- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 May 2018 17:48
- Hits: 1342
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 09/05/2018
Market Summary 09/05/2018
Close 1,756.90 Volume Bt59,515M
Change -3.35 P/E 18.08
%Change -0.19% P/BV 2.04
Change -3.35 P/E 18.08
%Change -0.19% P/BV 2.04
หุ้นแนะนำพิเศษ
IRPC Analyst meeting มุมมอง neutral
บริษัทคาดราคาน้ำมันดิบเครื่องไหวในกรอบ 65-70$/bbl เนื่องจากได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกที่ยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง และโรงกลั่นในต่างประเทศกลับมากลั่นตามปกจากที่ไตรมาสก่อนหยุดซ่อมบำรุง อีกทั้งการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้อุปทานในตลาดโลกลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล
คาดค่าการกลั่นไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวลงตามน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลงจากจีนมีการส่งออกในระดับสูง ขณะที่น้ำมันเบนซินอาจปรับตัวขึ้นจากเข้าสู่ช่วง driving season ในสหรัฐ
ผุ้บริหารวางเป้า EBITDA 2.9 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากโครงการeverest gasoline max และ catalyst cooler นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนโครงการ Maximun Aromatic(MARS) ใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านเหรียญ คาดหวัง IRR 13-15% โดยโครงการดังกล่าวจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจาก 15% สู่ 25% คาดว่าจะแล้วเสร็จ 4Q65
Market View : ไปไหนไม่ไกล
หุ้นแนะนำพิเศษ : IRPC
หุ้นมีข่าว : COMAN TU MOONG SUN
Technical Insight : VTE EGCO
ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ แกว่งตัวทั้งแดนลบและแดนบวก หลังสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านหนุนราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ ทำให้กลุ่ม ENERG เป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันตลาดวานนี้ แต่ยังถูกหักล้างด้วย ICT และ BANK ท่ามกลาง Fund flow ที่ยังคงไหลออกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,756.90 จุด (-3.35 จุด) Volume 5.95 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -1,839.07 ลบ. TFEX Net -8,420 สัญญา ตราสารหนี้ -44.73ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% อันเนื่องจากสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
+น้ำมันพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง กังวลสหรัฐฯกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน หลังถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์
+ซาอุฯย้ำคำมั่นรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ร่วมมือชาติพันธมิตรต่อกรภัยคุกคามจากอิหร่าน
+ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐขยับขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน
+สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 9.41 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทอยู่ที่ 32.15 บาท/USD
**จับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ภาวะตลาดหุ้นไทยแม้ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นและราคาน้ำมันพุ่งแรง แต่ยังมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวน และค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วมาก นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่อง คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,752-1,768 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 71.14 $/bbl
- PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,465 จุด +11% ใน 7 วันที่ผ่านมา
- หุ้น MAI ที่คาดว่าผลประกอบการเติบโต SPA XO MGT
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 101$/Ton +9% ในช่วง 11 วันที่ผ่านมา
- คาด KTC BEAUTY GULF เข้าคำนวณดัชนี MSCI และลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)
- กลุ่มสินค้าส่งออก KCE DELA HANA GFPT TU XO TFG BR ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน 32.15 บาท/USD
หุ้นมีข่าว
ประเด็นลบกลุ่มแบงก์ : “อภิศักดิ์” สั่งแบงก์ชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. หารือคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เลื่อนบังคับใช้ IFRS9 หรือผ่อนปรนเกณฑ์ ตามข้อเสนอของกกร. หวั่นกระทบธุรกิจเอสเอ็มอีหนัก แบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้หรือขึ้นดอกเบี้ย เหตุตั้งสำรองสูง ด้าน ธปท.เตรียมขวาง ลั่นแบงก์มีความพร้อม เสนอแก้ไขเฉพาะส่วนที่มีผลกระทบ
ความเห็น กรณีธปท.เตรียมทักท้วงการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลื่อนหรือไม่ อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยยังต้องติดตามผลการหารืออย่างใกล้ชิด ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์เป็น “Neutral” เน้นหุ้นปันผลสูงได้แก่ TISCO KKP
