- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 May 2018 18:24
- Hits: 2322
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“อัศจรรย์...ปัจจัยต่างประเทศกลับดีได้ในวันเดียว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลงต่อ 9.40 จุด ปิดที่ 1725.14 จุด ระหว่างวันลงไปต่ำสุดถึง 1711.73 จุด ถือว่าปรับลงในอัตราที่น้อยกว่าเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายมากขึ้นที่ 77.5 พันล้านบาท ปัจจัยต่างประเทศกดดันจากสถานการณ์อิตาลีและสเปน ขณะเดียวกันมีข่าวดีมาช่วย SET ช่วงบ่ายคือศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ พรบ.เลือกตั้งสส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หุ้นพลังงานกลับมาฟื้นตัวได้ แต่กลุ่มหลักอื่นๆส่วนใหญ่ถูกขาย ผู้ขายสุทธิคือนักลงทุนต่างประเทศถึง 4.4 พันลบ. หลักทรัพย์ 0.5 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 4.5 พันลบ และสถาบัน 0.4 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์–ปัจจัยต่างประเทศพลิกกลับมาดีได้ในวันเดียว จาก 3 ปัจจัยคือ 1) อิตาลีคลี่คลายความกังวล ทั้งเรื่องการเมืองและการเงิน 2) ราคาน้ำมันดีดตัวกลับแรง ยังไม่รีบเพิ่มกำลังการผลิตจนกว่าสิ้นปี และ 3) ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อน ด้าน MSCI มีผลวันนี้ คาดว่ากระทบน้อยลง และเมื่อพ้นไปได้จะช่วยลดแรงขาย ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องศาลฯพิจารณาตีความการเลือกตั้ง สส. ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสอยู่ในลักษณะฟื้นตัว เพราะปัจจัยต่างประเทศกลับมาดี ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ปรับตัวขึ้นพอควรแต่ไม่ได้บวกแรงๆ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้ากลับมาลบสัก 20 จุด และน้ำมันวันนี้ลดลงเล็กน้อย ส่วนข่าวที่ยังต้องติดตามคือสหรัฐฯอาจปรับเพิ่มภาษีรถยนต์นำเข้า ทรัมป์กลับมาประชุมกับเกาหลี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลดลงต่ำกว่า 3% สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ ปัจจัยบวกเป็นเรื่องเศรษฐกิจไทยเติบโตดีเกินคาด ส่วนระยะกลาง-ยาวยังต้องติดตามเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน ค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก กระทบเงินไหลเข้า-ออก กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1710-1750 จุด
Update หุ้นเด่น : ROJNA- น่าซื้อเก็งกำไร เพราะจะเริ่มซื้อหุ้นคืนวันแรก 1 มิ.ย.61 นี้แล้ว จำนวนไม่เกิน 38 ล้านหุ้น และไม่เกิน 200 ล้านบาท ด้านพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ฟื้นตัวดี คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาสถัดๆมาจะดีขึ้น จากรายได้-นิคม ซึ่งมีสมมุติฐานว่าปีนี้จะโอนถึง 400 ไร่ ราคาพื้นฐานเป็น 7.87 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP สำหรับมูลค่าเหมาะสมธุรกิจหลักใช้ Forward P/E ที่ 15 เท่า และมูลค่าแฝงจากการถือหุ้น GULF ที่ 0.30 บาทต่อ 1 หุ้น ROJNA ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 24%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แม้ความน่าจะเป็นของตลาดฯมีน้ำหนักเป็นการลง เพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought & Divergence ยังคอยกดดัน แต่อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1730-1740, 1750 โดยมีแนวรับ 1710-1700 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1720 จุด
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น KKP,LH,PTT,CBG,TKN,IHL ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ STAR,SYNTEC,KTB,SEAFCO,HMPRO หุ้นที่หลุด IVL,AEONTS,WHA,SCC,CPALL,GPSC,BH และที่ให้หาจังหวะTake profit ไม่มี
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+อิตาลี ปัจจัยการเมืองปรับตัวไปในทางบวก
