- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 May 2018 17:50
- Hits: 7702
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลากปัจจัยต่างประเทศยังป่วน SET
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : IMPACT (จากซื้อเป็น ถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลงลึก 21.09 จุด ปิดที่ 1732.51 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 64.4 พันล้านบาท มีแรงขายทำกำไรจากปัจจัยต่างประเทศคือ สงครามการค้าสหรัฐและจีนยังไม่ราบรื่น ดอลลาร์แข็งค่า หุ้น PTT,PTTEP ปรับลงแรงเป็นตัวถ่วง หลังกังวลราคาน้ำมันจะปรับลดลงหลังโอเปกมีแนวโน้มจะเพิ่มกำลังการผลิตชดเชยส่วนที่ลดจากอิหร่านและเวเนซูเอราที่สหรัฐอาจคว่ำบาตรได้ ผู้ขายสุทธิคือนักลงทุนต่างประเทศถึง 4.7 พันลบ.และหลักทรัพย์ 0.1 พันลบ.ด้านผู้ซื้อสุทธิคือรายย่อย 4.5 พันลบ สถาบัน 0.3 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์–ปัจจัยต่างประเทศยังป่วนตลาดหุ้นไทย 1) หลังทรัมป์ยกเลิกการประขุมกับเกาหลีเหนือ กังวลการเมืองระหว่างประเทศ 2) มีข่าวลบเพิ่มสหรัฐฯอาจปรับเพิ่มภาษีรถยนต์นำเข้า และ 3) กังวลราคาน้ำมันกลับมาลง เพราะโอเปกอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเดือนหน้า ข้อดีที่มีคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลดลงจนหลุด 3% สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ ปัจจัยบวกเป็นเรื่องเศรษฐกิจไทยเติบโตดีเกินคาด คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสแกว่งตัวในโซนลบ จากปัจจัยต่างประเทศที่ไม่ดีนัก แต่อาจมีการรีบาวด์สลับ เพราะลงมามาก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งลบแคบๆ ส่วนระยะกลาง-ยาวยังต้องติดตามเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลงมีผล 31 พ.ค.61 อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก ส่วนการเมืองไทยหลังศาลฯตีความไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็มีโอกาสเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ติดตามตีความสส. กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1730-1750 จุด
Update หุ้นเด่น :PF- ปกติแล้วมักสร้างความผิดหวังเรื่องกำไรทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายของเราและบริษัท แต่เริ่มมีสัญญาณดี กำไร 1Q61 โตกระโดดถึง 335% y-o-y คาดว่า 2Q61 จะยิ่งดีกว่า 1Q61 ปรับกำไรปีนี้-ปีหน้าดีขึ้น 300%/150% เพิ่มรายได้ขายที่ดินเปล่าให้ JV และโอนคอนโด GRAND สูงขึ้น คงแนะนำ ซื้อ คาดกำไรหลักปีนี้เพิ่ม 4.8 เท่า y-o-y แต่ปี 62 สู่ภาวะปกติมากขึ้น ราคาพื้นฐานใช้ P/BV 0.8 เท่า มีส่วนเพิ่ม 24%
ก ารวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง เพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought & Divergence ยังคอยกดดัน ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1740-1745, 1750 โดยมีแนวรับ 1730-1720
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น SCC, PTT, TKN, CPALL ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ IVL, KCE, THG, STAR, AEONTS, WHA, SYNTEC หุ้นที่หลุด SAT, GLOBAL, KBANK, BCPG และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น EGCO, BEM, BTS, SPALI
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ทรัมป์ยกเลิกการประชุมกับเกาหลีเหนือ กังวลการเมืองระหว่างประเทศ
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.61 ที่สิงคโปร์ ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคิมและได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า "เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ล่าสุดของท่านซึ่งได้แสดงความโกรธ และความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย ผมรู้สึกว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมในขณะนี้ที่จะมีการจัดการประชุมดังกล่าวที่มีการวางแผนมาอย่างยาวนาน"
# สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเมื่อใด หรือวิธีการใดก็ตาม พร้อมระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้านั้น ไม่สอดคล้องกับความประสงค์ของประเทศต่างๆทั่วโลก
-รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาปรับภาษีนำเข้ารถยนต์
# ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ทำการตรวจสอบว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25% ทั้งนี้ คาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่สหรัฐใช้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อไม่นานมานี้
# หลักทรัพย์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีการส่งออกไปต่างประเทศ และอิเล็กโทรนิกส์ที่เกี่ยวกับยานยนต์ อาจได้รับผลลบ เช่น KCE
- น้ำมันปรับลง กังวลโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ปีนี้
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 78.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนหน้า เพื่อชดเชยกับการที่อิหร่านและเวเนซุเอลาอาจลดการผลิตน้ำมัน จากการถูกสหรัฐคว่ำบาตร
