- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 September 2014 15:26
- Hits: 1889
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังมีลุ้นขยับเข้าใกล้ 1600 จุดหรือสูงกว่าได้ แต่ต้องเริ่มเน้นขาย...
กลยุทธ์ : SET ยังกลับมาบวกขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องได้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าช่วงท้ายยังมีแรงขายกดดันให้มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและย้อนลงบ้างก็ตาม ทำให้ที่เราคาดว่าดัชนีจะขยับเข้าใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายที่ 1600 จุด(+/-) ยังเป็นไปได้อยู่ อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าหลังจาก SET เข้าใกล้ 1600 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไปแล้ว มีแนวโน้มที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้ตลาดพักตัวลงแรง เนื่องจากที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้นเรายังแนะนำให้ทยอยขายช่วงบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RML, ROJNA, AMATA(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังมีแรงขายกดดันให้ปรับย้อนลง หลังจากช่วงแรกดัชนีสามารถขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่เช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดปรับตัวลง เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหลังดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และความกังวลเกี่ยวกับท่าทีของสก็อตแลนด์ที่เตรียมลงมติเพื่อแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร รวมทั้งแรงกดดันจากตัวเลขยอดนำเข้าของจีนที่หดตัวลงในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ยังมีจังหวะเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าจะบวกไม่มาก แต่ก็น่าจะยังทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่เลวร้ายนัก ประกอบกับเราคาดว่าจะยังมีแรงซื้อหนุนจากการเก็งกำไรเกี่ยวกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ของไทยในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังพักตัวไม่ลึกนัก และยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวบวกขึ้นต่อเนื่อง เพื่อลุ้นขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายของรอบนี้ที่ 1600 จุด(+/-) ได้ตามที่เคยคาดไว้
แนวรับ 1583-1580 , 1576-1574 จุด แนวต้าน 1587-1592 , 1595-1600 จุด
Fund Flow วานนี้ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องอีกราว US$121ล้าน แม้ตลาดไต้หวันและเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลขอบคุณพระจันทร์ มีเพียงตลาดหุ้น TIP ที่เปิดทำการและมีแรงเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติทุกตลาด คืออินโดนีเซีย US$47.7ล้าน ไทย US$45.1ล้าน และฟิลิปปินส์ US$26.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง แนวโน้ม Flow น่าจะยังไหลเข้าแต่เบาบางเนื่องจากหลายตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ครม.ประชุมนัดแรกวันนี้ เริ่ม 9.30 น.เพื่อกำหนดวันแถลงนโยบายต่อสนช.อีกครั้ง และสัปดาห์หน้า 17-18 ก.ย. คาดว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 จะถูกนำเสนอต่อสนช.เพื่อพิจารณาในวาระ 2-3 พัฒนาการทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป็นบวกกับกลุ่ม Domestic plays แทบทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและธนาคารขนาดใหญ่ที่น่าจะกลับมาอยู่ในความนิยมอีกครั้ง หุ้นที่ยังเหลือ upside กว่า 5% ได้แก่ KTB, SCC, CK, PYLON, SEAFCO, DCON แต่หุ้นที่ราคาเกินมูลค่าพื้นฐานแล้วเช่น ITD, TMB
(+) ยอด Presales ของกลุ่มที่อยู่อาศัย 2 เดือนแรกของ 3Q14 ทำได้ 3 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการที่มี Presales ดีและน่าจะทำได้สูงกว่า 2Q14 ได้แก่ LH, QH, PS, SPALI สำหรับยอด presales งวด 8 เดือนแรก ลดลง 27% Y-Y เป็น 1.04 แสนล้านบาท คิดเป็น 53% ของเป้าทั้งปีที่ 1.96 แสนล้านบาท โดย LH ทำได้ถึง 70% ของเป้าทั้งปี สูงสุดในกลุ่ม รองลงมาคือ PS (63%) ขณะที่ SIRI พลาดเป้ามากที่สุด ทำได้เพียง 20% ของเป้าปีนี้ แนวโน้ม presales ในช่วงที่เหลือของปีน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้โอนในอนาคต เรายังชอบหุ้นกลุ่มนี้ Top picks คือ QH (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 4.90 บาท) PS (เป้าหมายปี 2015 ที่ 42 บาท) และ LPN (เป้าหมายปี 2015 ที่ 25 บาท)
(-) BEC กสท.ลงมติ 3 ต่อ 2 ห้ามช่องดาวเทียม-เคเบิ้ลออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก ให้เวลา 15 วันแจ้งผู้ชม ผู้ชมจะรับชมรายการช่อง 3 อนาล็อกผ่านเสาก้างปลาและหนวดกุ้งเท่านั้น ซึ่งช่อง 3 อนาล็อกยังมีสัญญาสัมปทานกับ MCOT ถึงปี 2563 ขณะที่ BEC ได้ยื่นฟ้องกรรมการทั้ง 3 ของกสท. ถึงแม้ว่าในที่สุด BEC จะเอารายการของช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศคู่ขนานในช่องดิจิตอลที่ประมูลมา ก็จะมีต้นทุนเพิ่ม (ค่า License fee) และค่าโฆษณาก็ต่ำกว่าช่องอนาล็อกมาก แนะนำขาย ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 43.50 บาท
(-) JAS วันนี้ 13.30 น. ศาลฯจะมีคำสั่งว่าจะคุ้มครองหรือไม่ตามคำขอของ TT&T หากศาลฯสั่งคุ้มครอง JAS อาจไม่สามารถหารายได้จากโครงข่าย Broadband ของ TTTBB จนกว่าคดีจะถึงที่สุดซึ่งคาดกินเวลาหลายปี ซึ่งจะกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของ JAS เพราะรายได้ 80-85% มาจาก TTTBB กรณีนี้มูลค่าหุ้นจะเหลือเพียง 2-3 บาท และยังกระทบการออก Infrastructure Fund ของบริษัทด้วย แม้ศาลไม่สั่งคุ้มครองในวันนี้ การพิจารณาคดีก็ยังต้องดำเนินต่อไป ความไม่แน่นอนยังมีอีกมาก ไม่คุ้มเสี่ยง แนะนำขาย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยนักลงทุนขายทำกำไรออกมาหลังดัชนีพุ่งขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าและถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานที่น่าผิดหวัง
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันโดยได้รับแรงกกดันจากข่าวทีว่าสก็อตแลนด์เตรียมลงมติแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบจากบรรยากาศการลงทุนที่ไร้ปัจจัยบวกใหม่ มูลค่าการซื้อขายคาดว่ายังเบาบางเนื่องจากเป็นเทศกาลวันหยุดของเกาหลีและฮ่องกง
ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.00-32.15 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลงต่ออีก 0.63 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 92.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐฯแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงแรง 13.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,254.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของประเทศต่างๆ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), CCN เริ่มเทรด (ราคาIPO 1.25 บาท)
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
12 ก.ย. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
13 ก.ย. - จีน: Industrial Production, ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
15 ก.ย. - สหรัฐ: Industrial Production (ส.ค.)
17-18 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
17 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
18 ก.ย. - ไทย: RWI เริ่มเทรด (ราคา IPO 1.60 บาท)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852