- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 June 2018 18:00
- Hits: 5676
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“คาด SET แกว่งแคบ หลายประชุมสำคัญสัปดาห์หน้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index กลับมาปรับลง 5.65 จุด ปิดที่ 1733.05 จุด ตรงข้ามกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 50.9 พันล้านบาท ดัชนีฯกลับมาถูกขายทำกำไรบ้าง แม้ดาวโจนส์บวกจากตัวเลขส่งออกของสหรัฐฯ เม.ย.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมป ก.พ.62 แต่ราคาน้ำมันกลับมาปรับลด กังวลสต็อกสหรัฐที่สูง ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยประชุม 12-13 มิ.ย.61 นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังร้อนแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น รวมทั้งความกังวลสงครามการค้ายังมีอยู่ มีแรงขายในกลุ่มพลังงานและธนาคาร กดดัชนีฯ แต่ BEAUTY กลับมาฟื้นตัวหลังลงหนักก่อนหน้า ด้านผู้ขายสุทธิหลักคือ ต่างประเทศ 2.4 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิหลักคือ สถาบัน 2.1 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์– SET มีโอกาสแกว่งแคบ รอผลประชุมสำคัญหลายวาระในสัปดาห์หน้า แม้ยังมีแรงหนุนดาวโจน์เพิ่มต่อเนื่อง ราคาน้ำมันปรับขึ้นหลังเวเนฯส่งออกน้อย และคาดว่าประชุมโอเปกจะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน รวมทั้งการเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป มีการเก็งกำไรกลุ่มธนาคารต่อเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หุ้นกลุ่มพลังงานอาจปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบยังกดดันอยู่ ไม่ให้ไปได้ไกลในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจการจ้างงานยังร้อนแรง สะท้อนด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น (แต่เมื่อคืนลดลง) และสงครามการค้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องเศรษฐกิจไทยดีเช่นเคย คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสอยู่ในลักษณะแกว่งแคบ และขายทำกำไร ก่อนรอผลประชุมต่างๆ สัปดาห์หน้ามีเรื่องที่ต้องติดตามคือ ประชุมเฟด 12-13 มิ.ย. และการประชุม สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ 12 มิ.ย. สัปดาห์ถัดไป-ประชุมโอเปก 22 มิ.ย. ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งตัวแคบๆ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า +23 จุด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1730-1760 จุด
Update หุ้นเด่น : QH- ปีนี้มีข้อดีคือ คอนโด Q สุขุมวิท (มูลค่า 10.2 พันล้านบาท ขายแล้ว 26%) จะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมโอนได้ คาดว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของรายได้และกำไร คาดการณ์อัตราเติบโตกำไรหลักปีนี้/ปี 62 ดีเป็น 21%/16% y-o-y หลังปี 60 โตเพียง 10% ประเมินราคาพื้นฐาน 3.77 บาท ด้วยวิธี RNAV ซึ่งใช้ส่วนลดถึง 20% แล้ว ถือว่าบริษัทมั่งคั่งสินทรัพย์มาก มีเงินลงทุนทั้งใน HMPRO และ LHBANK ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีปีนี้และปีหน้าเป็น 5.7%/6.3% ตามลำดับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators กลับมาเป็นลบ ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1745-1755, 1760 โดยมีแนวรับ 1730-1725 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1725 จุด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ไปต่อ หุ้นแมคโดนัลด์หนุน จับตาประชุม G7
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,241.41 จุด เพิ่มขึ้น 95.02 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,770.37 จุด ลดลง 1.98 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,635.07 จุด ลดลง 54.17 จุด หรือ -0.70%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นแมคโดนัลด์ หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงาน อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่ม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดาในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า
# อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.7% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 1.2% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 1.6% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.4% และหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 1%
+/- ตัวเลขขอสวัสดิการครั้งแรกลดลง
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 225,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 170 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2512
-/• ติดตามประชุม G7 เริ่มวันนี้
# นักลงทุนจับตาการประชุม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดาในวันศุกร์และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นการค้า รวมถึงกรณีที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ก็ประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน
-/• คาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 12-13 มิ.ย.นี้
# นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
-ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตร ประชุม 14 มิ.ย.นี้
# นายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB กล่าวว่าคณะกรรมการ ECB จะหารือกันเกี่ยวกับการถอนตัวจากการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.ที่เมืองริกา ประเทศลัตเวีย
# ทางด้านเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณในทิศทางเดียวกัน โดยนายคลาสส์ นอท ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการของ ECB ด้วยนั้น กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ ECB เดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไป ส่วนนายเจนส์ ไวด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้
+ น้ำมันปรับขึ้น เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันร่วงหนัก คาดโอเปกยังไม่ปรับเพิ่มการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 65.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 77.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรและวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเดือนนี้
