- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 June 2018 17:52
- Hits: 1381
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวลงวานนี้โดยตลาดจับตาดูผลการประชุม FED เมื่อคืน กระแสเงินทุนยังไหลออกจากไทยชัดเจนโดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดรวมกันราว 6.9 พันลบ. (ขายหุ้น 4.3 พันลบ. ขายพันธบัตร 700 ลบ. และ Short ฟิวเจอร์สราว 1.9 พันลบ.) ขณะที่แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนรายย่อย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index แกว่ง Sideways Down ต่อ โดย FED ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และจากแถลงการณ์และ Dot Plot ถือว่าส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ (รวมเป็น 4 ครั้ง) ซึ่งตลาดยังไม่ได้ซึมซับประเด็นดังกล่าวนัก ขณะที่คืนนี้ต้องติดตามการประชุม ECB ต่อเนื่อง ทำให้โอกาสและกรอบการรีบาวด์ระยะสั้นของดัชนียังค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม เรามองการปรับลงเป็นจังหวะในการซื้อหุ้นพื้นฐานรอบใหม่จากภาพเศรษฐกิจไทยที่โตในอัตราเร่ง โดยเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และ Laggard//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$197ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$135ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$0.3ล้าน (อินโดนีเซียและเกาหลีใต้ปิดทำการ) แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค หลัง Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดและส่งสัญญาณการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ ตลาดจับตาประชุม ECB ต่อการดำเนิน QE ในระยะต่อไป สินทรัพย์เสี่ยงดูขาดความน่าสนใจ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EPG <<
เรามองว่าราคาน้ำมันจะพีคที่สุดในไตรมาสนี้และชะลอลงใน 2H18 บวกกับเงินบาทที่อ่อนค่า เป็นบวกกับทั้ง 3 ธุรกิจของ EPG ที่เริ่มฟื้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสก่อน
ปีนี้ EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) จะดีขึ้นเพราะการแข่งตัดราคาลดลง Aeroflex (ฉนวนยาง) จะได้แรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐาน และ Aeroklas (ชิ้นส่วนรถยนต์) จะมีการออกสินค้าใหม่เพิ่ม
คาดกำไรปี 2019 (เม.ย. 18 – มี.ค. 19) ที่ 1,251 ลบ. +26% Y-Y และคาด +17% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2020 ที่ 1,460 ลบ. แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี นอกจากขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในครั้งนี้เป็น 1.75-2.00% แล้วยังแสดงความเห็นต่อเศรษฐกิจที่เป็นบวกกว่าการประชุมในเดือน มี.ค. อย่างชัดเจน มีการปรับ GDP ปีนี้ขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 2.7% เป็น 2.8% ส่วนอัตราเงินเฟ้อ Core PCE ปรับขึ้นจาก 1.9% เป็น 2.0% อัตราการว่างงานคาดที่ 3.6% ลดลงจากเดิม 3.8% ดอลลาร์อ่อนค่าเพราะ sell on fact และยังรอประชุมของ ECB และ BOJ การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐกว้างขึ้นอีก อาจกดดันเงินไหลออกอีกระยะ แต่ประเด็นด้านเศรษฐกิจในไทยและการเลือกตั้งที่คืบหน้ามากขึ้นจะเป็นประเด็นหนุน SET ในครึ่งปีหลัง
(+) TISCO แนวโน้มกำไร 2Q18 ยังสดใส เราคาด +4% Q-Q, +22% Y-Y เป็น 1.84 พันล้านบาท เป็นจุดสูงสุดใหม่ เพราะการตั้งสำรองฯและค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดจากการรับโอนธุรกิจมาจาก SCBT ลดลง ส่วนสินเชื่อเดือน พ.ค. ส่งสัญญาณที่ดี เพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกของปี +0.06% M-M มาจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อ Auto Cash และสินเชื่อเช่าซื้อ ปีนี้เป็นปีที่ดีของ TISCO เพราะตั้งสำรองลดลงและมีรายได้เพิ่มขึ้นเต็มปีจาก SCBT เราคงราคาเหมาะสมที่ 98 บาท แต่ปรับคำแนะนำเพิ่มจากถือ เป็นซื้อ เพราะ upside ที่เปิดกว้างขึ้นจากบทวิเคราะห์ครั้งก่อน
(-) TACC แนวโน้มกำไร 2Q18 ฟื้นช้ากว่าคาด เบื้องต้นเราคาดทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนที่ 15-18 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 2Q17 ที่ทำได้ 31 ล้านบาท เพราะธุรกิจที่กัมพูชาหายไป เนื่องจากการแข่งขันรุนแรงมากจนต้องหยุดการขายก่อนที่จะขาดทุน เราคิดว่าจะเห็นการฟื้นตัวใน 2H18 จากธุรกิจในประเทศเป็นหลัก ทั้งเครื่องดื่ม Hershey’s, รายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนให้สิทธิ์ใช้ตัวการ์ตูน Rilakkuma และต้นทุนเครื่องดื่มสูตรใหม่น้ำตาลน้อยลงเต็มไตรมาสตั้งแต่ 3Q18 ส่วนการรุกตลาดจีนและตลาดอื่นในภูมิภาค น่าจะชัดเจนขึ้นในปีหน้า เราอยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาเป้าหมาย แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงมากแต่เชื่อว่า 1Q18 เป็น bottom จึงแนะนำถือ
(+) กลุ่มรับเหมา และ BEM รฟม.คาดเปิดประมูลงานโยธารถไฟฟ้าสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่า 1 แสนล้านบาทได้ใน 3Q18 และรู้ผลต้นปี 2019 เป็น catalyst หนุนผู้รับเหมารายใหญ่ (CK, STEC, UNIQ) ส่วนในระยะยาวเป็นบวกกับ BEM (ราคาเป้าหมาย 10 บาท) เพราะเป็นส่วนต่อเนื่องจากสายสีม่วงที่ปัจจุบันมีอยู่
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 มิ.ย.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
15 มิ.ย.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
19 มิ.ย.- ไทย: ส่งออก-นำเข้า-ดุลการค้า (พ.ค.)
20 มิ.ย.- ไทย: กนง. ประชุม
21 มิ.ย.- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
(-) ตลาดสหรัฐปรับตัวลงอีกครั้ง หลังจาก FED มีการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อคืนนี้ โดยตลาดยังมีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่ FED อาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ นอกจากนั้น ประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหลังนายทรัมป์ออกมาพูดว่าจะตอบโต้จีนอย่างรุนแรง
(0) ตลาดยุโรปปรับตัวผสมผสาน เนื่องจากตลาดยังคงรอดูการแถลงการของ ECB เกี่ยวกับช่วงเวลาในการหยุดทำ QE รวมไปถึงการขึ้นดอกเบี้ย
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลง จากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED เมื่อคืนนี้ และโอกาสที่จะมีเงินไหลกลับสหรัฐเร็วกว่าที่คาด นอกจากนี้ยังถูกกดดันจาก Bond Yield 10 ปีของสหรัฐที่ปรับตัวเข้าใกล้ 3% อีกครั้ง
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมาที่บริเวณ 32.10-32.20 บาท/ดอลลาร์ หลัง FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.28 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 66.64 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังจากตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,301.30 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO10065