- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 June 2018 18:53
- Hits: 1630
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ลุ้นไปต่อ แม้ต่างประเทศกดดัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับขึ้นดีถึง 11.42 จุด ปิดที่ 1732.71 จุด ดีกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านหลายแห่ง มูลค่าซื้อขายดีขึ้นที่ 69.9 พันล้านบาท ดัชนีฯรีบาวด์ต่อเนื่อง ตามดาวโจนส์ สถานการณ์การเมืองอิตาลี สเปนดีขึ้นและ ช่วงบ่ายมีข่าวดีศาลรัฐธรรมนูญชี้คำสั่งคสช. 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดโรดแมปเลือกตั้ง แม้ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยประชุม 12-13 มิ.ย.61 นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังร้อนแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น หุ้นกลุ่มหลักช่วยค้ำจุน ส่วน BEAUTY กลับมาทรงตัวได้ หลังปิดตลาดมีการชี้แจงข้อมูล และ MBKET ลงแรง มีกระแสข่าวลบออกมาหลายเรื่อง แต่ผู้บริหารชี้แจงว่าสภาวะธุรกิจยังแข็งแกร่ง ด้านผู้ขายสุทธิหลักคือ รายย่อย 1.4 พันลบ. และต่างประเทศ 0.3 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 1.6 พันลบ. และหลักทรัพย์ 0.1 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์–SET มีโอกาสจะไปต่อได้ จากปัจจัยบวกการเลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแม็ป หลังล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ ชี้คำสั่งคสช. 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดโรดแมปเลือกตั้ง หุ้นกลุ่มพลังงานได้ผลดีจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พลิกเพิ่มขึ้น และมีการเก็งกำไรกลุ่มธนาคารต่อเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบยังกดดัน ไม่ให้ไปได้ไกลในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจการจ้างงานยังร้อนแรง สะท้อนด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น และสงครามการค้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องเศรษฐกิจไทยดีเช่นเคย คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสอยู่ในลักษณะลุ้นรีบาวด์ต่อ แต่มีปัจจัยต่างประเทศเป็นแรงกดดัน สัปดาห์หน้ามีเรื่องที่ต้องติดตามคือ ประชุมเฟด 12-13 มิ.ย. และการประชุม สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ 12 มิ.ย. สัปดาห์ถัดไป-ประชุมโอเปก 22 มิ.ย. ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งตัวบวกแคบ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า +19 จุด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1725-1760 จุด
Update หุ้นเด่น : CK- คาดว่าจะมีโอกาสเข้าร่วมการประมูลงานใหม่ภาครัฐมากขึ้นใน 2H61 ราว 7.8 แสนล้านบาท ณ 31 มี.ค.61 บริษัทมีมูลค่างานในมือ 6.5 หมื่นล้านบาทซึ่งยังมั่นคงมาก รวมทั้งมีงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า CKP ด้วย ขณะเดียวกันมีรายได้เงินปันผลเข้ามาประมาณปีละ 1 พันล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับต้นทุนคงที่ได้ ดังนั้นบริษัทจึงไม่ต้องแข่งขันประมูลงานมากนัก ทาง CK ตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 8-10% และ IRR เท่ากับ 10-15% คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 14%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators กลับมาเป็นบวก แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ดังนั้นอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1745-1750, 1760 โดยมีแนวรับ 1725-1720 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1720 จุด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-การกีดกันการค้า ยังเป็นประเด็นที่วิตกกังวล
# นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรป (EU), แคนาดา และเม็กซิโก หลังจากที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน ส่วนการเจรจาการค้ารอบที่ 3 ระหว่างสหรัฐและจีนที่จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทั้งสองฝ่ายยังคงไม่ได้ข้อยุติแต่อย่างใด
-/+ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุด ดัชนีภาคบริการและ และดัชนี PMI ออกมาสดใส
# สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 ในเดือนพ.ค.จากระดับ 56.8 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57.6
# ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2558 จากระดับ 54.6 ในเดือนเม.ย.
# เป็นลบในแง่ ช่วยส่งเสริมให้เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ดีในแง่เศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี
-ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตร
# สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ECB คาดการณ์ว่าในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่ประชุม ECB อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลียืนยันว่า รัฐบาลอิตาลีไม่มีแผนที่จะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (ECB) ค่าเงินยูโรจึงแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
-/+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐปรับลง วิตกสงครามการค้า แต่ Nasdaq ทำ New High
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,799.98 จุด ลดลง 13.71 จุด หรือ -0.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,748.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ +0.07% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,637.86 จุด เพิ่มขึ้น 31.40 จุด หรือ +0.41%
#ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป (EU) อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
+ น้ำมันปรับขึ้น กลับมาเก็งกำไรหลัง WTI ร่วงมา 3 วันติด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 65.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ขยับขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 75.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการตัดสินใจของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐได้เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน
# การประชุมทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะมีขึ้นในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
+/• สหรัฐฯจะประชุมกับเกาหลีเหนือ สัปดาห์หน้านี้แล้ว
# นักลงทุนยังคงติดตามการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อดูว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้หรือไม่ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ โดยการประชุมจะเปิดฉากขึ้นในเวลา 09.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์
# เรื่องนี้มีผลกับ SET เพราะหากการประชุมมีความคืบหน้าที่จะบ่งชี้ว่า การเมืองระหว่างประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีก็จะเป็นบวกได้นั่นเอง แต่หลาบชาติก็กดดันเกาหลีเหนือในเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ก่อนประชุม
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้นอีก ดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อย
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นอีกเป็น 2.9378%
# แต่ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเป็น 93.84 จุด ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าเป็น 31.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
# ดัชนีความกลัว (VIX) ล่าสุดลดลง 2.7% จากวันก่อนหน้าเป็น 12.40
• ทองคำปรับขึ้น หลังดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,302.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำปิดร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยให้สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อีกครั้ง
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะประกาศต่อไปในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 1/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+ ศาลรัฐธรรมนูญชี้คำสั่งคสช. 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โรดแมปเลือกตั้งเป็น ก.พ.62
# นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธให้ความชัดเจนเรื่องกำหนดนัดหมายหารือพรรคการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
# นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับไม่ขัดกับรัฐธรรรมนูญว่า เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ส่งคำวินิจฉัยของศาลฯ และร่างกฎหมายมายังคณะรัฐมนตรีก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ
+ BAY คาด GDP ปี 61 โต 4.7% จากส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐ-EEC เป็นแรงขับเคลื่อน
