- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 September 2014 15:52
- Hits: 2150
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดลบเล็กน้อย 1.05 จุด มาอยู่ที่ 1,582.13 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 59,072 ล้านบาท
ขณะที่เงินทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน โดยขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการเพียง 224 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 2,995 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 4,430 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ย 0.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะปรับฐานลงสู่แนว 1,570 จุด และเกิด Technical rebound กลับมาปิดยืนเหนือ 1,580 จุดอีกครั้ง MBKET ประเมินภาพ SET INDEX ช่วง 1-2 วันนี้จะแกว่งในกรอบแคบ 1,575-1,585/90 จุด หุ้นหลักในกลุ่ม ICT / PTT Family จะเป็นกลุ่มช่วย SET INDEX ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว หรือมี Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตฯ เชื่อว่าจะขยับขึ้นเด่นกว่าภาพรวมของ SET INDEX
ด้านเงินทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในช่วงสั้น เพื่อรอผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งน่าจะเป็นตัวแปรหลักที่กำหนดบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งออกด้านข้างเพื่อรอผลดังกล่าวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Downside risk ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นไปอย่างจำกัด แนว 1,570 จุดเชื่อว่าจะทำงานได้ค่อนข้างดี เพื่อรอการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของนายกฯ พล เอก ประยุทธ์ ในวันพรุ่งนี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” TRUEIF/ LPN
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative buy: TRUEIF/ LPN
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังยืนเหนือ 1,580 จุดได้
SET INDEX วันนี้ คาดแกว่งตัวออกด้านข้าง
ดังนั้นกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัว ที่ Valuation ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เป็นทางเลือกของการลงทุนรอบสั้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ นำโดย HSKI ปิดลบสูงสุดในเอเชีย 1.93% จากความกังวลต่อโอกาสที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับฐานลงตามภาพรวมของเอเชีย สู่แนวรับ 1,570 จุด และเกิด Technical rebound นำโดยหุ้นหลักในกลุ่ม ICT อย่าง TRUE / ADVANC / DTAC อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปช่วงบ่ายเปิดลบเพียงเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมตลาดเริ่มฟื้นตัว ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,582.13 จุด ลบเล็กน้อย 1.05 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 59,072 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Professional +2.60%, กลุ่ม ICT +1.97% และกลุ่มเหล็ก +0.98% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -0.93% กลุ่มพลังงาน -0.29% และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.69%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.36 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวก ตามทิศทาง DJIA คืนวานนี้ ลักษณะ Technical rebound ส่วน Kospi เปิดลบเพียงเล็กน้อย หลังปิดทำการตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนที่ “บวก” วันที่ 5 แม้ SET INDEX วานนี้จะยังปรับฐานต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการก็ตาม แต่ในมุมมองของ MBKET ประเมินว่า SET INDEX ในระลอกนี้จะยังสามารถขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590-1,600 จุด ได้ เพียงแต่ในช่วงสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ช่วงของการพักฐานเช่นกัน เพื่อรอฟังผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ เพื่อประเมินแนวโน้ม / โอกาสของเฟดที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า ว่าจะอยู่ในช่วงใด
อย่างไรก็ตาม MBKET เชื่อว่า ความเห็นของประธานเฟด จะให้เงื่อนไขของการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ การจ้างงาน การขึ้นค่าแรง เป็นตัวแปรสำคัญ ต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งถัดไป หากประเมินจากตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.ที่ออกมาต่ำกว่าคาดทุกรายการ และการลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB จะทำให้ เฟด ต้องประวิงเวลาในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
หากเป็นไปตามที่ MBKET ประเมินข้างต้น คาดว่า นักลงทุนจะกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง รวมถึงตลาดหุ้นไทย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็มี Downside risk จำกัดเช่นกันในความเห็นของ MBKET เนื่องจาก
•เม็ดเงินใหม่จาก บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวม (บลจ.) หลายแห่ง เตรียมออกขาย IPO กองทุน Trigger Funds หลัง กองทุนที่ได้บริหารนั้นแตะระดับเป้าหมาย และขายหุ้นในกองทุนปิดกองทุน เพื่อส่งมอบแก่ผู้ถือหน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
MBKET ประเมินวงเงินจากการขายกองทุน Trigger Funds รอบนี้ราว 1.0-2.0 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับยอด NAV ที่กองทุนทยอยปิดไปในช่วง 1-2 วันทำการที่ผ่านมา
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแถลงนโยบายการบริหารประเทศ ของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ สภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินถึงนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ พร้อมควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุน หลัง SET INDEX เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายและแนวต้านใหญ่ 1,600 จุด ขณะที่กลุ่มธนาคาร / ICT / PTT Family / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง น่าจะเป็นกลุ่มหลักเป้าหมายที่เงินทุนต่างชาติ และกองทุน Trigger funds ในรอบใหม่นี้
ประเด็นการเมืองภายในประเทศที่สำคัญจากนี้ไป ได้แก่
oติดตามการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ สนช. วันที่ 12 ก.ย.นี้ คาดว่าจะเห็นนโยบายด้านเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว รวมถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นจากนี้ของ ครม.
