บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25-06-18

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Monday, 25 June 2018 17:47; Hits: 1633

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้

เก็งกำไรหุ้นน้ำมัน / Window Dressing

Smart Pick

เก็งกำไร PTTEP

ราคาปิด 129.50 บาท

ราคาเหมาะสม 130.00 บาท

เราคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะขึ้นเด่น หลัง OPEC เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 1.5 ล้านบาร์เรล ทำให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX คืนวันศุกร์เพิ่มขึ้นถึง +4.6% เป็น US$68.58/barrel

ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 เราคาดเติบโต +10% QoQ เป็น 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งบงกชมากขึ้น และราคาขายเฉลี่ยเติบโต YoY และ QoQ

เก็งกำไร PTTGC

ราคาปิด 81.25 บาท

ราคาเหมาะสม 111.00 บาท

เรามองว่า PTTGC ได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มปิโตรเคมี เพราะเป็นผู้ผลิตแบบ Gas Base และ Valuation น่าสนใจ ที่ระดับ PER2561 เพียง 8.3 เท่า พร้อม Dividend Yield อีก 6% ต่อปี

เก็งกำไร CPALL

ราคาปิด 77.25 บาท

ราคาเหมาะสม 103.00 บาท

เราคาดว่า Window Dressing ในสัปดาห์นี้จะเด่นชัดขึ้น ซึ่งราคาหุ้น CPALL -11% QTD เทียบกับ SET INDEX -7.5% และ SET COMMERCE -9.4%

ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ -1SD ของค่าเฉลี่ย PER 5 ปีย้อนหลัง เรามองว่า Downside Risk จำกัด ขณะที่กำไรปกติใน 2Q61 เติบโต YoY จาก SSSG ที่เติบโต +3-4% YoY และได้แรงหนุนจากการเข้าสู่เทศกาลฟุตบอลโลก

เก็งกำไร KBANK

ราคาปิด 193.00 บาท

แนวต้านทางเทคนิค 196.00 บาท

สัญญาณทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 196.00 บาท แนวรับ 192.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 191.50 บาท

เรามองว่า KBANK มีโอกาสได้อานิสงค์จาก Window Dressing ซึ่ง QTD ราคา -8.96% ขณะที่กลุ่มธนาคาร -6.98% QTD

Pair Trade : N.A.

กลยุทธ์วันนี้

เราคาดกลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี โดยเฉพาะกลุ่ม PTT Family ช่วยให้ SET INDEX ฟื้นตัววันนี้ ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ Brent ปิดบวกเด่นราว 3-5% วันศุกร์ที่ผ่านมา หลัง OPEC มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบน้อยกว่าคาดการณ์ของตลาด เราประเมิน SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบด่าน 1640-1645 จุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของ S50M18 / PTT / SCC/ ค่าเงินบาท ประกอบการประเมินทิศทางระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในช่วงนี้ เพราะภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีความเปราะบาง

ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง SET INDEX -5.3% MTD ทำให้ Forward PER'61 ของ SET INDEX อยู่ที่ 14.9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 5 ปีที่ 15.1x เป็นโอกาสการ "สะสมเพื่อลงทุนระยะยาว" มากกว่า "การขายตัดขาดทุน" โดยหุ้น Big Cap หลายบริษัทซื้อขายที่ Forward PER'61 บริเวณ -0.5SD ถึง -1SD เช่น ADVANC/ BBL/ CPALL/ CPN/ TRUE เป็นต้น และคาดเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ได้แก่ (1) เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น (Commodity Play) โดยเฉพาะน้ำมันดิบ (PTT/ PTTEP/ PTTGC) (2) เลือกหุ้นแบบ Bottom Fishing เน้นหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามากจน Valuation น่าสนใจ ด้วยการซื้อขายบน PER Band บริเวณ -0.5SD หรือ -1SD ทำให้ Downside Risk ค่อนข้างจำกัด และ (3) สะสมหุ้นปันผล (Dividend Stocks) งวด 1H61 ได้แก่ LH/ KKP/ TTW/ QH/ INTUCH ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 1-2 เดือน

HOT Topic

1. น้ำมันดิบ NYMEX, BRENT ปรับตัวขึ้น +4% หลัง OPEC เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันน้อยกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

2. ติดตามการประชุมในสัปดาห์นี้ ระหว่างรัฐบาลและหัวหน้าพรรคการเมืองเพื่อปลดล็อกกิจกรรมทางการเมือง

3. หุ้นอะไรที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Window Dressing

4. GDP 1Q61 รอบสุดท้ายของสหรัฐฯ คาด +2.2% รายงานวันที่ 28 มิ.ย.

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปิดบวกเพียง 0.54 จุด ปิดที่ 1634.98 จุด มูลค่าการซื้อขายไม่มากเพียง 5 หมื่นล้านบาท

กระแสเงินทุน : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาด โดยยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 15 อีก 875 ล้านบาท รวมขายสุทธิสะสมกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท สถานะ Short สุทธิในตลาด SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 4 วันทำการราว 1.2 พันสัญญา เมื่อราคาปิดของ S50M18 มี Premium จาก SET50 Index เล็กน้อยราว 0.12 จุด ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Long สุทธิสะสมอยู่ราว 2.1 หมื่นสัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 2.8 พันล้านบาท รวม 8 วันขายสุทธิไปกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท กดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 32.93 บาท/เหรียญฯ ด้านสถาบันในประเทศ ขายสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 508 ล้านบาท และสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิในตลาด SET 50 Index Futures ราว 7 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิสะสมอยู่ราว 8.1 พันสัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า มีแนวโน้มยืดเยื้อและเข้มข้นต่อเนื่อง ไม่เฉพาะระหว่างสหรัฐฯและจีนเท่านั้น แต่ระหว่างสหรัฐฯและยุโรป, แคนาดา, เม็กซิโก ด้วย ทำให้ความเสี่ยงจากสงครามการค้าโลก เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการส่งออกและเศรษฐไทยในระยะข้างหน้า

ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง (RRR) ลง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องราว US$1.08 แสนล้าน มีผลบังคับใช้วันที่ 5 ก.ค.

OPEC และ Non-OPEC มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในวันที่ 1 ก.ค. คาดเพิ่มขึ้นราว 7.7 แสนบาร์เรล - 1 ล้านบาร์เรล

Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ลดลงถึง 1 แท่น อยู่ที่ระดับ 862 แท่นในสัปดาห์ก่อน ลดลงครั้งแรกในรอบ 12 สัปดาห์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมเก็บภาษีรถยนต์ 20% ที่นำเข้ารถยนต์จากสหภาพยุโรป (EU) หาก EU ยังไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

IMF เผยความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดต่อ EU

ยูโรโซนรายงานค่า PMI รวมภาคบริการและภาคการผลิต เดือนมิ.ย. อยู่ที่ 54.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 54.1 จุด

กระทรวงเกษตรเตรียมนัดหารือผู้นำเข้ายางพารา 20 ประเทศ เพิ่มขยายตลาดคู่ค้ายางพาราไทย ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. 2561

ติดตามการประชุมประเด็นทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับพรรคการเมืองภายในวันที่ 25 มิ.ย. 2561

ติดตามการรายงาน GDP 1Q61 ครั้งที่ 3 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.2% วันที่ 28 มิ.ย.

ติดตามการรายงาน GDP อังกฤษ การรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ และการรายงานภาวะเศรษฐกิจของธปท. วันที่ 29 มิ.ย.

Strategist Team

Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050