรินทร์ทีวีผ่าน AIS Play และ AIS Play Box มาตั้งแต่ต้นจนถึง วันที่ 27 มิถุนายน 2561 แล้วนั้น
# ปัจจุบันทางบริษัทฯมีความจำเป็นต้องยุติการออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคำสั่งให้บริษัทยุติ การเผยแพร่รายการดังกล่าวตามที่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้บริษัทฯ จึงขออภัยผู้ใช้บริการทุกท่านในการยุติการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตามคำสั่งศาลข้างต้น
# ผลกระทบ: เป็นจิตวิทยาทางลบมากกว่า เพราะเป็นเพียงส่วนน้อยในรายได้ของ ADVANC
+/• จับตาหุ้น เข้า-ออก SET50 และ SET 100 ใกล้วันเริ่มมีผล 1 ก.ค.61
# สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 6 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH, TOA
# สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 6 หลักทรัพย์ คือ BCP, KCE, PSH, SAWAD, TPIPP, WHA
# สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 11 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, BLA, DELTA, ERW, GLOW, PRM, RATCH, RS, THANI, TOA, TTW
# สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 11 หลักทรัพย์ คือ ANAN, BA, BEC, BIG, JMART, JWD, MC, MONO, THCOM, TTA, UNIQ
+/- บาทอ่อนส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่เป็นลบกับผู้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ
# หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้มากขึ้นเป็น sentiment บวกกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์เสียประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI และ RCL เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO10615