- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 May 2018 18:25
- Hits: 3495
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 25/05/2018
Close 1,741.21 Volume Bt54,816M
Change 8.70 P/E 17.8
%Change 0.50% P/BV 1.99
หุ้นแนะนำพิเศษ
AOT Analyst Meeting (ราคาปิด 69 บาท ถือ Bloomberg Consensus 73.74 บาท)
รายงานกำไร 2Q61 อยู่ที่ 7,269 ลบ. +12 %YoY มาจากรายได้ที่เกี่ยวกับการบิน 9,300 ลบ. +11 %YoY เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินที่ยังเติบโตต่อเนื่องเป็นจำนวน 436,817 เที่ยว +5 %YoY หลัง ICAO ปลดธงแดงเมื่อ ต.ค. 60 และจำนวนผู้โดยสารรวมอยู่ที่ 72.4 ล้านคน +10 %YoY ส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินอยู่ที่ 7,016 ลบ. +11 %YoY จากส่วนแบ่งรายได้ร้านค้าที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร
อนุมัติแผนพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 และท่าอากาศยานภูเก็ต แห่งที่ 2 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งละประมาณ 6 หมื่นลบ.(ไม่รวมที่ดิน) โดยจะรองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคน/ปี เพื่อรองรับผู้โดยสารในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากไม่สามารถขยายสนามบินเก่าได้จากเหตุผลด้านความแออัด
ความเห็น : 3Q61 คาดว่าบริษัทจะยังสามารถเติบโตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น(เม.ย. 61 : ราว 3,092,725 คน +9.4 %YoY , ที่มา : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) สัดส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น(2Q60 : 32 % -> 2Q61 : 36 %) เนื่องจากค่าบริการของเที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ที่ 700 บาท เมื่อเทียบกับเที่ยวบินในประเทศซึ่งอยู่ที่ 100 บาท
ส่องหุ้น
SCB แนวรับ 136.50 บาท แนวต้าน 139.50-140.50 บาท
ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาต่อเนื่องและสามารถปิดได้ในระดับสูงสุดของวันจากสัญญาณ Golden cross ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ อีกทั้ง MACD ใกล้จะผ่านขึ้นมาเหนือระดับศูนย์อีกด้วย หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 136.50 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นขึ้นผ่านเส้น BollingerTop ที่ 138 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบเดือนครึ่งแถวๆ 139.50-140.50 บาทต่อไป
SSP แนวรับ 8.35-8.30 บาท แนวต้าน 8.45 , 8.55-8.65 บาท
ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมในรอบสัปดาห์แถวๆ 8.45 บาทแล้วแต่ยังไม่ผ่าน แต่ระดับราคายังสามารถประคองตัวปิดได้ในระดับสูงของวัน และมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแนวรับที่ 8.35-8.30 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นผ่าน 8.45 บาทขึ้นทำ New high ต่อแถวๆ 8.55-8.65 บาทต่อไป
GOLD แนวรับ 10.60-10.50 บาท แนวต้าน 10.90-11.00 บาท
ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์และปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้แต่ยังมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นเล็กน้อย โดยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 10.60-10.50 บาทซะก่อน ระดับราคาน่าจะได้ลุ้นขึ้นต่อแถวๆ 10.90-11.00 บาทต่อไป
Market View : น้ำมันลงกดดัน
หุ้นแนะนำพิเศษ : AOT
หุ้นมีข่าว : ASAP IVL MONO
Technical Insight : SEAFCO SCB
Set Index วานนี้ผันผวนกรอบกว้างทั้งแดนลบและบวก หลังทรัมป์ยกเลิกประชุมสุดยอดกับเกาหลีเหนือ รมถึงน้ำมันดิบยังอ่อนตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังได้แรงหนุนจากการทยอยปรับคาด GDP หลัง 1Q61 ออกมามากกว่าคาด โดยกลุ่ม ENERG BANK PRO หนุนหลัก ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,741.21 จุด (+8.70 จุด) Volume 6.44 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -2,660.80 ลบ. TFEX Net -4,916 สัญญา ตราสารหนี้ +2,513.12 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+"ทรัมป์" ชี้การประชุมซัมมิต"คิมจองอีน"อาจมีขึ้น 12 มิ.ย.ตามกำหนดเดิม
-ดาวโจนส์ปิดลบเนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง
-น้ำมันดิบปิดร่วงลงจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกำลังพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อชดเชยการผลิตที่ลดลงของอิหร่านและเวเนซุเอลา
-ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐลดลง 1.7% ในเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 98 ในเดือนพ.ค.
