- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 June 2018 19:26
- Hits: 1536
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Defensive Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรง และความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้ดัชนีลบถึง 25 จุดและปิดที่ระดับเกือบต่ำสุดของวัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดรวม 1.26 หมื่นลบ. (ขายหุ้น 2.8 พันลบ. ขายพันธบัตร 9.1 พันลบ. และขายฟิวเจอร์สราว 700 ลบ.) ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งอ่อนตัวลงต่อ โดยระยะสั้นยังยังคงกดดันจากประเด็นสงครามการค้า หลังล่าสุดสหรัฐฯขู่เรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ราคาน้ำมันยังแกว่งตัวผันผวนก่อนการประชุมผู้ผลิตน้ำมันในวันศกร์นี้ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว โดยระยะนี้ให้เน้นพักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$441ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$311ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$86ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งอ่อนตัวลงต่อ โดยระยะสั้นยังยังคงกดดันจากประเด็นสงครามการค้า หลังล่าสุดสหรัฐฯขู่เรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ราคาน้ำมันยังแกว่งตัวผันผวนก่อนการประชุมผู้ผลิตน้ำมันในวันศกร์นี้ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว โดยระยะนี้ให้เน้นพักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$441ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$311ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$86ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 67.50 บาท
เป็นหุ้นที่น่าสนใจในช่วงตลาดขาลง เพราะ Defensive ทั้งตัวธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับต่างประเทศ และในเชิง Valuation ที่ Discount จาก NAV ของ ADVANC ถึง 25% รวมถึงยังมีค่าเบต้าต่ำแค่ 0.67 เท่า
จากการวิเคราะห์ Volume by price ในโปรแกรม Finansia Hero พบว่า ราคาย่ำฐานแถว 54 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 1.5 พันล้านหุ้น Downside ในระยะสั้นจึงค่อนข้างจำกัด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ประเทศชั้นนำลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ โดยรัสเซียถือเป็นประเทศที่ลดการถือครองมากที่สุดจากกว่า 1 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯในปี 2017 เหลือเพียง 4.9 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ใน มี.ค. 18 ขณะที่ จีนและญี่ปุ่นที่เป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากสุดอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ต่างทยอยลดการถือครองลงเช่นกัน ภาพหลังจากนี้คาดว่ายังลดการถือครองต่อเนื่องเพื่อรับกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยลบทางอ้อมต่อสินทรัพย์เสี่ยง
(0) หุ้นเข้าออก SET50/ SET100 สำหรับงวดการคำนวณ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 18 หุ้นที่เข้า SET50 มี 6 หลักทรัพย์คือ BGRIM DELTA GLOW KTC RATCH TOA หุ้นที่ออกคือ BCP KCE PSH SAWAD TPIPP WHA ส่วนหุ้นที่เข้า SET100 มี 11 หลักทรัพย์คือ BGRIM BLA DELTA ERW GROW PRM RATCH RS THANI TOA TTW และหุ้นที่ออกคือ ANAN BA BEC BIG JMART JWC MC MONO THCOM TTA UNIQ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับที่เราคาดก่อนหน้านี้ โดยถ้าอิงจากสถิติปีที่ผ่านมา หุ้นเข้า SET50 จะปรับตัวขึ้นหลังประกาศ 1.2% ในช่วง 5 วันทำการ ด้วยความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 67%
(+) กลุ่มรับเหมา ได้แรงหนุนจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ ที่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H18 และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นลบในต่างประเทศ โดยวานนี้เริ่มขายเอกสารการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมูลค่ากว่า 2 แสนลบ. ซึ่งคาดว่าจะประกาศผู้ชนะได้ใน พ.ย. 18 และเซ็นสัญญาภายในปีนี้ หุ้นเด่นในกลุ่มยังเป็น STEC (TP 23 บาท) และ CK (TP 40 บาท)
