- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 June 2018 22:56
- Hits: 2638
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ได้ตามคาดในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปิดลบถึง 11 จุด ณ สิ้นวัน โดยคาดว่าเป็นการขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุม G7 ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยแรงขายส่วนใหญ่ยังมาจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเร่งตัวขึ้นเป็น 3.3 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิบางลงเหลือ 872 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ต่อเนื่องหลังการประชุม G7 จบท่ามกลางความไม่แน่นอนและไม่ได้ช่วยลดความกังวลเรื่องสงครามการค้า ขณะที่สัปดาห์นี้หลายปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามทั้งการพบกันของผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและ Dot Plot ในการประชุม FED รวมถึงการส่งสัญญาณยุติ QE ในการประชุม ECB ทำให้ระยะนี้คาดว่าตลาดยังปรับบวกได้จำกัด เรายังชอบกลุ่ม Domestic Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และ Laggard//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$341ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$175ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกUS$102ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$53ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังการประชุม G7 ประเด็นกีดกันทางการค้ามีความตึงเครียดมากขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> IT <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
ยอดขายเดือน เม.ย.-พ.ค. 18 ยังโตดี 8-10% Y-Y ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลังที่แทบไม่โต ส่วน มิ.ย. 18 ก็ออกสตาร์ทสวยกับยอดขายทีวีที่เร่งตัวขึ้นรับบอลโลก ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 จะโตได้ทั้ง Q-Q และ Y-Y
เร่งขยายสาขาเชิงรุกในโลตัส โดยคาดว่าจะเปิดได้ 10 สาขาใน 2Q18 และจะทยอยเปิดไปจนถึงปลายปีนี้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 50 สาขา หนุนสาขารวมพุ่งเป็น 156 สาขา
คาดกำไรปีนี้โต 33% Y-Y อยู่ที่ 84 ลบ. จากทั้ง SSSG ที่เป็นบวกและการเปิดสาขาใหม่ที่มาพร้อมกันครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) การประชุม G-7 จบลงโดยทำให้ความเสี่ยงสงครามการค้าเพิ่มขึ้น ท่าทีที่แข็งแกร้าวของทรัมป์ในการไม่รับรองแถลงการณ์ร่วมของกลุ่ม G-7 และขู่เก็บนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนสูงถึง 25% ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดากระทบหนัก สำหรับคู่กรณีอย่างจีน วันที่ 15 มิ.ย. นี้สหรัฐกำหนดจะประกาศรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐจะขึ้นภาษี 25% รอบสุดท้าย ซึ่งจีนได้เคยขู่ว่าข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐจะเป็นโมฆะทันทีหากสหรัฐยังเดินกน้าเก็บภาษี ทั้งนี้ S&P Global ประเมินว่าสงครามการค้าจะทำให้ GDP โลกลดลง 1% สำหรับไทยซึ่งส่งออกไปจีน 11% และอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของโลก จึงหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ยาก
(+) ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น โดยราคาข้าวและมันสำปะหลังสูงสุดในรอบ 10 ปี จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศทั้งจีน แอฟริกา และอาเซียน หนุนการบริโภคฟื้นตัว ซึ่งเมื่อเมื่อพิจารณาจาก lag time ที่เงินจะกระจายสู่เกษตรกรจะใช้เวลาราว 3 เดือน และเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคทั้งจากงบประมาณประจำปีที่เพิ่มขึ้น และจากการจัดกิจกรรมการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดจะมาบรรจบกันใน 4Q18 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่น่าลงทุน เราแนะนำ CPALL GLOBAL EPG IT และ MTC
(0) คาดหุ้นเข้าออก SET50/SET100 หุ้นที่เราคาดว่าจะเข้าคำนวณใน SET50 รอบ 2H18 คือ BGIM DELTA GLOW KTC TOA RATCH หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 คือ BCP KCE PSH SAWAD TPIPP WHA ส่วนหุ้นที่คาดเข้า SET100 คือ BLA VGI JAS RS PRM ERW และหุ้นที่คาดออกจาก SET100 คือ ANAN BA BIG JMART JWD STA UNIQ MC THCOM MONO หุ้นที่น่าสนใจสำหรับเก็งกำไรเมื่อพิจารณาจากการเติบโตและ Upside จากราคาเป้าหมายคือ BGRIM ERW และ RS
(+) BANPU ราคาถ่านหินสัปดาห์ล่าสุด (8 มิ.ย.) พุ่งขึ้นถึง US$5.72/ตัน เป็น US$115.09/ตัน ทำให้ราคาเฉลี่ยใน 2QTD ขยับขึ้นเป็น US$101.82/ตัน ต่ำกว่า 1Q17 เพียง 2% และสูงกว่า 2Q17 ถึง 27% เป็นอานิสงส์ต่อ BANPU ใน 2Q18 ที่ demand เข้าสู่ช่วง low season แต่คาดว่ากำไรจะออกมาดีขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y และดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีทั้งจากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงและ demand จากอินเดียและจีนที่มีอยู่สูง ขณะที่ BANPU ยัง fix ราคาขายล่วงหน้าไปไม่ถึง 50% เราคงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 มิ.ย.- ประชุมผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ
13 มิ.ย.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
14 มิ.ย.- ยูโรโซน: ประชุม ECB
15 มิ.ย.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
20 มิ.ย.- ไทย: ประชุม กนง.
(+) ตลาดสหรัฐเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นแรงขายในตลาด Future เช้านี้หลังการประชุม G7 ออกมาในแนวลบ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลเรื่องการประชุม G7 หลังสหรัฐยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าเก็บภาษีชาติพันธมิตรต่อไป ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดคาดหวังว่าการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะออกมาในเชิงบวก
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเช้านี้ โดยกรอบการเคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,303.00 ดอลลาร์/ออนซ์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 0.21 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.74 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 862 แท่น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,302.70 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9884