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oแนวทางการปฎิรูปการเมือง ผ่านสภาปฎิรูปที่อยู่ระหว่างการสรรหา
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท
แผนปฎิรูปพลังงาน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการแถลงนโยบายของนายกฯ วันพรุ่งนี้ : ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่
•แนวทางการบริหารประเทศภายใต้ การนำของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์
•แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว ต่อจากนี้ไป จะมุ่งเน้นในด้านใด MBKET เชื่อว่า แผนการลงทุนด้านคมนาคม เพื่อพัฒนาด้านโลจิสติกส์ จะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อไปเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน และการก้าวเข้าสู่ AEC ในปลายปี 2558
2.สถานการณ์ในยูเครนทรงตัวมากขึ้น: ล่าสุด ยูเครนรายงาน รัสเซียได้ถอนทหารออกจากเขตชายแดนกลับสู่ที่ตั้งราว 2 ใน 3 ของจำนวนทหารทั้งหมด หลัง อียู และ สหรัฐฯ ประวิงเวลาการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น
3.คาดกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี ยังแข็งแกร่ง: ตลาดคาดการณ์วันพรุ่งนี้ รมว.พลังงาน จะพิจารณาแผนการปฎิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาก๊าซ LPG / NPG เพื่อให้ราคาสะท้อนถึงราคาตลาดมากยิ่งขึ้น ส่งผลบวกต่อธุรกิจก๊าซของ PTT
4.ตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งแคบ รอการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า: ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของสัปดาห์นี้ ขาดปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินของ ECB ในสัปดาห์ก่อน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจุดที่ทำให้นักค้าเงิน และนักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูท่าทีและผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. ต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจ และ โอกาสของการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอย่างไร
5.ติดตาม IPO กองทุน Trigger Funds รอบใหม่: หลัง บลจ. หลายแห่งปิดกองทุน Trigger Funds ไปหลายกองทุนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมี โมเมนตัมเชิงบวกต่อการลงทุน ทำให้ บลจ. เตรียมออกขายกองทุน Trigger funds รอบใหม่ ล่าสุด บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศขายกองทุนไทยแลนด์รีคอฟเวอรี่ ทริกเกอร์ 3 x 3 ฟันด์ 2 อายุ 9 เดือน วงเงิน 1.5 พันล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 16-22 ก.ย. มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธนาคาร และ รับเหมาก่อสร้าง
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.13 13.87 16.15 13.88
PSE 20.41 17.64 20.53 17.73
JSE 16.63 14.17 16.83 14.34
KOSPI Closed Closed Closed Closed
TAIEX 14.90 13.93 15.05 14.08
Straits Time 14.74 13.59 14.77 13.62
SHCOMP 9.18 8.13 9.22 8.16
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TRUEIF : ราคาปิด 10.30 บาท ราคาเหมาะสม 13.80 บาท
a)MBKET ประเมินว่า TRUEIF มีความน่าสนใจมากขึ้น หลัง TRUE ประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนจำนวน 10,077.7 ล้านหุ้น ได้เงินจำนวน 65,000 ล้านบาท ดังนั้น ด้วยฐานะการเงินของ TRUE ที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงของ TRUEIF ลดลง เนื่องจากมี TRUE เป็นผู้เช่าหลัก
b)คาดการณ์เงินปันผล 2H57 อีก 0.42 บาท หรือไตรมาสละ 0.21 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลคงเหลือในปี 2557 ถึง 4.2% และปี 2558 หุ้นละ 0.89 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 8.6% และไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากได้สิทธิประโยชน์จากเงินปันผล
c)ให้ TRUEIF เป็น Top pick สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากเงินลงในรูปแบบเงินปันผล เนื่องจากเป็นหุ้นที่มี Downside Risk จำกัด และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราสูง โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยในช่วง 10 ปีข้างหน้าสูงถึงปีละ 9.9%
d)และมีโอกาสที่จะได้อานิสงค์จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ TRUE ขึ้นสู่ระดับ Investment Grade ซึ่งจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการลงทุนก่อนหน้า ที่ทำให้กองทุนต่างชาติบางกองทุนไม่สามารถลงทุนใน TRUEIF ได้
