- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 May 2018 18:23
- Hits: 1323
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard and Defensive Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปรับตัวบวกลบสลับหลายรอบตามการแกว่งตัวของ PTT และ PTTEP แต่แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังขายต่อเนื่อง แรงซื้อจากสถาบันในประเทศและแรงซื้อคืนในกลุ่มพลังงานผลักดันให้ SET Index ปิดปรับตัวบวกในระดับเกือบสูงสุดของวันที่ 1,741.21 จุด นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 2.66 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures เล็กน้อย 726 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อถึง 1.4 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แนวโน้ม SET Index จะแกว่งตัว Sideways up แต่เป็นการรีบาวนด์ในกรอบจำกัด ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตาทั้งการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ความหวังการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐ-เกาหลีเหนือ และมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอีกจำนวนหนึ่งที่ทยอยรายงานตลอดสัปดาห์ รวมถึงการปรับเข้า-ออกหุ้นใน MSCI Rebalance ในบ้านเรามีปัจจัยสำคัญต้องติดตามการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 30 พ.ค. และการประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณวันนี้ ซึ่งอาจทำให้มีการเก็งกำไรหุ้น PTTEP
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Laggard และ Defensive
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$317ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$389ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$83ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามราคาน้ำมันที่ดิ่งลง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 98 บาท
ธุรกิจ 7-11 ยังแข็งแกร่ง SSSG ใน 2Q18 โตต่อเนื่องแม้เป็นฤดูฝน เพราะกำลังซื้อฟื้นตัวและยังได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นราคาบุหรี่ ซึ่งโมเมนตัมนี้จะเร่งขึ้นอีกใน 2H18 ที่มักจัดโปรโมชั่นใหญ่ของปี
ราคาหุ้นลงมาใกล้ต้นทุนแปลง Exchangeable Bond ที่ 77 บาท ขณะที่ Sentiment ลบจาก MAKRO กระทบแค่ช่วงสั้น เพราะกำไร MAKRO ชะลอชั่วคราว และการขายหุ้นจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้ว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) หุ้นเข้า-ออก MSCI Review มีผล 31 พ.ค. 18 หุ้นที่เข้า MSCI Global Standard คือ LH และหุ้นที่ออกคือ KCE, SCC-F ส่วนหุ้นที่เข้า MSCI Small Cap. คือ DDD KCE MONO PRM THG TPIPL และหุ้นที่ออกคือ BIG EASTW FSMART GL KTC LHFG MALEE SAMART TSE
(0) BGRIM จากประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ ผู้บริหารชี้แจงประเด็นย้ายที่ตั้ง 2 โรงไฟฟ้า น่าจะทำให้ตลาดคลายกังวล แต่มีประเด็นใหม่คือ ภาครัฐมีแนวทางเปลี่ยนการต่อสัญญาโรงไฟฟ้าจากเดิมแบบ SPP Replacement เป็น SPP Extension 10 ปี ที่มีข้อดี ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และกำไรช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าแนวทางเดิม แต่การต่ออายุสัญญาที่สั้นกว่า ทำให้มี Downside 5-10% ต่อราคาเป้าหมาย แต่จะมี Upside จากโครงการร่วมทุน Solar Farm ในเวียดนามมาชดเชย เรายังคาดกำไรปกติ 2Q18 โต Q-Q, Y-Y และทั้งปีคาดโตสูง 40% Y-Y เป็น 2.4 พันลบ. แนะนำซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 32 บาท
(0) BJC SSSG เดือนเม.ย. ของ BIGC พลิกกลับไปติดลบราว -1-2% แต่บริษัทยังตั้งเป้า SSSG ทั้งปีที่ 5% และมีแผนเปิด BIGC สาขาแรกที่กัมพูชาใน ก.ค. 19 ส่วนธุรกิจ packaging ยังดูดี โดยเฉพาะเตาแก้วโรง 4 ที่ผลิตเต็มกำลัง และกำลังขยายโรง 5 คาดเสร็จ 4Q18 ขณะที่ ธุรกิจ consumer น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งไทยและเวียดนามที่เพิ่งซื้อธุรกิจทิชชู่เข้ามา ธุรกิจกระป๋องกำลังดีลกับลูกค้าใหม่ในกลุ่มกาแฟ เข้ามาแทนลูกค้าเดิมที่กำลังสร้างโรงกระป๋องของตัวเอง ส่วน Healthcare น่าจะทรงๆ ประเด็นปรับโครงสร้างภาษีน่าจะแล้วเสร็จใน 3Q18 ช่วยลดอัตราภาษีต่ำกว่า 20% ได้ ยังคาดกำไรปีนี้โต 26% เป็น 6.6 พันลบ. แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 61 บาท
(-) CBG ผู้บริหารยังตั้งเป้ายอดขายในจีนปีนี้ aggressive มากเป็น 3.6 พันลบ. จาก 1 พันลบ. ในปี 2017 ขณะที่ 1Q18 ทำได้เพียง 209 ลบ. ส่วน UK ตั้งเป้าขาย 30 ล้านกระป๋อง จาก 10 ล้านกระป๋องในปีก่อน แต่สุทธิแล้วยังขาดทุน ส่วนในไทยตั้งเป้าโต 3-5% จากอดีตโตปีละ 20% เพราะกำลังซื้อไม่สดใส และต้นทุนเศษแก้วปรับขึ้น อีกทั้ง การแข่งขันยังรุนแรง ทั้งเครื่องดื่มชูกำลังและกาแฟพร้อมดื่ม โดนเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลังที่ถูกแบ่งส่วนตลาดจากโสม GSD และโสมอินซัม หากให้กำไรปีนี้ทรงตัวใกล้ปีก่อนที่ 1.2 พันลบ. (1Q18 ทำได้เพียง 181 ลบ.) และคาดปีหน้ากลับมาโตดี +25% เป็น 1.5 พันลบ. PE2018-19 ยังแพงที่ 43 เท่า และ 36 เท่า ไม่แนะนำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 พ.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
30 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา กม. ลูก ส.ส.
- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP ครั้งที่ 2
31 พ.ค.- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน (พ.ค.)
- MSCI Rebalance effective
(0) ตลาดสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าปธ.ทรัมป์จะกลับลำและให้สัมภาษณ์ว่าจะนัดพบกับผู้นำเกาหลีเหนือเหมือนเดิม แต่ตลาดก็ถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังน้ำมันดิบปรับตัวลง
(-) Sentiment ทางฝั่งยุโรปค่อนไปทางลบ แม้ว่าค่าเงินที่อ่อนค่าลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทส่งออก อย่างไรก็ตาม การเมืองที่ไม่แน่นอนของประเทศอิตาลียังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อสหภาพ EU โดยรวม
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ได้รับข่าวดีหลังจากสหรัฐต้องการที่จะเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 32.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 2.83 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.88 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังซาอุฯและรัสเซียกำลังพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านบาเรลล์ต่อวันเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่หายไปของเวเนฯและอิหร่าน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,303.70 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9327