- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 June 2018 19:33
- Hits: 3546
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> AOT, CPF, SPALI
Stock S R Comment
AOT 66.50 68.50 เตรียมชงแผนพัฒนาดอนเมืองเฟส3
CPF 24.70 26.00 คาดกำไรQ2ฟื้น หลังราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น
SPALI 24.20 25.50 Backlogแกร่ง กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Bad news kept coming, keep your guard up
OPEC :มองการประชุมOPECและNon-OPECในวันที่22มิถุนายนนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อการลงทุนในสัปดาห์นี้ โดยหากดูจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนวันศุกร์ เราประเมินว่านักลงทุนส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าในที่ประชุมดังกล่าวอาจมีการพูดคุยกันถึงการยุติข้อตกลงการลดกำลังการผลิต รวมถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มกำลังการผลิตไปบ้างแล้ว ด้วยเหตุนี้ หากในที่ประชุมดังกล่าว ชาติสมาชิกยังคงแสดงจุดยืนที่จะยึดมั่นในข้อตกลงการลดกำลังการผลิตเดิมที่จะมีถึงไปจนกระทั่งสิ้นปีนี้ คาดว่าจะทำให้ความกังวลดังกล่าวลดลงไปได้ แต่ในทางกลับกัน หากประเทศมหาอำนาจทั้งซาอุฯและรัสเซียต่างยืนกรานที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงถัดไป คาดราคาน้ำมันจะมีUpsideที่จำกัดในระยะสั้นต่อไป สำหรับในกลุ่มพลังงานที่เกี่ยวข้อง เรายังคงมองว่าPTTเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าPTTEPในแง่ของการกระจายความเสี่ยง และความผันผวนที่น้อยกว่าต่อไป
Factors :สำหรับปัจจัยอื่นที่สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได่แก่
1)จับตาการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งมีที่มาสืบเนื่องจากประเด็นสัปดาห์ที่แล้วทั้งFed Dot plotที่ปรับตัวขึ้น แนวนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายของECBและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งการแข็งค่าดังกล่าวทำให้สกุลเงินของประเทศเกิดใหม่ถูกกดดันอย่างหนัก โดยหากนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทถือเป็นสกุลเงินประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวอ่อนค่ามากที่สุด หากดอลลาร์สหรัฐฯยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีก มองเป็นปัจจัยกดดันFund flowในตลาดทุนไทยต่อไป
2)การประชุมกนง.ในวันที่20มิถุนายน คาดกนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ1.5%ต่อไป และเราไม่ให้น้ำหนักใดๆหากเสียงที่ออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ โดยยังคงคาดการณ์เช่นเดิมว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยที่ระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และฐานะการเงินของประเทศที่ยังคงแข็งแกร่งสามารถรองรับการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างชาติได้
3)การตัดสินใจของMSCIในวันที่20มิถุนายนว่าจะนำประเทศซาอุดิอาระเบียและอาร์เจนติน่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีMSCI EMหรือไม่ ซึ่งถ้าหากนำเข้าจริง อาจเป็นSentimentเชิงลบต่อประเทศเกิดใหม่อื่นเช่นไทยได้ เนื่องจากจะมีน้ำหนักที่ลดลงในตะกร้าของดัชนีMSCI EMนั่นเอง ทั้งนี้ หากประเทศทั้ง2ถูกนำเข้าสู่ดัชนีMSCI EMจริง จะมีน้ำหนักอยู่ในดัชนีราว2.3%และ0.6%ตามลำดับ และการบังคับใช้จริงจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีหน้า เรามองว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่ซาอุฯ เนื่องจากมีน้ำหนักที่มากที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติได้ ซึ่งน้ำหนักตรงนี้จะมากขึ้นได้อีก หากSaudi Aramcoมีการเข้าจดทะเบียนในตลาดปีหน้าตามที่คาดหมายไว้
กลยุทธ์การลงทุน : เราประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะใช้เวลาประมาณ1-2สัปดาห์ในการปรับพอร์ตรอบใหม่เพื่อรองรับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของFedที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นในช่วงนี้คงเห็นแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แนะนำWait & Seeหลังเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปที่บริเวณดัชนี1700จุดก่อนหน้านี้ ส่วนการอ่อนค่าของเงินบาทในระยะสั้น มองเป็นSentimentเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป อาทิHANA, KCEซึ่งมีราคาเป้าหมายของทั้งคู่อยู่ที่44บาท
แนวรับ 1,687 แนวต้าน1,719
บทวิเคราะห์วันนี้ :
CKP (ซื้อ ราคาเป้าหมาย5.38บาท) โรงไฟฟ้าประเภทที่มาแรง ในลาวซึ่งCKมีประสบการณ์หลายปี
Stock Comment: PTTEP (ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย125บาท) สรุปSite Visit S1
Today's Event :
CIGลูกหุ้นเข้า400หุ้น
FPIลูกหุ้นเข้า154,934,600หุ้น
UKEMลูกหุ้นเข้า5,500หุ้น
นักวิเคราะห์ :ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail:[email protected]
OO10168