# นายตรรก บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในช่วงครึ่งหลังของปี 61 ยังมีแนวโน้มผันผวนจากเศรษฐกิจโลกที่อาจเติบโตชะลอลงในระยะข้างหน้า ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบต่อการลงทุนทั้งในตลาดเกิดใหม่ (emerging market) และประเทศไทยเองจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยประเมินว่าในไตรมาสที่ 3/61 เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50-32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และในไตรมาสที่ 4/61 เคลื่อนไหวในกรอบ 30.25-32.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (Aspen)
# ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อค่าเงินบาท คือ การปรับสมดุลนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.50% หรืออีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยยังต้องติดตามดูว่าจะมีกระทบต่ออัตราผลตอบแทน yeild curve ของสหรัฐเพียงใด ประกอบกับท่าทีของธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ที่ประเมินว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการยุติมาตรการ QE ก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป (Aspen)
+ สภาผู้ส่งออก คงเป้าส่งออกปีนี้โต 8% หลายปัจจัยยังผันผวน
# สภาผู้ส่งออก คงเป้าส่งออกปีนี้โต 8% แม้เม.ย.ขยายตัว 12.3% จับตาค่าเงินบาท-สงครามการค้า-ราคาน้ำมันใกล้ชิด (Aspen)
# น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่าสภาผู้ส่งออก ยังคงคาดการณ์มูลค่าการส่งออกไทยในปี 2561 เติบโตเท่ากับ 8% แม้การส่งออกในเดือนเม.ย. ขยายตัวต่อเนื่องในระดับสูงเป็นเดือนที่ 14 ที่ระดับ 12.3% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้า ขยายตัว 20.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,283 ล้านดอลลาร์ (Aspen)
+ เครือสหพัฒน์ คาดยอดขาย H2/61 ดีกว่า H1/61 จากกำลังซื้อดีขึ้น พร้อมจับมือ BTS ต่อยอดธุรกิจรูปแบบใหม่
# นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ คาดว่ายอดขายของเครือสหพัฒน์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ที่ยอดขายที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคเติบโต 4-5% ส่วนสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ เสื้อผ้า ทรงตัวโดยคาดว่ายอดขายทั้งปี 61 น่าจะเติบโตเล็กน้อย และปีนี้ยังคงโฟกัสธุรกิจอาหาร และโลจิสติกส์
# ที่น่าสนใจคือ เครือสหพัฒน์และบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "BIG DATA Partnership &Business Collaboration" จะมีความร่วมมือหลายด้าน ได้แก่ Payment System ซึ่งปัจจุบันเครือสหพัฒน์มีร้านค้า ได้แก่ ร้านไดโซะ ร้านลอว์สัน เอาท์เล็ท His&Her ที่มีสาขาทั่วประเทศ จะนำบัตรแรบบิท หรือ Rabbit Line Pay ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ , Targeted Media ที่บมจ.วีจีไอ โกลบอลมีเดีย (VGI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BTS สามารถวางแผนโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย , M-Commerce. ซื้อขายสินค้าผ่านมือถือ , Royalty program , BIG DATA ที่จะคาดลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี , บัตรพนักงานเครือสหพัฒน์ที่อาจจะเปลี่ยนมาเป็นบัตรแรบบิท , Distributor บนรถไฟฟ้าบีทีเอส และ Smart Sampling ที่แจกตัวอย่างสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับทั้ง BTS และ VGI โดยแนะนำซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 11.00 บาท และ 8.66 บาท ตามลำดับ อีกทั้งมีข่าวดีอีกว่าทางเครือสหพัฒน์ มีที่ดินศรีราชาอยู่หลายแปลงรวมประมาณ กว่า 1 พันไร่ซึ่งทาง BTS มีความสนใจ ก็เป็นโอกาสร่วมมือกับ BTS ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
-/• AQ: เผยศาลฯให้งดขายทรัพย์ 4,300 ไร่เฉพาะนัดแรกวันพรุ่งนี้ อาจกระทบ AQ และ KTB
# เผยศาลฯให้งดขายทรัพย์ 4,300 ไร่เฉพาะนัดแรกวันพรุ่งนี้ หลังมีผู้ยื่นค้าน พร้อมนัดไต่สวนคำร้อง 14 มิ.ย.
# ต้องติดตามผลการไต่สวน เพราะอาจจะกระทบกับ AQ เอง ด้านการชำระหนี้ รวมทั้งเจ้าหนี้คือ KTB ในการได้รับชำระหนี้คืน
• BEAUTY ชี้แจงข้อมูล หลังปิดตลาดฯ
# นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) BEAUTY เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีข่าวลือตามสื่อต่างๆ ในประเด็นที่มีผลกระทบต่อราคาซื้อ-ขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและกังวลใจ ประเด็น Supplier ที่ทางบริษัทสั่งผลิตสินค้าไม่ผ่าน อย. ทำให้ไม่สำมารถผลิตสินค้าส่งให้ทางบริษัทได้ บริษัทขอเรียนชี้แจงดังนี้ (SET)
# 1) บริษัทมีการสั่งผลิตสินค้ากับ Supplier ซึ่งเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMPและ รับรองโดยองค์การอาหารและยา(อย.) 2) สินค้าที่บริษัทจำหน่ายมีเลขที่จดแจ้งถูกต้องที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ( อย.) สามารถตรวจสอบได้ และ 3) บริษัทมีปริมาณสินค้าเพียงพอต่อกำรจำหน่ายสำหรับทุกช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศสุดท้ายบริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจทั้งหมดโดย ณ ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใดที่จะมากระทบฐานะทางการเงินและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแต่อย่างใด (SET)
# ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทว่า ทางผู้อำนวยการด้าน operation เพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ที่มีการจัดแฟร์ ซึ่งทางบริษัทเข้าร่วมและได้รับการตอบรับที่ดี และตั้งแต่ พ.ค.61 จะมียอดขายจากช่องทางใหม่ e-commerce แพลตฟอร์ม ที่เป็นลักษณะ Cross Border ช่วยหนุนนำรายได้และกำไร อีกทั้งจะยิ่งไปดีขึ้นไปอีกในช่วง 2H61
• MBKET: โต้ข่าวลือทั้งเรื่องบริษัท-ผู้บริหารถูกฟ้อง และถูกเตือนจากก.ล.ต.เรื่องการควบคุมความเสี่ยง
# ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับกรณีศาลประทับรับฟ้องคดีหมิ่นประมาท ระหว่างบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กับอดีตผู้บริหารของบริษัทนั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่าในคดีดังกล่าวศาลเพียงแต่ทำการไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเท่านั้น โดยยังมิได้มีการพิจารณาพิพากษาในเนื้อหาของคดีแต่อย่างใด โดยในการไต่สวนมูลฟ้องนั้นกฎหมายยังมิได้กำหนดให้จำเลยมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้านำสืบเพื่อประกอบการพิจารณาของศาล อีกทั้งคำสั่งประทับรับฟ้องก็ไม่ได้มีรายละเอียดและเนื้อหาตามที่ลงข่าวแต่อย่างใด (SET)
# นอกจากนี้ตามที่มีการปล่อยข่าวลือในสื่อเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ทำการสอบสวนและแจ้งเตือน นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเกี่ยวกับระบบควบคุมความเสี่ยงภายในของบริษัทนั้น บริษัทได้ทำการตรวจสอบไปยัง ก.ล.ต. แล้ว ปรากฏว่า ก.ล.ต.ไม่มีการแจ้งเตือนหรือเสนอบทลงโทษตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด (SET)
• GL: ยันบริษัทย่อยยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์สั่งคุ้มครองชั่วคราว
# นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า กรณีศาลอุทธรณ์แห่งประเทศสิงคโปร์ได้มีคำสั่งให้คำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวที่ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) ร้องขอต่อการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อ Group Lease Holdings Pte.Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทลูกนั้น กลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้ง และได้ขยายเป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทั่วโลกนั้น ยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ/กิจการ อันเป็นการค้าปกติของ GLH และสามารถดำเนินธุรกิจตามปกติได้ (SET)
# อย่างไรก็ตาม ทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายบริหารยังคงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังคงดำเนินไปได้ด้วยดีและแสดงผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ทั้งนี้ฝ่ายบริหารยังคงมั่นใจว่ากลุ่มบริษัทจะสามารถเอาชนะคดีความทั้งในประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ได้ (SET)
+ ดัชนีเรือเทกอง ดีดกลับแรง
# ปิดวานนี้เป็น 1249 +4.7% และปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดก่อนหน้า 30 พ.ค.61 เป็น 19.9% แล้ว อาจมีการเก็งกำไร TTA และ PSL ที่ลงมาพอควร
-CPN: อาจได้รับจิตวิทยาทางลบจากข่าวสยามพิวรรธ์จับมือกับไซมอนเปิดมอลล์แข่ง
# ไซม่อน หนึ่งในบริษัทผู้นำของโลกในการสร้างโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้ง กินดื่ม บันเทิง และมิกซ์ยูสเซ็นสัญญาร่วมทุนกับ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม เพื่อสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตในประเทศไทย และเพิ่มความหลากหลายของจุดหมายปลายทางด้านการค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย
# ไซม่อน คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รายใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งมีมากกว่า 230 โครงการในพอร์ตโฟลิโอ โดยสัญญาร่วมทุนกับสยามพิวรรธน์ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของไซม่อนที่เข้าสู่ประเทศไทย และเป็นประเทศที่ 4 ในเอเชีย โดยวางแผนที่จะสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต 3 แห่งในประเทศไทย
# CPN: อาจได้รับจิตวิทยาทางลบจากข่าวข้างต้น ซึ่งก่อนหน้าทางCPN มีแผนเปิด Central Village ถือเป็น Outlet หรูหราระดับต่างประเทศแห่งแรก ที่มีรูปแบบเช่นนี้เป็นแห่งแรกในไทย ด้วยพื้นที่ 4 หมื่นตรม. และโรงแรมขนาด 200 ห้อง ซึ่งจะบริหารโดย Chain จากต่างประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100 ไร่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ สินค้าจะมีแบรนด์ต่างประเทศจำนวนมากในราคาส่วนลดมาก แนะนำ ถือ CPN ราคาพื้นฐาน 85.00 บาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9714