- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 September 2014 17:43
- Hits: 1982
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งตัว แต่ไม่หลุด 1570 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : อ่อนลงเล็กน้อย SET Index ปิดอ่อนลง 1.59 จุด มาปิดที่ 1583.18 ทั้งนี้แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มแบงค์ แต่แรงซื้อหุ้นใหญ่อย่าง PTT และหุ้นขนาดกลาง-เล็กก็ช่วยพยุงตลาดไว้ นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อ 1.05 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน สถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ในระยะสั้นมากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามา จึงคาดว่าจะเป็นการเลือกซื้อหุ้นที่มีข่าวบวกเป็นรายบริษัทกระจายไปในกลุ่มต่างๆ เป็นหลัก ส่วนตลาดรวมอาจมีการแกว่งตัวเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่คาดว่าการอ่อนตัวจะยังไม่รุนแรงมาก เพราะมีความหวังว่า FundFlow จะคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง ปัจจัยติดตาม คือ การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสนช.ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของประเทศชั้นนำต่างๆ หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น TISCO
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1570 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมาก เหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550, 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ THREL, SITHAI, GLOW, TMB, CITY, EGCO, IVL, TWZ, AIT, AQ, GFPT,KAMART, BMCL (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น)คือ CITY, FANCY, ROJNA, RML, MDX
Fundamental Pick
TISCO แนะนำซื้อราคาปิด 46.75 บาท เป้าหมาย 52 บาท
* ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่งกระเตื้องขึ้นเมื่อเทียบกับ 6-9 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติก็ตาม ซึ่งทำให้เราคาดว่าธุรกิจใน 2H57 จะดีขึ้น ทั้งนี้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มีผลต่อธนาคารมาก เนื่องจากมีสินเชื่อส่วนนี้สูงถึง 64% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเมื่อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ฟื้นตัว ธนาคารก็จะได้รับอานิสงค์ทางบวกมาก โดยคาดว่าจะเห็นธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติและเติบโตได้ในปี 58 ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประมาณการว่ากำไรสุทธิของ TISCO ในปีนี้จะทรงตัว แล้วเติบโตก้าวกระโดดราว 30% ในปี 58 เพราะสินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้นและ Credit cost ลดลง ส่วนอีกจุดเด่นหนึ่งของ TISCO คือ การจ่ายปันผลสูง ประมาณการ Dividend Yield ปี 57-58 ไว้ที่ 5%และ 6% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 1 ปีเท่ากับ 52 บาท โดยอิงกับ GordonGrowth Model (20.2% ROE, 8% growth และ 13% cost of equity) หรือเทียบเท่ากับ P/BVปี 58 ที่ 1.4 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : เฟดให้สถาบันการเงินรายใหญ่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
* เฟดได้สรุปขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับกฎระเบียบที่กำหนดให้สถาบันการเงินรายใหญ่ต้องมีสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยภายใต้กฎระเบียบใหม่ ธนาคารขนาดใหญ่จะต้องถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและคุณภาพสูง เช่น เงินที่สำรองไว้กับธนาคารกลางพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของภาคเอกชน ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 10% ของกระแสเงินสดไหลออกสุทธิสำหรับระยะเวลา 30 วันในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : กลับมากังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,013.87 จุด ลดลง 97.55 จุด หรือ -0.57% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,552.29 จุด ลดลง 40.00 จุด หรือ -0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,988.44 จุดลดลง 13.10 จุด หรือ -0.65% ทั้งนี้นักลงทุนกลับมากังวลกับกระแสคาดการณ์ตามรายงานของสื่อต่างๆ ที่จุดประเด็นว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง และหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง หลังมีรายงานว่าเฟดได้สรุปขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับกฎระเบียบที่กำหนดให้สถาบันการเงินรายใหญ่ต้องมีสำรองมากขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนอกจากนั้นยังจับตาดูการเสนอขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทอาลีบาบา โดยบริษัทจะกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 18 ก.ย.และจะเริ่มเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์"BABA" ในวันถัดไป
• สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 92.75 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.04ดอลลาร์ ปิดที่ 99.16 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นจำกัดเพราะมีข่าวว่าลิเบียในเดือนส.ค.57 ผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเป็น 740,000 บาร์รเลต่อวัน จากระดับเฉลี่ยของเดือนก.ค.57 ที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน
- สัญญาทองคำ COMEX : ร่วงลงต่อ
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 5.8ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,248.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ เศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ปัจจัยในประเทศ
•/- BANPU : Overhang คดีหงสาผ่อนคลายลง แต่ Valuation สูง แนะนำขาย
* BANPU แจ้งว่าเมื่อ 9 ก.ย.57 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฟ้องบริษัท บริษัทย่อยและผู้บริหาร ในคดีที่นายศิวะ งานทวี และพวกเป็นโจทก์ฟ้องในกรณีสัมปทานเหมืองถ่านหินรวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่เมืองหงสาประเทศลาว
* ความเห็น DBS Retail Research : นับว่า Overhang ในเรื่องนี้ผ่อนคลายลง แต่ยังไม่100% เพราะต้องติดตามดูต่อว่ากลุ่มงานทวีจะฎีกาต่อหรือไม่ รวมทั้งไม่ได้เป็นบวกกับงบการเงิน BANPU เพราะที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อฯเอาไว้ ในด้านราคาหุ้นปัจจุบันที่ 32.25 บาท เห็นว่ามี Valuation ที่สูงเมื่อเทียบกับแนวโน้มผลประกอบการในปี 57-58โดยซื้อขายที่ P/E ในปีดังกล่าว 17-18 เท่า ขณะที่ P/E เฉลี่ยของกลุ่มพลังงานอยู่ที่ประมาณ 10เท่าทั้งในปี 57-58 ดังนั้นจึงคงแนะนำขาย
+/• JAS : ศาลฯมีคำสั่งยกคำร้องกรณี TT&Tขอให้คุ้มครองชั่วคราวสินทรัพย์ TTTBB ...ความวิตกผ่อนคลายลง แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะตั้ง IFF ได้หรือไม่
* นายธนา พิทยะเวสด์สุนทร ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อ่านคำตัดสินยกคำร้องกรณีบริษัท ทีทีแอนด์ที (TT&T) ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวห้ามไม่ให้บริษัทอคิวเมนท์ (ACU) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) จำหน่ายจ่าย โอนจำนำ หรือก่อให้เกิดภาระผูกพันกับทรัพย์สินและหุ้นของบริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ (TTTBB)
* ความเห็น DBS Retail Research : ความวิตกผ่อนคลายลง แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า JASจะสามารถจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้หรือไม่ แม้ว่าทางบริษัทจะมุ่งมั่นที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้ขึ้นกับการพิจารณาของก.ล.ต. เนื่องจากสินทรัพย์ที่จะนำมาขายเข้ากองทุนฯคือ TTTBB ยังอยู่ในการฟ้องร้องกันระหว่าง TT&T กับบริษัทย่อยของ JAS คือ ACU ในกรณีผู้ถือหุ้น TT&T มีสิทธิถือหุ้นใน TTTBB 70% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งทาง JAS ระบุว่าเรื่องนี้ได้หมดอายุสัญญาไปแล้ว ทำให้ทางผู้ถือหุ้น TT&T ยื่นฟ้องบริษัท อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาลในเรื่องนี้ ทาง JAS ยังสามารถรับรู้รายได้จาก TTTBB ได้เต็มที่เหมือนเดิม โดยฝ่ายกฎหมายของ JAS คาดว่าคดีนี้จะใช้เวลาราว 7-10 ปีกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
+ TICON : มั่นใจออกกอง REIT ได้ใน 4Q57ทำให้รายได้ปีนี้ใกล้เคียงกับปี 56...นักวิเคราะห์ในตลาดประเมินว่าถ้าเป็นไปตามนี้ ราคาเป้าหมายจะอยู่ประมาณ 18บาท
* นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON เปิดเผยว่า ใน 4Q57 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้และกำไรเติบโตที่สุดในรอบปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์กองกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท (คลังสินค้าคลังสินค้าให้เช่า 160,000 ตารางเมตรและโรงงาน 50,000 ตารางเมตร) โดยบริษัทจะซื้อหน่วยลงทุนประมาณ 20-25% ส่วนที่เหลือจะแบ่งขายให้กับนักลงทุนส่วนบุคคลและสถาบันในประเทศทั้งหมด สำหรับรายได้ของปีนี้หลังออก REIT คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 6.7พันล้านบาท จาก 1H57 ทำรายได้ที่ไม่รวม REIT ไปแล้ว 1.3 พันล้านบาท
* บริษัทได้เจรจากับนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อจะช่วยสร้างโอกาสในการนำสินทรัพย์จากต่างประเทศเข้ามารวมอยู่ในกอง REIT ของบริษัท แต่ในขณะเดียวกันจะต้องรอดูความชัดเจนของกฎเกณฑ์จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก่อน นอกจากนี้ บริษัทได้ศึกษาการพัฒนาสินทรัพย์ใหม่ๆนอกเหนือจากคลังสินค้าและโรงงาน เช่น สำนักงานออฟฟิศ และช้อปปิ้ง มอลล์
* สำหรับกรณีที่บริษัทจะนำสินทรัพย์จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ที่มีอยู่ของกลุ่มไทคอนทั้ง 3 กองย้ายเข้ามารวมอยู่ในกอง REIT นั้นหาก ก.ล.ต. สามารถออกกฎเกณฑ์ที่แน่ชัดได้ก็จะนำเข้ามารวมกัน ซึ่งขณะนี้ทาง ก.ล.ต. ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวไปให้กับกรมสรรพากรเพื่อพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีจากการย้ายสินทรัพย์จากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไปยังกองREIT จำนวน 5% แล้ว
+ FANCY : แตกไลน์ธุรกิจตกแต่ง และผลิตไบรซอนบอร์ด หมอนรถไฟรางคู่...เรามีมุมมองในทางบวกกับบริษัท
* หนังสือพิมพ์ทันหุ้นระบุว่าบริษัทจะเข้าประมูลงานตกแต่งภายในสถานีรถไฟฟ้าและอาคารของหน่วยงานราชการ โดยคาดว่าจะได้งานเข้ามาเฉียดพันล้านบาท นอกจากนั้นยังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ไบรซอนบอร์ด ซึ่งเป็นรายเดียวของไทย รวมทั้งมีโครงการผลิตหมอนรถไฟรางคู่เพื่อให้สอดรับกับความต้องการใช้ที่จะเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนขั้นพื้นฐานของภาครัฐ2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งในนั้นเป็นโครงการรถไฟรางคู่ด้วย
* สำหรับผลประกอบการ 1H57 มีรายได้ 285 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท (EPS : 0.09บาท) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และมีเงินสด & เงินลงทุนระยะสั้นในมือ 326 ล้านบาท คิดเป็น 0.69 บาท/หุ้น ด้าน BVS ณ สิ้นมิ.ย.57 เท่ากับ 2.74 บาท
* ณ ราคาปิด 2.70 บาท ซื้อขายที่ P/BV ที่ประมาณ 1 เท่า และมี P/E ปี 57 (Annualized)เท่ากับ 15 เท่า แต่ถ้าหักเงินสด & เงินลงทุนระยะสั้นออกพบว่า P/E จะเหลือเพียง 11 เท่าขณะที่การแตกไลน์ธุรกิจ (จากเดิมที่ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราส่งออกเป็นหลัก) ทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายรายได้และกำไรมากขึ้น เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับ FANCY
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]