- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 September 2014 15:56
- Hits: 1949
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET มีลุ้นกลับมาแกว่งบวกแต่คาดใกล้จบรอบขึ้น จึงเน้นขายช่วงบวก!!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET มีจังหวะปรับพักตัวมา 2-3 วัน สุดท้ายก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ดัชนีเริ่มดีดกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งเรายังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะขยับขึ้นหา 1600 จุด(+/-) ได้อีก ดังนั้นจึงยังแนะนำให้รอทยอยขายทำกำไรในช่วงบวกได้เช่นเดิม แต่ยิ่งเข้าใกล้หรือสูงกว่า 1600 จุดยิ่งต้องระวังการกลับไปปรับตัวลงในระดับ 100-200 จุดไว้ด้วย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TMT, MFEC, BEC(short)
แนวโน้ม : แม้ว่า SET จะปรับตัวลงค่อนข้างแรงในช่วงต้นชั่วโมง แต่ตั้งแต่ช่วงสายก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ทำให้ดัชนีค่อยๆ ไต่ระดับกลับขึ้นมาเป็นบวกเล็กน้อยได้ก่อนที่จะปิดเป็นลบไปเพียง 1 จุดเศษ โดยคาดว่าแรงซื้อส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเก็งกำไรเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันพรุ่งนี้(12 ก.ย.) ด้วย ขณะที่เช้านี้ยังมีแรงหนุนจากการกลับมาปิดเป็นบวกของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขยับขึ้นตามหุ้นแอปเปิล หลังการเปิดตัว Iphone 6 ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมาเปิดบวกด้วย อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในยุโรป เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนอาจจะยังต้องการรอดูผลประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยในวันถัดไปก่อน จึงทำให้ FSS คาดว่าแม้ SET ยังมีลุ้นโอกาสขยับบวกต่อเนื่องได้ แต่ก็มีสิทธิที่จะเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนอยู่ ดังนั้นยังถือรอขายได้ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อช่วงบวกมากนัก
แนวรับ 1580-1576 , 1572-1566 จุด แนวต้าน 1585-1587 , 1590-1592 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ ในปริมาณเบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายในตลาดหุ้นไต้หวัน US$349.8 ล้าน อินโดนีเซีย US$69.3 ล้าน ไทย US$7 ล้าน และ เวียดนาม US$6.8 ล้าน แต่ซื้อตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$3.5 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ยังปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะเบาบางรอผลประชุมธนาคารกลางของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียวันนี้ที่ตลาดคาดว่าน่าจะคงดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) นโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อสนช.ศุกร์นี้มี 11 ด้าน ด้านที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน แก้ปัญหาที่ค้างคา และวางรากฐานเพื่อการเติบโต สำหรับนโยบายเร่งด่วน จะมีการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของงบประมาณปีนี้ที่ค้างอยู่ และสานต่องบประมาณปี 2015 ตามที่คสช.จัดทำไว้ รวมทั้งเร่งพิจารณาโครงการที่มีประสิทธิภาพที่มีการขอ BOI ไว้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลตอบแทนดีมาร่วมลงทุนกับเอกชนเพื่สร้างบรรยากาศที่ดี รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยว เราเชื่อว่าการมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มและพร้อมขับเคลื่อนประเทศ จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะที่อยู่ไกลได้ และสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี พร้อมรับ QE ของฝั่งยุโรปที่เพิ่มขึ้นในระยะถัดไปได้
(+) กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ 3 โครงการด่วนคือรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และการขยายท่าเรือแหลมฉบัง ให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมพิจารณา เราคาดว่าน่าจะเห็นงานประมูลบ้างใน 4Q14 การเซ็นสัญญาส่วนใหญ่จะอยู่ในปี 2015 และเริ่มก่อสร้างและรับรู้รายได้ปี 2016 เป็นต้นไป กำไรจึงมาไม่ทันกับราคาหุ้นแต่เราก็ชอบ STEC และ CK ที่สุดในกลุ่ม
(+) BECL ปริมาณการใช้ทางด่วนเฉลี่ยต่อวันในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 1,123,067 คัน ลดลงเล็กน้อย 0.2% Y-Y จากการเลื่อนเปิดภาคเรียนระดับอุดมศึกษาจากต้น มิ.ย. เป็นกลาง ส.ค. และมีวันหยุดยาวช่วงวันแม่ แต่เพิ่ม 2.1% M-M เพราะเริ่มเปิดภาคเรียน ส่วนรายได้ค่าทางด่วนเดือน ส.ค. เพิ่ม 7.6% Y-Y และ 2.5% M-M จากการขึ้นค่าทางด่วนตั้งแต่ 1 ก.ย. 2013 เรายังคาดกำไรปกติปีนี้โต 52% จากผลของการขึ้นค่าทางด่วนและส่วนแบ่งกำไรของ TTW และ CKP ที่เพิ่มขึ้น ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 47 บาท
(-) DEMCO Backlog ณ สิ้น 2Q14 อยู่ที่ 6.07 พันล้านบาท บริษัทคาดว่า 3.1 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ใน 2H14 ส่วนที่เหลือ 3 พันล้านบาทจะรับรู้ปี 2015 ขณะที่เราคาดรายได้ปีนี้ 5.2 พันล้านบาทและ 5.9 พันล้านบาทปี 2015 เชื่อว่าเป็นไปได้และน่าจะเต็มกำลังของบริษัทจนไม่สามารถรับงานใหม่ได้อีก สำหรับการขยายไปต่างประเทศ DEMCO มุ่งไปที่พม่าและลาว ในพม่า เป็นงานสร้าง Substation 90 ล้านบาท คาดรู้ผลภายใน ก.ย. นี้ ส่วนในลาว เป็นงานสัมปทานสาธารณูปโภค 30 ปีในแขวงหนึ่งของประเทศลาว (ไม่เปิดเผยมูลค่า) คาดรู้ผล 1-2 เดือนนี้ บริษัทหวังจะได้งานต่อเนื่องในประเทศลาวหากประมูลได้งานนี้ และหากประมูลได้ รายได้จะเริ่มเข้ามาในปี 2017-18 ไม่กระทบประมาณการกำไรและเป้าหมายปี 2015 ของเราที่ประเมินไว้ 12.50 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 29 เท่าของกำไรในปีหน้า แพงเกินไปสำหรับการลงทุนในวันนี้ จึงยังคงแนะนำขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมากลับมาปิดบวกได้หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้าจากการพุ่งขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูว่า FED จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในกรอบแคบๆหลังแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยตลาดให้น้ำหนักทางลบต่อเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต รวมถึงเรื่องการแยกตัวของสก็อตแลนด์จากสหราชอาณาจักร
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวด้านบวก แต่กรอบการขึ้นคาดยังจำกัด โดยตลาดยังจับตาเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
ค่าเงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างแรงวานนี้ ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.07-32.20 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 91.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด รวมถึงอุปสงค์ทางฝั่ง OPEC ที่ลดลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงต่ออีก 3.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,245.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังแข็งค่า ความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนที่ลดลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), CCN เริ่มเทรด (ราคาIPO 1.25 บาท)
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
12 ก.ย. - ไทย: รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสนช.
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
13 ก.ย. - จีน: Industrial Production, ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
15 ก.ย. - สหรัฐ: Industrial Production (ส.ค.)
17-18 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
17 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม, ยอดขายรถ (ส.ค.)
18 ก.ย. - ไทย: RWI เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.60 บาท)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
22 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852