SET ปิดที่ระดับ 1,664.26 จุด เพิ่มขึ้น 24.72 จุด (+1.51%) มูลค่าการซื้อขาย 60,045.53 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้รีบาวด์สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังตอบรับเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯไปค่อนข้างมากแล้ว อีกทั้งตลาดฯได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่อาจรีบาวด์ได้หลังมองการประชุมกลุ่มโอเปกอาจจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแบบสุดโต่งอย่างที่คาดการณ์ นอกจากนี้ Valuation ตลาดฯก็น่าสนใจขึ้นหลังดัชนีฯปรับตัวลงไปทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับพันธบัตรสหรัฐฯสูงขึ้นมาแตะค่าเฉลี่ย 4.4% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 3.2% 

 

  คาดดัชนีฯ เดินหน้าต่อ แต่แกว่งกรอบแคบลง หลังตลาดต่างประเทศเริ่มนิ่ง ...   การดีดตัวขึ้นมาของดัชนีฯวานนี้ นอกจากจะเป็นเพราะนักลงทุนขายหุ้นออกมามากในช่วงก่อนหน้านี้ และตลาดต่างประเทศเองก็ปรับตัวขึ้น วันนี้ เรามองตลาดยังคงเป็นการ rebound เนื่องจากข่าวลบที่มีอยู่หลักๆ คือสงครามการค้า ยังคงกดดันตลาด รวมทั้งการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศที่คาดจะไม่จบลงโดยง่าย .....   ตัวแปรที่ต้องจับตาดูในวันนี้  คือความคืบหน้า ในเรื่องการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน  ข้อสรุปในเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหลังจะมีการหารือนอกรอบในวันนี้อีกครั้ง ล่าสุด ตัวเลขการผลิตน้ำมันจบลงด้วย +6 แสนบาร์เรล/วัน ..... ในประเทศ วันนี้ จะมีการรายงานตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค.ของไทย ผลสำรวจคาด +9.9% YoY (เดือนก่อน +11.5%) 

 

  เรามองตลาดว่าเป็นเพียง technical rebound เนื่องจากปัจจัยลบยังไม่หมดไป เป้าดัชนีฯช่วงสั้นๆ ให้ไว้ที่ 1670 จุด .....  กลยุทธ์ สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว เราแนะถือรอดูทิศทางตลาด  ขณะที่นักเก็งกำไรช่วงสั้นๆ อาจเลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หรือหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมามาก แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามตลาดหุ้นต่างประเทศในระหว่างวันไปด้วยเพราะมีผลต่อตลาดไทยโดยตรง  ....   หุ้นที่เป็น top pick ของเราในวันนี้  ประกอบด้วย KBANK , BBL, AOT, BDMS, PTT*, KTC และ HUMAN  

 

 

  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์