(+) KKP สินเชื่อเดือนพ.ค. +2.2%M-M (+4.3 พันลบ.) เป็นการเติบโตทุกกลุ่มยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ แล สินเชื่อ SME3+ สินเชื่อที่เห็นการเติบโตดีคือสินเชื่อเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ให้กับผู้ประกอบการ) ซึ่งธนาคารเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีความเสี่ยงน้อยลง รวม 5M18 +9.6%YTD ด้านเงินฝากเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อ +4.8%M-M (+6.6 พันลบ.) เป็นการเติบโตในจากเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นไม่น่ากดดัน CoF แนวโน้มกำไร 2Q18 คาดว่าจะ+ 20%Y-Y จากรายได้ที่เป็น Loan-related fee มากขึ้น และสำรองฯลดลง อีกทั้งคาดว่า KKP จะจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H18 หุ้นละ 2 บาท Yield 3% แนะนำ ซื้อ คงราคาเหมาะสม 85 บาท
(+) ANAN แจ้งเริ่มโอนโครงการ Ashton Asoke มูลค่า 6.7 พันลบ. มียอดขายแล้ว 76% (JV ANAN 51%) ได้ตั้งแต่ 15 มิ.ย. หลังเลื่อนจากเดือนมี.ค. เพราะยังไม่ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร ถือเป็นการปลดล็อคประเด็นที่กดดันราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถโอน Backlog ของโครงการดังกล่าวได้ทั้งหมดในปีนี้ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งกำไรราว 500-600 ลบ. เบื้องต้นคาดกำไรปีนี้อยู่ที่ 2.1 พันลบ. (+58% Y-Y) เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่หากอิง PE กลุ่มอสังหาที่ 9 เท่า จะได้ราคาเหมาะสม 5.70-5.90 บาท
เป็นหุ้นที่น่าสนใจในช่วงตลาดขาลง เพราะ Defensive ทั้งตัวธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับต่างประเทศ และในเชิง Valuation ที่ Discount จาก NAV ของ ADVANC ถึง 25% รวมถึงยังมีค่าเบต้าต่ำแค่ 0.67 เท่า
จากการวิเคราะห์ Volume by price ในโปรแกรม Finansia Hero พบว่า ราคาย่ำฐานแถว 54 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 1.5 พันล้านหุ้น Downside ในระยะสั้นจึงค่อนข้างจำกัด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ประเทศชั้นนำลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ โดยรัสเซียถือเป็นประเทศที่ลดการถือครองมากที่สุดจากกว่า 1 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯในปี 2017 เหลือเพียง 4.9 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ใน มี.ค. 18 ขณะที่ จีนและญี่ปุ่นที่เป็นผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากสุดอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ ต่างทยอยลดการถือครองลงเช่นกัน ภาพหลังจากนี้คาดว่ายังลดการถือครองต่อเนื่องเพื่อรับกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ถือเป็นปัจจัยลบทางอ้อมต่อสินทรัพย์เสี่ยง
(0) หุ้นเข้าออก SET50/ SET100 สำหรับงวดการคำนวณ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 18 หุ้นที่เข้า SET50 มี 6 หลักทรัพย์คือ BGRIM DELTA GLOW KTC RATCH TOA หุ้นที่ออกคือ BCP KCE PSH SAWAD TPIPP WHA ส่วนหุ้นที่เข้า SET100 มี 11 หลักทรัพย์คือ BGRIM BLA DELTA ERW GROW PRM RATCH RS THANI TOA TTW และหุ้นที่ออกคือ ANAN BA BEC BIG JMART JWC MC MONO THCOM TTA UNIQ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับที่เราคาดก่อนหน้านี้ โดยถ้าอิงจากสถิติปีที่ผ่านมา หุ้นเข้า SET50 จะปรับตัวขึ้นหลังประกาศ 1.2% ในช่วง 5 วันทำการ ด้วยความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 67%
(+) กลุ่มรับเหมา ได้แรงหนุนจากโครงการลงทุนภาครัฐฯ ที่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H18 และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นลบในต่างประเทศ โดยวานนี้เริ่มขายเอกสารการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมูลค่ากว่า 2 แสนลบ. ซึ่งคาดว่าจะประกาศผู้ชนะได้ใน พ.ย. 18 และเซ็นสัญญาภายในปีนี้ หุ้นเด่นในกลุ่มยังเป็น STEC (TP 23 บาท) และ CK (TP 40 บาท)