-เฟดนิวยอร์กหั่นตัวเลขคาดการณ์ศก.สหรัฐในไตรมาส 2 ขยายตัว 3.01% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดก่อนหน้านี้ที่ 3.2%หลังยอดขายบ้านใหม่ คำสั่งซื้อสินค้าคงทนซบ
-มูดี้ส์ขู่หั่นอันดับความน่าเชื่อถืออิตาลี หวั่นรัฐบาลชุดใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ได้สำเร็จ
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.16 แสนล้านบาท เงินบาทอยู่ที่ 31.89 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลงจากความกังวลต่อกำลังการผลิต ตัวเลขศก.สำคัญของสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอโดยเฉพาะการที่เฟดสาขานิวยอร์กปรับลดคาดการณ์ GDP ในช่วง 2Q61 อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะขายอย่างต่อเนื่องคอยกดดันดัชนี โดยมีประเด็นบวกจากการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐ-เกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิม คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,732-1,746 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- NYT ยอดส่งออกรถยนต์โต 5.29% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
- GGC EA เดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20
- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ BJC
- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต
- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 106.6$/Ton
- หุ้น EEC Play ได้แก่ WHA AMATA EASTW ATP30 ORI
หุ้นมีข่าว
ASAP (ราคาปิด 7.15 บาท Bloomberg Consensus 10.13 บาท) ผู้ให้บริการรถเช่าครบวงจรระยะยาว อันดับ 3 ในไทย โดยงวด 1Q61 บริษัทเพิ่มกองรถเช่าได้กว่า 1.5 พันคัน จากสิ้นงวด 4Q60 นอกจากนี้ YTD ยังมียอด Backlog ส่งมอบรถเช่าอีกกว่า 4 พันคัน และยังเปิดเผยว่าในช่วงเดือน พ.ค. 61 บริษัทยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าหมายการเพิ่มกองรถจาก 4 พันคัน เป็น 5 พันคัน
ส่วนการจำหน่ายรถภายหลังหมดสัญญาเช่าระยะยาวเฉลี่ยราว 4 ปี ในปีนี้ อยู่ที่ราว 1.2 พันคัน ใกล้เคียงกับปี 60 ยังคงจำหน่ายผ่านรูปแบบการประมูลทั้งสิ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังต่ำเพียง 8% - 10% อย่างไรก็ตาม ASAP มีความพยายามที่จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายสู่ end-user โดยตรงผ่านทาง 1) Platform จำหน่ายรถออนไลน์ ปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์กับ TaladROD และ Kaidee โดยกำลังเจรจาอีก 2 ราย 2) จำหน่ายรถผ่าน Franchisee โดยใช้ฐานข้อมูลเกี่ยวกับรถเช่าของบริษัทเชิงลึก (เลขไมล์, การเข้าศูนย์, อุบัติเหตุ เป็นต้น) ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ช่องทางใหม่ทำให้กองรถเช่าที่หมดสัญญาในปี 58 – 59 ราว 4 พันคัน และออกจำหน่ายในปี 62 – 63 จะผ่านช่องทางที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าอีกราว 1 เท่าตัวได้ราว 30 – 40% ของกองรถหมดสัญญาทั้งหมด
ความเห็น การเติบโตของรายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ไม่น่าห่วงจากทั้งการขยาย fleet รถ (ปี 61) และการจำหน่ายรถจำนวนมาก (ปี 62) นอกจากนี้ ประเด็นอื่นทั้งการ Credit ภาษี และความเสี่ยงจากสถานะการเงินตึงตัว (D/E ที่ 5.7 เท่า) บริษัทยังยืนยันว่ายังมีวงเงิน Credit ภาษีรองรับอีกกว่า 3 ปี และสถานะทางการเงินไม่ได้ถูกจำกัดโดย Debt Covenant แต่ชดเชยด้วย Credit ของลูกค้า ASAP ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่เป็นส่วนใหญ่ ASAP ยังสามารถเพิ่ม D/E ไปได้อีกราว 30% โดยรวม ประเด็นที่ต้องติดตามคือ การเปิดทำการของ Auto Park ซึ่งจะเป็นการจำหน่ายผ่าน Franchise ที่แรกในเดือน ก.ค. 61 ว่าจะสามารถขายรถที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงได้เท่าใด ก่อนตัดสินใจลงทุน
+IVL (ราคาปิด 60.75 บาท Bloomberg Consensus 68.43) เข้าซื้อโรงงาน PET ของ M&G ในบราซิล 100% เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเข้าครอบครองกิจการเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา โบรกฯ คาดบุ๊คส่วนแบ่งกำไร 700 ล้านบาทต่อปี (ที่มาข่าวหุ้น)
+ MONO (ราคาปิด 2.76 บาท Bloomberg Consensus 3.89) “กสทช.” รายงานเรตติ้งช่องรายการทีวีดิจิทัล เดือน เม.ย. 2561 จากการสำรวจของ Nielsen พบว่า ช่อง 7HD ยังครองอันดับหนึ่ง ขณะที่ 3HD อยู่อันดับสอง ส่วนอันดับสามเป็นช่อง MONO 29 (ที่มาข่าวหุ้น)
+ BAY (ราคาปิด 39 Bloomberg Consensus 43.26) ภาพรวมของธุรกิจรายย่อยช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 2-3% คาดทั้งปีโตตามเป้าหมายที่ 11% ได้ปัจจัยหนุนจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคลผ่านกรุงศรีไอฟิน บริการขอสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่ธนาคารได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา ส่วน NPL อยู่ในระดับต่ำทั้งปีไม่เกิน 1.5% (ที่มา ข่าวหุ้น)
+/-KBANK (ราคาปิด 192 Bloomberg Consensus 217.06) เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อรวมปีนี้มีโอกาสเติบโต 5-7% จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกเติบโตดีกว่าที่คาด สัดส่วนรายได้ปัจจุบันแบ่งเป็น รายได้จากดอกเบี้ย 60% รายได้จากค่าธรรมเนียม 40% หลังจากธนาคารยกเว้นรายได้ค่าฟีในส่วนของการทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้งเคพลัส ทำให้รายได้ค่าฟีลดลง ส่วนการรักษารายได้ค่าฟีให้มีการเติบโต ธนาคารต้องหาส่วนอื่นเข้ามาชดเชยโดยจำเป็นต้องพัฒนาเรื่องดิจิทัลต่าง ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังพัฒนา (ที่มา ข่าวหุ้น)
CGD ประกาศเพิ่มทุนจำนวน 2,519 ล้านหุ้นรองรับการออก CGD-W4 ที่แจกฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 5: 1 อัตราการแปลงสภาพ 1:1 ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2.75 บาท (ที่มา SET news)
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO9335