# สถานการณ์การเมืองในอิตาลีเริ่มสัญญาณในด้านบวก หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปลดนายเปาโล ซาโวนา ออกจากรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากนายซาโวนามีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)
+ อิตาลี ออกพันธบัตรสำเร็จ ลดความถูกปรับลดเครดิต
# นักลงทุนยังขานรับความสำเร็จในการออกพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอิตาลี โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลอิตาลีสามารถจำหน่ายพันธบัตรประเภทอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในวงเงินรวม 5.57 พันล้านยูโร หรือประมาณ 6.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาล
+ น้ำมันบวกแรง ซาอุ โอเปก และนอกกลุ่มโอเปกยังไม่รีบปรับเพิ่มกำลังการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 68.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 77.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) ขานรับรายงานที่ว่าซาอุดิอาระเบีย, กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของของสหรัฐจะปรับตัวลดลง
# ราคาน้ำมันที่ดีดตัวกลับขึ้นแรง คาดว่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีบ้านเรา หลังปรับตัวลงลึกโดยเฉพาะ PTTEP ที่ภาวะธุรกิจแปรผันโดยตรงไปตามราคาน้ำมันมาก
+/• สหรัฐฯกลับมาพร้อมประชุมกับเกาหลีเหนือ
# นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่การจัดการประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์ ตามที่มีการกำหนดไว้
# เรื่องนี้มีผลกับ SET เพราะหากการประชุมมีความคืบหน้าที่จะบ่งชี้ว่า การเมืองระหว่างประเทศคลี่คลายไปในทางที่ดีก็จะเป็นบวกได้นั่นเอง
+ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลงต่ำกว่า 3% ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงอีกสู่ระดับ 2.8459% หลังเคยไปทำยอดสูงสุดใหม่เกิน 3.1%
# แต่ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลงมาเป็น 94.067 จุด ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าลงเป็น 32.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
# ดัชนีความกลัว (VIX) ล่าสุดลดลง 12% จากวันก่อนหน้าเป็น 14.94
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐกลับมาทะยาน คลายความกังวลอิตาลี น้ำมันปรับขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,667.78 จุด พุ่งขึ้น 306.33 จุด หรือ +1.26% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.01 จุด เพิ่มขึ้น 34.15 จุด หรือ +1.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,462.45 จุด เพิ่มขึ้น 65.86 จุด หรือ +0.89%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้
• ภาวะตลาดทองคำ : ฟื้นหลังดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,306.5 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1
+ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุด ออกมาอ่อนกว่าคาด
#กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3%
#ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 163,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 204,000 ตำแหน่ง
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ทยอยประกาศ
# ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• การเมืองไทย: คำวินิจฉัยและมติของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเลือกตั้ง สส. 30 พ.ค.61 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
#ศาลรัฐธรรมนูญได้ลงมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาตรา 35 (4) และ (5) ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 95 วรรค 3 เนื่องจากการดำรงตำแหน่งตามมาตรา 35 (4) และ (5) เป็นสิทธิชนิดหนึ่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ออกกฎหมายจำกัดสิทธิดังกล่าวได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 95 วรรคสาม
# ถือว่าเป็นบวก เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทั้งเรื่องที่มา สว. และการเลือกตั้ง สส. ไม่ทำให้การเลือกตั้งตามกำหนดโรดแม็ป ก.พ.62 ล่าช้าออกไป แต่ระยะสั้นวานนี้รับข่าวไปส่วนหนึ่งแล้ว
-/+ MSCI ยังมีผลกดดันตลาดหุ้นไทย เริ่มมีผลวันนี้ แต่หากพ้นไปก็คาดว่าจะช่วยลดแรงขายได้
# ด้านน้ำหนักการลงทุนของไทย ถูกปรับลดลงเป็น 2.31% จาก 2.38%
#ใน MSCI Global Standard มีหุ้นเข้ามาคำนวณเพิ่ม 1 บริษัท คือ LH และหุ้นที่ถูกถอดออกคือ KCE, SCC-F ส่วนใน MSCI Small Cap Indexed มีหุ้นเข้ามาคำนวณเพิ่ม 6 บริษัท คือ DDD, KCE, MONO, PRM, THG, TPIPL และมีหุ้นถูกถอดออก 9 บริษัทคือ BIG, EASTW, FSMART, GL, KTC, LHBANK, MALEE, SAMART, TSE
# หุ้นที่อยู่ใน MSCI และได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุน คือ SCC (เพิ่มจาก 0.03% เป็น 0.0998%) ส่วนหุ้นที่ถูกปรับน้ำหนักลดลง คือ SCC-F (ลดจาก 0.0805% เป็น 0%)
# ผลกระทบ: คาดว่าราคาหุ้นอาจจะได้รับผลกระทบทั้งบวกและลบ แล้วแต่ถูกนำเข้า หรือเอาออก และหลังจาก 31 พ.ค.61 ไปแล้วก็จะมีผลกระทบน้อยลง
+ สสค. เผย เศรษฐกิจ เม.ย.61 ยังแกร่ง
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน ปี 2561 โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 1 โดยเครื่องยนต์สำคัญมาจากการส่งออกสินค้า การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี ในขณะที่ด้านการผลิตส่งสัญญาณการเติบโตในทุกหมวดทั้งการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรม อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง
#พร้อมคาดว่า แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในช่วงไตรมาส 2/61 จะขยายตัวมากกว่า 4% หลังเครื่องชี้เศรษฐกิจหลายตัวในเดือนเม.ย.มีประสิทธิภาพ และเมื่อรวมกับแนวโน้มการส่งออกในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีเช่นกัน น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทย
+ สศอ.เผย MPI ไทย เม.ย.61 ขยายตัวดี +4% y-o-y
#สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไทยในเดือน เม.ย.61 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ส่งผลทำให้ 4 เดือนแรกของปี 61 (ม.ค.-เม.ย.) MPI ขยายตัว 4.1%
-/• BGRIM: กฟผ.ปฏิเสธ ย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้า
# "กฟผ." หรือ EGAT ฟันธง BGRIM ไม่สามารถย้ายโรงไฟฟ้า BGPR1-BGPR2 ไปสร้างที่นิคมฯ เอเซียได้ เหตุระบบไฟฟ้าไม่รองรับ พร้อมแนะให้ BGRIM พิจารณาพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งเดิม เช่น จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.ราชบุรี หรือ จ.นครปฐม จะมีความเหมาะสมกว่า (ข่าวหุ้น)
# ผลกระทบ: ต้องรอฟังคำชี้แจงจากบริษัท แต่ระยะสั้นจะเป็นข่าวลบไปก่อน ระยะกลาง-ยาว เชื่อว่าบริษัทจะหาสถานที่ได้เพราะมีสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว เพียงแต่จะล่าช้าในการ COD หรือไม่
+ ฟุตบอลโลก: คาดกลุ่มพาณิชย์ และสื่อ จะได้รับประโยชน์
# ฟุตบอลโลกที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ 14-15 มิ.ย.61 ที่ประเทศรัสเซีย คาดว่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อหลักทรัพย์ในกลุ่มพาณิชย์ (Commerce) และสื่อ (Media) รวมทั้งกลุ่มอาหารจานด่วน จากการนำ Event มาสร้างกิจกรรมการตลาด
# คาดว่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรในระยะนั้น หลักทรัพย์กลุ่มพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง เช่น CPALL, ROBINS, HMPRO และ GLOBAL กลุ่มสื่อ เช่น BEC, MONO, MCOT, SPORT, PLANB และ VGI รวมทั้ง กลุ่มอาหารจานด่วน เช่น CENTEL และ MINT
+ AH ส่งซิกงบไตรมาส 2 แจ่ม! บุ๊คส่วนแบ่ง SGAH เต็มปี ดันกำไรปีนี้พุ่ง
# AH ลั่นผลงานไตรมาส 2 แจ่ม! หลังอุตสาหกรรมยานยนต์สดใส หนุนครึ่งปีหลังโตไม่หยุด มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้โตกว่าปีก่อน เหตุบุ๊คส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH เต็มปี ฟากโบรกฯ ชู AH เป็นหุ้น "ท็อปพิก" ของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9466