+/• สหรัฐฯจะประชุมกับเกาหลีเหนือ สัปดาห์หน้านี้แล้ว
# นักลงทุนยังคงติดตามการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อดูว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้หรือไม่ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ โดยการประชุมจะเปิดฉากขึ้นในเวลา 09.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์
# เรื่องนี้มีผลกับ SET เพราะหากการประชุมมีความคืบหน้าที่จะบ่งชี้ว่า การเมืองระหว่างประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีก็จะเป็นบวกได้นั่นเอง แต่หลาบชาติก็กดดันเกาหลีเหนือในเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ก่อนประชุม
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขยับลง ดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อย
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลงเป็น 2.9465%
# แต่ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเป็น 93.44 จุด ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเป็น 31.995 บาทต่อ ดอลลาร์สหรัฐ
# ดัชนีความกลัว (VIX) ล่าสุดเพิ่ม 4.2% จากวันก่อนหน้าเป็น 12.13 จุด
• ทองคำปรับขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,303.00 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
-ดัชนีความเชื่อมั่น สำรวจโดย ม.หอการค้าไทยและหอการค้าไทย พ.ค.61 ไม่ดีนัก
# ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวลดลง โดยปรับตัวลดลงจากระดับ 67.8 ในเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ 66.9 ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคม 2561 เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ประมาณ 10.0% 46.9% และ 43.1% ตามลำดับ
# ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมปรับตัวลดลง จากระดับ 75.8 สู่ระดับ 75.2 โดยในเดือนพฤษภาคม 2561 ผู้บริโภคเห็นว่าโอกาสในการหางานทำโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี ปานกลาง และแย่ประมาณ 12.1% 51.1% และ 36.8% ตามลำดับ
# ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 99.1 สู่ระดับ 98.3 ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคม 2561 ผู้บริโภคเห็นว่ารายได้ในอนาคตของตน (ใน 6 เดือนข้างหน้า) จะปรับตัวดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง และแย่ลงประมาณ 17.0% 64.4% และ 18.6% ตามลำดับ
+ KCE: แนวโน้มการเติบโตยังสดใส จาก คำสั่งซื้อสูง และเพิ่มกำลังการผลิต
# ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 12-15% หลังออเดอร์พุ่ง-ขยายกำลังผลิตต่อเนื่อง,ผลงาน Q2/61 ดีรับบาทอ่อน-ต้นทุนทองแดงทรงตัว (Aspen)
# อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปีนี้อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง เนื่องจากเครื่องจักรใหม่จะเข้ามาในไตรมาส 2/61 และจะสามารถ ramp up capacity ได้ในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป (Aspen)
# คงคำแนะนำ ซื้อ คาด KCE พ้นช่วงแย่สุด 1Q61 ไปแล้ว ผลกำไรมีแนวโน้มกำลังจะดีขึ้น ปลาย 1Q61 บริษัทมีคำสั่งซื้อที่ทำไม่ทันค้างอยู่ 8 ล้านดอลลาร์ และได้เพิ่มเครื่องจักร 8 ตัวในปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แล้วจะเพิ่มอีก 20 ตัวใน 2Q61 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับ High Season ของธุรกิจในไตรมาส 3 ความต้องการซื้อสินค้ายังคงแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 42.50 บาท อิงกับ P/E ปี 62 ที่ 16 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 24%
+/• JAS: ประกาศปันผลระหว่างกาลสูงเป็น 0.30 บาท
# JAS (Not Rated): ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง เป็น 0.30 บาท XD 21 มิ.ย.61 จ่ายปันผล 6 ก.ค.61คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 4.9% เทียบกับราคาหุ้นล่าสุดที่ 6.10 บาท ถือว่าจ่ายมากกว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 1Q61 ที่ 0.10 บาท แสดงว่ามีการจ่ายปันผลบางส่วนมาจากกำไรสะสม
# วานนี้ราคาหุ้นปรับขึ้นไปบางส่วนแล้ว การเก็งกำไรปันผล จึงอาจจะน้อยลง
+ DTAC: เปิดตัวบริการใหม่ “DTAC Turbo"
# ตอนนี้บริษัท Launch บริการใหม่คือ "DTAC Turbo" เป็นคลื่น 2300 MHz ที่เช่ามาจาก ทีโอที
# ข้อดีคือ เป็นการดึงลูกค้าที่ใช้บริการ DATA ประเภทอินเทอร์เน็ต ที่ต้องการความเร็ว และการลื่นไหลของข้อมูลได้ดี มาปรับใช้กับแพคเก็จที่มีอยู่ ด้วยการออกโปรโมชันขายเครื่องที่รองรับคลื่นนี้ได้ในราคาพิเศษ
# แต่ข้อจำกัดคือ 1) ใช้ได้เฉพาะจุดที่มี cell site รองรับเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาติดตั้งเพิ่ม เพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้มากกว่านี้และ 2) โทรศัพท์ที่ใช้ได้เป็นระดับไปทาง Hi End
# คงคำแนะนำ ซื้อ มีการเก็งกำไรบริการใหม่นี้ เพื่อปกป้องส่วนครองตลาดที่ TRUE มักจะมาดึงลูกค้าจาก DTAC สำหรับราคาพื้นฐานเป็น 58.30 บาท
+ ทาบ 40 คู่ค้า 'แอร์บัส' ลุยศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา
# รัฐบาลขนทีมโรดโชว์ลงทุน "อีอีซี" บุก"ฝรั่งเศส-อังกฤษ" ปลายเดือนนี้ ถกนักธุรกิจ 200 ราย เข้าลงทุน เจรจาซัพพลายเออร์ แอร์บัสกว่า 40 รายลงทุนผลิตชิ้นส่วนในไทย เผยเตรียมเดินทางไป "ญี่ปุ่น" หารือประธานโตโยต้า-เดนโซ่ หนุนศูนย์ไอทีซี (กรุงเทพธุรกิจ)
# ยังแนะนำ ซื้อ หลักทรัพย์กลุ่มนิคมฯที่จะได้รับประโยชน์จาก EEC คือ AMATA, ROJNA และ WHA ส่วน THAI ก็จะได้ประโยชน์ เมื่อศูนย์ซ่อมอู่ตะเภามีความคืบหน้า ซึ่งจะมีการประกาศ TOR เกี่ยวกับการหาผู้ร่วมทุน ใน 2Q61 และหาผู้ร่วมทุนได้ภายในต้นปีหน้า แนะนำ ถือ สำหรับ THAI
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9845