- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 May 2018 16:57
- Hits: 667
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ตามคาดหลังตัวเลข GDP 1Q18 ของไทยออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดมาก รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกหลังสหรัฐฯและจีนยืนยันไม่ทำสงครามการค้าต่อกัน อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นอีก 2.2 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 4.6 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways Up จากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นและหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาดีกว่าคาดและนำไปสู่การปรับประมาณการขึ้นน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนจากทิศทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและโตในอัตราเร่งตัว อย่างไรก็ตามเรายังมองกรอบการบวกจำกัดและต้องรอดูการตีความกฎหมายที่มา ส.ว. และอภิปรายกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะมีผลต่อช่วงเวลาในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และยัง Laggard
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$183ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$117ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$68ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$87ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสถานการณ์การเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MTC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 51 บาท
คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ลบ. +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้วใน เม.ย. 18
ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่างๆกระทบจำกัด ไม่ว่าจะเป็น IFRS 9 ที่มีสำรองส่วนเกินอยู่มาก รวมถึงร่างกม. ควบคุม Non-Bank ที่ไม่น่าจะเป็นลบกับการดำเนินธุรกิจ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) GDP 1Q18 ของไทยโตแรงสุดในรอบ 20 ไตรมาส +4.8% Y-Y ขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนซึ่ง +3.6% Y-Y ขยายตัวดีที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส การจับจ่ายเติบโตทั้งสินค้าคงทนซึ่งสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคล และสินค้ากึ่งคงทน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น +3.1% Y-Y เร่งตัวจากไตรมาสก่อนที่ +2.4% Y-Y นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าที่เร่งตัวขึ้น และสินค้าคงเหลือที่ลดลงเร็ว เรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยประเทศ กลุ่มที่มีสัญญาณฟื้นชัดเจนได้แก่กลุ่มยานยนต์ ค้าปลีกค้าส่ง โรงแรม และการแพทย์
(+) กลุ่มรับเหมา บอร์ด PPP เร่ง 3 โครงการภายใต้ Fast Track นำเสนอภายในปีนี้ รวมมูลค่าลงทุน 4.47 แสนลบ. เช่น ทางหลวงพิเศษ รถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อขยาย และรถไฟฟ้าสายสีส้ม เรามองบวกในแง่ของกระบวนการประมูลที่มีความชัดเจนขึ้น ชอบ CK ที่สุดในกลุ่ม (ราคาเป้าหมาย 40 บาท) จากการมีบริษัทลูกช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของงานก่อสร้าง
(+) TVO จากประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาถั่วเหลืองในปีหน้า จากภาวะถั่วเหลืองโลกน่าจะยังขาดดุลต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นอ่อนตัวลงในช่วง 2H18 ภายหลังผลผลิต Crop ใหม่ของสหรัฐฯจะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน ก.ย. แต่เชื่อว่าการปรับลงค่อนข้างจำกัด เพราะยังมีเรื่องของจีนที่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ทำให้หันไปนำเข้าจากบราซิลมากขึ้น ทั้งนี้เราคาดกำไรของ TVO จะกลับมาโตใน 2H18 จากการแข่งขันของกากถั่วเหลืองนำเข้าที่น้อยลง เรายังคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 67% Y-Y อยู่ที่ 2.2 พันลบ. และคาด Dividend Yield สูงถึง 7.3% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 38 บาท
(0) SAWAD การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ยังไม่ทำให้เราต้องรีบทบทวนประมาณการ เราคาดว่านักวิเคราะห์น่าจะปรับประมาณการสินเชื่อและ Loan Yield ลง เพื่อสะท้อน 1Q18 ที่ยังไม่ฟื้นตัวและแนวโน้มในช่วงที่เหลือน่าจะฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ส่วนประเด็น NPL ผบห. คาดว่าไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองฯเพิ่มเติม แต่ในความเห็นของเรา สินเชื่อก้อนนี้ เซอร์ไพรส์เราในแง่ของลักษณะธุรกิจที่ให้สินเชื่อ เราขอให้ติดตามการเคลื่อนไหวของอายุหนี้ใน 2Q18 ก่อนทบทวนประมาณการ โดยราคาดว่าเรื่อง Loan Yield และ NPL ยัง overhang ในราคาหุ้น และคงราคาเหมาะสมที่ 38 บาท คงแนะนำขายทำกำไร
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 พ.ค.- ไทย: ยอดส่งออก (เม.ย.)
- ตลาดหุ้นฮ่องกงและเกาหลีใต้ปิดทำการ
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่, FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (พ.ค.)
24 พ.ค.- ไทย: ยอดผลิตรถยนต์ (เม.ย.)
- เยอรมัน: 1Q18 GDP
24-27 พ.ค.- ไทย: Thailand Mobile Expo 2018
29 พ.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นจากความกังวลในเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ผ่อนคลายลง
(+) ภาพรวมตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามสหรัฐหลังจากความกังวลในเรื่องสงครามทางการค้าที่ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี
(0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสนผสาน โดยตลาดออสเตรเลียปรับตัวลดลงหลังจากรัฐบาลออกมาตราการเพื่อควบคุมราคาบ้านเพื่อสกัดปัญหาเรื่องฟองสบู่ ในขณะที่ตลาดฮ่องกงหยุดทำการในวันนี้
() ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากตัวเลข GDP ของไทยที่ออกมาสูงกว่าคาดมาก ล่าสุดอยู่ที่ 32.10-32.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.96 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.24 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังตลาดกังวลว่า Supply จากประเทศเวเนฯจะลดลงจากการคว่ำบาตรจากทางสหรัฐ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,290.90 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO9095