2.LPN : ราคาปิด 21.50 บาท ราคาเหมาะสม 22.00 บาท
a)MBKET ประเมินว่า LPN เป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป
b)เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะกลับมาขยายตัวโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2558 จะเติบโต +9.2%
c)จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d)มี Valuation ที่ยังถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 10.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2558 ที่ 5.1% สูงกว่า LH, SPALI, PS และ QH
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานยอดขอสวัสดิการว่างงานใหม่
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้กลับมาขายสุทธิ US$419 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิอีก US$335 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -349.8 321.9 13,555.8 9,188.0
KOSPI Closed Closed 9,074.5 4,875.1
JSE -69.3 -10.4 4,881.7 -1,806.4
PSE 3.5 -15.4 1,310.3 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -6.8 5.6 264.8 263.2
SET INDEX -7.0 33.2 -460.8 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติกลับไหลออกอีกครั้ง แต่ไม่หนาแน่น
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -224 +1,064
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,995 -1,284
SSF (สัญญา) -558 -528
Metal Futures (สัญญา) +4 -263
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -4,430 +81
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ แต่ก็เพียง 224 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 9,331 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 16,615 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เท่ากับ 2,995 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 4,279 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เพียง 1.37 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 2.27 จุด
Metal Futures ยังคงไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ วานนี้ นักลงทุนกลับมา Long สุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 4 สัญญาเท่านั้น เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกปรับฐานหลุดแนว US$1,250 แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ภาพราคาทองคำภายในประเทศ ไร้ทิศทางที่ชัดเจน
และ ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิ 4,430 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการขายในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีที่ราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผลตอบแทนลดลง 0.13bps ปิดที่ 3.069%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 634 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,066 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 165.30 2.92% 11.68
PTT 88.05 2.86% 348.45
KBANK 43.01 4.15% 233.26
BBL 42.33 4.28% 210.82
JAS 35.89 1.84% 7.05
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 แต่ภาพเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่ม
เป็นที่น่าสนใจถึงการลดน้ำหนักในกลุ่มโรงพยาบาล
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเพียง 62 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,047 ล้านบาท รวม 12 วันทำการซื้อสุทธิ 14,816 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคาร กลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 356 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 155 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 121 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 44 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มโรงพยาบาล ถูกขายสุทธิสูงสุด 347 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 155 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KTB 324.13 25.09 TRUE -424.19 4.93
INTUCH 204.44 22.53 BGH -343.75 20.96
SPALI 165.82 38.32 KBANK -201.14 40.20
TCAP 158.71 22.07 BTS -101.30 13.40
SCC 109.54 17.82 STPI -84.07 8.34
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong