- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 May 2014 16:05
- Hits: 3537
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดว่า SET กำลังจะแกว่งลงอีกครั้ง ดังนั้นรอเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ...
กลยุทธ์ : เราคาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะกลับไปแกว่งตัวลงอีกครั้งได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพื่อเทรดดิ้ง หรือทยอยซื้อเพื่อถือลงทุน เราจึงแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับตัวลงก่อนดีกว่า ซึ่งคาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะไหลย้อนลงไปแถวจุดต่ำที่ 1370 จุดหรือหลุดต่ำกว่าได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AH, AMATA, SF(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET เริ่มแกว่งผันผวนในด้านลบ หลังจากวันก่อนหน้าดัชนีดีดกลับขึ้นมาแรงพอควร โดยคาดว่าแรงขายส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ หลังมีแนวโน้มที่การเลือกตั้งครั้งใหม่จะต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมที่จะเป็นวันที่ 20 ก.ค. เนื่องจาก กกต.ยังไม่สามารถประชุมร่วมกับ ครม.เพื่อกำหนดวันยื่น พรฎ.การเลือกตั้ง ขณะที่เช้านี้ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนในสหรัฐออกมาอ่อนแอ และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐก็ออกมาหดตัวลงในเดือน เม.ย. รวมทั้งรายงานเศรษฐกิจยูโรโซนไตรมาสแรกของปีนี้ก็ขยายตัวน้อยกว่าคาดด้วย นอกจากนี้หลังตลาดปิดทำการวานนี้ยังมีข่าวว่าที่ประชุมร่วมซึ่งจัดโดยว่าที่ประธาน สว. มีแนวโน้มที่จะให้มีการยื่นเสนอชื่อนายกฯ เฉพาะกิจขึ้นมาแทนที่ ครม.รักษาการชุดปัจจุบัน ทำให้อาจสร้างความวิตกต่อเหตุการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จากการชุมนุมของกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ ดังนั้นคาดว่า SET จะยังมีกรอบขึ้นจำกัดและมีแนวโน้มไหลลงอีก FSS จึงยังแนะนำให้รอจังหวะเลือกหุ้นซื้อครั้งใหม่ เมื่อ SET ปรับลงอีกครั้งก่อนดีกว่า รวมทั้งรอดูความชัดเจนทางด้านการเมืองด้วย
แนวรับ 1392-1387 , 1384-1380 จุด แนวต้าน 1397-1399 , 1401-1404 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ในปริมาณค่อนข้างหนาแน่น โดยไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$343 ล้าน ไต้หวัน US$63.8 ล้าน ไทย US$18.6 ล้าน เวียดนาม US$15.3 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$7.0 ล้าน ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กำไรสุทธิของบจ.ลดลงถึง 15% Y-Y ใน 1Q14 คิดเป็น 25% ของกำไรสุทธิทั้งปีนี้ที่เราคาดเติบโตเพียง 8% Y-Y กลุ่มที่กำไรลดลงอย่างน่าผิดหวังมากที่สุดได้แก่กลุ่มกลุ่มขนส่งโดยเฉพาะสายการบิน (-87% Y-Y) รับเหมา (-84% Y-Y) กลุ่มไฟแนซ์ (-50% Y-Y) กลุ่มปิโตรเคมี (-47% Y-Y) กลุ่มยานยนต์ (-39% Y-Y) กลุ่มมีเดีย (-30% Y-Y) ส่วนกลุ่มเหล็กยังขาดทุนต่อเนื่องซึ่งหลักๆมาจากผลขาดทุนของ SSI ส่วนกลุ่มที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดีได้แก่กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (99% Y-Y) เกษตรและอาหาร (+49% Y-Y) กลุ่มที่อยู่อาศัย (+45% Y-Y) และกลุ่มไอซีทีโดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กในกลุ่ม (+26% Y-Y)
(+) EA กำไรโดดเด่นกว่าคาด กำไรสุทธิ 1Q14 เพิ่ม 378% Q-Q และ 447% Y-Y หลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า 90MW เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 19% เป็น 1,531 ล้านบาท เติบโต 471% Y-Y กำไรใน 1Q14 คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปี และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 12.50 บาทจาก 11.70 บาท แต่ลดคำแนะนำเป็นถือ เพราะราคาหุ้นสะท้อนข่าวบวกไปมากแล้ว
(+) TVO กำไรดีตามคาด New high ในรอบ 6 ไตรมาส โดยกำไรสุทธิ 1Q14 เพิ่ม 16% Q-Q และ 686% Y-Y ได้อานิสงส์จากการมีวัตถุดิบราคาต่ำใช้ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ไตรมาสที่ 13.1% กำไรดังกล่าวคิดเป็น 31% ของประมาณการทั้งปีที่คาดโต 75% Y-Y โดยคาดว่า 1Q14 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ แต่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 10.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 13 เท่า และให้เงินปันผลตอบแทนที่ดี 7% สูงกว่ากลุ่ม จึงยังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 27 บาท
(+) CK กำไรดีตามคาด โดยกำไรปกติ 1Q14 เพิ่ม 59% Q-Q และ 27% Y-Y คิดเป็น 42% ของประมาณการทั้งปีซึ่งเราคงไว้ก่อน หากได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทจะทบทวนประมาณการอีกครั้ง ยังคงแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมาย 20 บาท
(0) AP กำไรต่ำกว่าคาด โดยกำไรปกติ 1Q14 ลดลง 72% Q-Q แต่เพิ่ม 17% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด และคิดเป็น 13% ของประมาณการทั้งปีที่คาดทรงตัวจากปีก่อน แนวโน้มการโอนในช่วง 9 เดือนหลังของปีจะดีขึ้น จึงคงประมาณการไว้ และคงคำแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท
(0) ITD กำไรต่ำกว่าคาดมาก หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติ 1Q14 ทำได้เพียง 99 ล้านบาท ลด 79% Q-Q และ 49% Y-Y โดยมีรายได้ก่อสร้างเพียง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้กำไรดังกล่าวจะคิดเป็นเพียง 15% ของกำไรปกติทั้งปีที่เราคาดลดลง 20% Y-Y เรายังคงประมาณการไว้ก่อน และคงเป้าหมาย 3.90 บาท แนะนำถือ
(-) GLOBAL ปีนี้ถือเป็นปีที่ยากลำบาก ในการบรรลุเป้าหมายตามแผนทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส รายได้เกษตรกรที่หดตัวลง และสาขาสุรินทร์ได้รับความเสียหายจากพายุถล่ม ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาสาเหตุ เราปรับลดสมมติฐานสาขาใหม่เหลือ 8 แห่งจากเดิม 10 แห่ง และปรับลดกำไรสุทธิปีนี้ลง 11% เหลือเติบโต 15% Y-Y ลดราคาเป้าหมายเหลือ 12.30 บาทจากเดิม 14.20 บาท (DCF) แม้การเติบโตในระยะยาวยังดี แต่ PE ปัจจุบันแพงถึง 37.4 เท่า ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ แนะนำ CPALL และ HMPRO แทน
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดร่วงค่อนข้างแรง 167.16 จุด หลังผลประกอบการของบริษัทเอกชนซึ่งรวมถึงวอลมาร์ทที่ออกมาอ่อนแอ
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเช่นกันหลังมีรายงานว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกของยูโรโซนเติบโตได้น้อยกว่าที่คาดการณ์
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบมากขึ้น ขณะที่อินเดียยังถูกจับตาเรื่องผลการเลือกตั้ง
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.51 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวลง 0.87 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 101.50 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนกังวลต่ออุปสงค์ของน้ำมันที่อาจชะลอตัวหลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงลง 12.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,293.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนออกมาดีเกินคาด
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852