- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 June 2018 07:40
- Hits: 1556
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นผันผวนสูง โดยในช่วงเช้าเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเด่นสนับสนุนจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP ภายหลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นกว่า 3% ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในช่วงบ่าย SET เผชิญกับแรงขายทำกำไรในกลุ่มธนาคาร SCB, KBANK และหุ้นใหญ่อย่าง PTTGC, CPALL, TRUE ณ.สิ้นวัน SET กลับมาปิดที่ 1,622 จุด (-12.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,552 ล้านบาท (ขายสุทธิ 16 วันทำการติดต่อกัน) แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 4,721 สัญญา
Investment theme
Risk off ส่งผลให้ Fund flow ไหลออกจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging market ) Tradewar ยากต่อการประเมินผลกระทบ : ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น จากทั้งต้นทุนการลงทุนอย่างอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น ตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ และเชื่อว่าดอกเบี้ยของธนาคารกลางอีกหลายแห่งในโลกก็จะทยอยปรับขึ้นตามสหรัฐในอีกไม่นาน นำโดย ECB, BOE และอีกหลายๆประเทศในแถบ EM ประกอบกับความกังวลเรื่องสงครามการค้า ไม่เพียงส่งผลต่อตลาดหุ้นเท่านั้น ในระยะกลาง-ยาว หากสหรัฐไม่เปิดทางการเจรจากับนานาประเทศ เราประเมินว่า จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกที่ลดลง Marginในหลายๆอุตสาหกรรมจะบาง จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนได้ แนะเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ล่าสุด 2 องค์กรใหญ่ของเยอรมัน (IFO, DIW) ระบุประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปกำลังเผชิญกับความเสี่ยงสูงหลังเข้าสู่สงครามการค้า พร้อมปรับเป้า GDP ปีนี้ลงเหลือเพียง 1.8-1.9% (จาก 2.4-2.6%)
Investment Theme: เราประเมินแนวรับบริเวณ 1,620 จุด ปัจจุบันตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่สภาวะ Risk Off จากประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มรุนแรงขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวที่มีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค.นี้ สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำ Wait&See เพื่อรอความชัดเจน ในขณะที่หุ้นยังอยู่ในพอร์ตอย่างกลุ่ม Domestic ได้แก่กลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM กลุ่มอสังหา GOLD, LH
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สหรัฐรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.เติบโตสูงกว่า 6.7% (คาด 1.5%) / ค่าการกลั่นปรับลดเหลือ 4.28 เหรียญ
Stock pick : N/A
Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 1,620-1,680 จุด แนะเก็งกำไร CPF คาดผลประกอบการพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรใน 2Q61 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นการส่งออก และราคาหมูเฉลี่ยในไทยฟื้นตัวราว 29% QoQ มาที่ 60 บาท/กก. ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัว 30% QoQ และกว่า 70% YoY มาที่ 40,000 VND/กก. / และ ทยอยสะสม GOLD
Technical View
เริ่มหลุดแนวรับ Uptrend ระยะยาว รับแข็งๆถัดไปมอง 1600 : ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยในช่วงเช้ามีแรง Rebound จากหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ไม่สามารถต้านแรงขายจากกลุ่มอื่นๆ อาทิ ธนาคารและค้าปลีก ทำให้ปรับตัวลงแรงและปิดที่ Low ของวัน ทำให้ขณะนี้ดัชนีมีแนวโน้มหลุดเส้น Uptrend ระยะยาวที่ 1615 โดยจะมีแนวรับแข็งๆถัดไปที่ 1600 อย่างไรก็ตามหากมีแรง Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ต กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้อง Stop Loss หลังหลุด 1630 และหาก Rebound มองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับต่างๆ จนกว่าจะมีสัญญาณหยุดลงที่ชัดเจนกว่านี้
แนวรับ : 1615, 1600 แนวต้าน : 1630, 1645
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
PTTEP (B 128.00-130.00, Tp 134.50// 137.00, Cut 127.00)
CPF (B 24.50, Tp 25.50, Cut 24.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO10456