(+) KKP สินเชื่อเดือนพ.ค. +2.2%M-M (+4.3 พันลบ.) เป็นการเติบโตทุกกลุ่มยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ แล สินเชื่อ SME3+ สินเชื่อที่เห็นการเติบโตดีคือสินเชื่อเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ให้กับผู้ประกอบการ) ซึ่งธนาคารเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีความเสี่ยงน้อยลง รวม 5M18 +9.6%YTD ด้านเงินฝากเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสินเชื่อ +4.8%M-M (+6.6 พันลบ.) เป็นการเติบโตในจากเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นไม่น่ากดดัน CoF แนวโน้มกำไร 2Q18 คาดว่าจะ+ 20%Y-Y จากรายได้ที่เป็น Loan-related fee มากขึ้น และสำรองฯลดลง อีกทั้งคาดว่า KKP จะจ่ายปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H18 หุ้นละ 2 บาท Yield 3% แนะนำ ซื้อ คงราคาเหมาะสม 85 บาท
(+) ANAN แจ้งเริ่มโอนโครงการ Ashton Asoke มูลค่า 6.7 พันลบ. มียอดขายแล้ว 76% (JV ANAN 51%) ได้ตั้งแต่ 15 มิ.ย. หลังเลื่อนจากเดือนมี.ค. เพราะยังไม่ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร ถือเป็นการปลดล็อคประเด็นที่กดดันราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถโอน Backlog ของโครงการดังกล่าวได้ทั้งหมดในปีนี้ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งกำไรราว 500-600 ลบ. เบื้องต้นคาดกำไรปีนี้อยู่ที่ 2.1 พันลบ. (+58% Y-Y) เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่หากอิง PE กลุ่มอสังหาที่ 9 เท่า จะได้ราคาเหมาะสม 5.70-5.90 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 มิ.ย.- ไทย: ส่งออก-นำเข้า-ดุลการค้า และยอดขายรถ (พ.ค.)
20 มิ.ย.- ไทย: กนง. ประชุม ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%
21 มิ.ย.- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย
22 มิ.ย.- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มิ.ย.)
22-23 มิ.ย.-การประชุมกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC
(-) ตลาดสหรัฐยังคงปรับตัวลงอีกเล็กน้อย จากข้อพิพาททางการค้าที่มีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้น หลังปธ.ทรัมป์อาจเพิ่มการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก แม้ว่าระหว่างวัน ตลาดสหรัฐจะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีก็ตาม
(-) ตลาดยุโรปลดลง หลังจากความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองในเยอรมันและสงครามการค้า
(-) ตลาดเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้ปรับตัวลง หลังสถานการณ์เรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มว่าจะยิ่งรุนแรงขึ้น รวมไปถึงค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่กลับมาแข็งค่า กดดันกำไรบริษัทข้ามชาติ
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยแนวโน้มเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.79 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.85 ดอลลาร์/บาเรลล์ โดยราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนก่อนหน้าการประชุม OPEC ในวันศุกร์นี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,280.10 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO10219
(-) ตลาดยุโรปลดลง หลังจากความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองในเยอรมันและสงครามการค้า
(-) ตลาดเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้ปรับตัวลง หลังสถานการณ์เรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มว่าจะยิ่งรุนแรงขึ้น รวมไปถึงค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่กลับมาแข็งค่า กดดันกำไรบริษัทข้ามชาติ
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยแนวโน้มเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.79 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.85 ดอลลาร์/บาเรลล์ โดยราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนก่อนหน้าการประชุม OPEC ในวันศุกร์นี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,280.10 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO10219