# ราคาน้ำมันหากปรับลงต่อเนื่อง จะเป็นผลลบกับหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เป็นการซ้ำเติมสภานการณ์ขณะนี้
+ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดออกมาอ่อน
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 2.5% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.46 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2%
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 220,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6,250 ราย สู่ระดับ 219,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทยอยปรับลงต่ำกว่า 3% ดอลลาร์แข็งค่า
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงอีกสู่ระดับ 2.9889% หลังไปทำยอดสูงสุดใหม่เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วเกิน 3.1% ที่ 3.1048%
# แต่ดอลลาร์สหรัฐมีการอ่อนค่าลงบ้าง
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจวันศุกร์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจ จะประกาศวันนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
-/+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐปรับลง กังวลสหรัฐฯยกเลิกประชุมเกาหลีเหนือ-เก็บภาษีรถยนต์นำเข้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,811.76 จุด ลดลง 75.05 จุด หรือ -0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.76 จุด ลดลง 5.53 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,424.43 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.02%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
# ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้นดี เวลาไทย 8:10 น. +31 จุด
• ภาวะตลาดทองคำ : เพิ่มขึ้นดี เข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐฯยกเลิกประชุมเกาหลีเหนือ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 14.80 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 1304.40 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
-/• MSCI ยังมีผลกดดันตลาดหุ้นไทย เริ่มมีผล 31 พ.ค.61 แต่ตอบสนองไปก่อน
# ด้านน้ำหนักการลงทุนของไทย ถูกปรับลดลงเป็น 2.31% จาก 2.38%
# ขายหุ้นในตลาด emerging market รวมทั้งไทย เพื่อการเตรียมเงินไว้ซื้อหุ้นจีน หลังจากที่ MSCI Emerging Market Index จะนำหุ้น A-Share ของจีนกว่า 200 ตัวเข้ามาคำนวนดัชนี ซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พ.ค.61
# ผลกระทบ: ต่างชาติจะขายหุ้นที่มีในพอร์ต คือ หุ้นบลูชิพต่างๆ ที่ส่วนมากสถาบันมักจะมีด้วย ตามนโยบายการลงทุน เช่น SET-50, SET-100 คาดว่ามีผลส่วนหนึ่งทำให้ยอดขายสุทธิต่างชาติในระยะนี้จะอยู่ในเกณฑ์ที่มาก กองทุนที่เป็น Passive อาจต้องรอวันที่มีผล แต่นักลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจชิงลงมือก่อน
+/• คลัง เล็งทบทวน GDP ปี 61 โตเพิ่มเป็น 4.5% จากเดิมคาด 4.2% หลัง Q1/61 โตกว่าคาด
# โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมทบทวนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2561 ใหม่ โดยคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มเป็น 4.5% สูงสุดในรอบ 6 ปี จากปัจจุบันคาดขยายตัวที่ 4.2% หลังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัว 4.8% เติบโตมากกว่าคาดการณ์
# คาดว่าตลาดจะไม่ได้ตอบรับในเชิงบวกที่มาก เพราะทราบมาตั้งแต่สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาสแรกโตดีเกินคาด
-PTT: กบง.มีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันตรึงราคา LPG
# รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมกบง.มีมติบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นราคาของก๊าซหุงต้ม (LPG) ต่อประชาชนที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงถึง 395 บาทต่อถัง (15 กก.) โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯชดเชยเพิ่มขึ้น เพื่อให้ราคา LPG ลงมาอยู่ในระดับ 363 บาทต่อถัง (15 กก.) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. เป็นต้นไป โดยคาดว่าราคา LPG ในตลาดโลกในช่วงฤดูร้อนนี้จะลดลงสู่ภาวะปกติเป็น 353 บาทต่อถัง (15 กก.)ในระยะต่อไป
#นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.มีมติบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นราคาของน้ำมันดีเซล ด้วยการตรึงราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเครื่องมือในการอุดหนุนเช่นกัน
# ถือว่าเป็นลบกับ PTT ที่ยังจะต้องรับผลขาดทุนจาก LPG ซึ่งได้รับผลทางลบมากกว่าการตรึงราคาน้ำมันดีเซล เพราะแม้ว่ากบง.จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯมาชดเชย แต่ก็เป็นแค่เพียงบางส่วน ขณะที่บริษัทได้รับภาระต้นทุนเพิ่ม แต่ยังคงราคาขายที่ไม่ได้ปรับสูงขึ้น ทั้งนี้เงินกองทุน LPG มีน้อยเป็น 500 ล้านบาท แต่กองทุนดีเซลมีมากถึง 30,000 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
OO9285