COMAN (Neutral) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 3.4 ล้านบาท -39%YoY แม้ว่ารายได้จะเติบโต 58% สู่ 31.5 ล้านบาท แต่ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวขึ้นตามการขยายงาน อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเข้าซื้อหุ้น 87.5% ของบริษัทวินสตาร์เทค(ผู้พัฒนาโปรแกรมบริหารสนามกอล์ฟ) ด้วยเงินลงทุน 28 ล้านบนาท ขณะเดียวกันได้ขายหุ้นบริษัท MSL คืนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดมูลค่า 115 ล้านบาทเพื่ออกจากธุรกิจพัฒนาโปรแกรมเป็นโปรเจคที่บริษัทไม่มีความชำนาญ
TU (ราคาปิด 18.70 บาท Bloomberg Consensus 20.84 บาท)
เป็นอีก 1 ในผู้ประกอบการกลุ่มส่งออก (รายได้กว่า 90%) ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่ทยอยอ่อนค่า โดย QTD อ่อนไปกว่า 3.15% แล้วมาอยู่ที่ 32.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ภาวะราคาทูน่าที่อ่อนตัวลงกว่า 22.5% QoQ ในงวด 1Q61 ยังไม่สะท้อนลงไปในอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากบริษัทยังมีสต๊อกคงค้างจากงวดก่อหน้าอยู่บางส่วน จึงน่าจะมาสะท้อนในงวด 2Q61 นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์แบรนด์ในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2/2561 (จากคำอธิบายผู้บริหาร) เป็นผลให้แนวโน้มผลประกอบการ 2Q61 น่าจะสดใส
โดยรวม แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไร” หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 8.3% ในรอบ 2 เดือน (หลังรายงาน 4Q60) สะท้อนผลประกอบการในงวด 1Q61 ที่ตกต่ำมากไปแล้ว Bloomberg Consensus ยังคาดการณ์ Upside 11.4%
MOONG (ราคาปิด 5.10 อยู่ระหว่างการปรับประมาณการและราคาเหมาะสม) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 32.2 ลบ. +23%QoQ และ +70%YoY เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 205 ลบ. +11.4%YoY เพิ่มขึ้นจากช่องทางเวปไซต์ และการส่งออกไปประเทศลาว และสามารถควบคุม COGS ที่เพิ่มขึ้นเพียง 90.8 ลบ. +6.5%YoY และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ 23.7 ลบ. +57.2%YoY
ความเห็น : การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทร่วมสร้างยอดขายได้มากขึ้น และบริษัทแม่สามารถทำกำไรจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ต่อเนื่องขึ้น
AGE (ราคาปิด 1.50 บาท ซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 1.73 บาท)
รายงานกำไรงวด 1Q61 ออกมาอยู่ที่ 32.7 ล้านบาท เติบโต 195%YoY โดยมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 13.6 ล้านบาท และมีค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้องราว 30.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้รายได้ยังเติบโต 26.61%YoY มาอยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท ตามปริมาณจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 43%YoY อย่างไรก็ตามด้วยการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายไปต่างประเทศแบบเป็นล๊อตที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากที่ 10.9% มาอยู่ที่ 12.2%
กำไรงวด 1Q61 ดังกล่าวแม้คิดเป็นเพียง 17% ของประมาณการ แต่หากอิงเฉพาะกำไรปกติ คิดเป็นสัดส่วนถึง 26% พร้อมคาดว่าเป็นจุดที่ต่ำสุดของปีแล้ว แม้ยังคงต้องติดตามยอดขายที่ประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีเป้าหมายสร้างจุดคุ้มทุน ณ สิ้นปี แต่เชื่อว่าด้วยภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังคงไม่หยุดชะงัก น่าจะส่งผลให้แผนการนำเข้าถ่านหินของประเทศดำเนินต่อไปได้ โดยรวมคงประมาณการตามเดิม เติบโต 53%YoY ยังคงแนะนำ “ซื้อสะสม”
- SUN (ราคาปิด 4.50 อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสมในเชิงลบ) รายงานกำไร 1Q61 เท่ากับ 5.3 ล้านบาท ลดลง 76%YoY แม้รายได้จากการขายเติบโต 13% แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 11.4% จาก 19.5% ใน 1Q60 และอัตราส่วนคชจ.ขายและบริหารเพิ่มขึ้นสู่ 13.2% จาก 12% ใน 1Q60 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 1.2% จาก 5.8% ใน 1Q60
ความเห็น กำไร 1Q61 คิดเป็น 3% ของประมาณการกำไรทั้งปี 61 ที่ราว 164 ล้านบาท ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการและราคาเหมาะสม
IRPC Analyst meeting มุมมอง neutral
บริษัทคาดราคาน้ำมันดิบเครื่องไหวในกรอบ 65-70$/bbl เนื่องจากได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกที่ยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง และโรงกลั่นในต่างประเทศกลับมากลั่นตามปกจากที่ไตรมาสก่อนหยุดซ่อมบำรุง อีกทั้งการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้อุปทานในตลาดโลกลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล
คาดค่าการกลั่นไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวลงตามน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลงจากจีนมีการส่งออกในระดับสูง ขณะที่น้ำมันเบนซินอาจปรับตัวขึ้นจากเข้าสู่ช่วง driving season ในสหรัฐ
ผุ้บริหารวางเป้า EBITDA 2.9 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากโครงการeverest gasoline max และ catalyst cooler นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนโครงการ Maximun Aromatic(MARS) ใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านเหรียญ คาดหวัง IRR 13-15% โดยโครงการดังกล่าวจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจาก 15% สู่ 25% คาดว่าจะแล้วเสร็จ 4Q65
Market View : ไปไหนไม่ไกล
หุ้นแนะนำพิเศษ : IRPC
หุ้นมีข่าว : COMAN TU MOONG SUN
Technical Insight : VTE EGCO
ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ แกว่งตัวทั้งแดนลบและแดนบวก หลังสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านหนุนราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ ทำให้กลุ่ม ENERG เป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันตลาดวานนี้ แต่ยังถูกหักล้างด้วย ICT และ BANK ท่ามกลาง Fund flow ที่ยังคงไหลออกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,756.90 จุด (-3.35 จุด) Volume 5.95 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -1,839.07 ลบ. TFEX Net -8,420 สัญญา ตราสารหนี้ -44.73ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% อันเนื่องจากสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
+น้ำมันพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง กังวลสหรัฐฯกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน หลังถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์
+ซาอุฯย้ำคำมั่นรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ร่วมมือชาติพันธมิตรต่อกรภัยคุกคามจากอิหร่าน
+ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐขยับขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน
+สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 9.41 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทอยู่ที่ 32.15 บาท/USD
**จับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ภาวะตลาดหุ้นไทยแม้ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นและราคาน้ำมันพุ่งแรง แต่ยังมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวน และค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วมาก นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่อง คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,752-1,768 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 71.14 $/bbl
- PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,465 จุด +11% ใน 7 วันที่ผ่านมา
- หุ้น MAI ที่คาดว่าผลประกอบการเติบโต SPA XO MGT
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 101$/Ton +9% ในช่วง 11 วันที่ผ่านมา
- คาด KTC BEAUTY GULF เข้าคำนวณดัชนี MSCI และลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)
- กลุ่มสินค้าส่งออก KCE DELA HANA GFPT TU XO TFG BR ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน 32.15 บาท/USD
หุ้นมีข่าว
ประเด็นลบกลุ่มแบงก์ : “อภิศักดิ์” สั่งแบงก์ชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. หารือคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เลื่อนบังคับใช้ IFRS9 หรือผ่อนปรนเกณฑ์ ตามข้อเสนอของกกร. หวั่นกระทบธุรกิจเอสเอ็มอีหนัก แบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้หรือขึ้นดอกเบี้ย เหตุตั้งสำรองสูง ด้าน ธปท.เตรียมขวาง ลั่นแบงก์มีความพร้อม เสนอแก้ไขเฉพาะส่วนที่มีผลกระทบ
ความเห็น กรณีธปท.เตรียมทักท้วงการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลื่อนหรือไม่ อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยยังต้องติดตามผลการหารืออย่างใกล้ชิด ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์เป็น “Neutral” เน้นหุ้นปันผลสูงได้แก่ TISCO KKP
COMAN (Neutral) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 3.4 ล้านบาท -39%YoY แม้ว่ารายได้จะเติบโต 58% สู่ 31.5 ล้านบาท แต่ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวขึ้นตามการขยายงาน อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเข้าซื้อหุ้น 87.5% ของบริษัทวินสตาร์เทค(ผู้พัฒนาโปรแกรมบริหารสนามกอล์ฟ) ด้วยเงินลงทุน 28 ล้านบนาท ขณะเดียวกันได้ขายหุ้นบริษัท MSL คืนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดมูลค่า 115 ล้านบาทเพื่ออกจากธุรกิจพัฒนาโปรแกรมเป็นโปรเจคที่บริษัทไม่มีความชำนาญ
TU (ราคาปิด 18.70 บาท Bloomberg Consensus 20.84 บาท)
เป็นอีก 1 ในผู้ประกอบการกลุ่มส่งออก (รายได้กว่า 90%) ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่ทยอยอ่อนค่า โดย QTD อ่อนไปกว่า 3.15% แล้วมาอยู่ที่ 32.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ภาวะราคาทูน่าที่อ่อนตัวลงกว่า 22.5% QoQ ในงวด 1Q61 ยังไม่สะท้อนลงไปในอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากบริษัทยังมีสต๊อกคงค้างจากงวดก่อหน้าอยู่บางส่วน จึงน่าจะมาสะท้อนในงวด 2Q61 นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์แบรนด์ในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2/2561 (จากคำอธิบายผู้บริหาร) เป็นผลให้แนวโน้มผลประกอบการ 2Q61 น่าจะสดใส
โดยรวม แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไร” หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 8.3% ในรอบ 2 เดือน (หลังรายงาน 4Q60) สะท้อนผลประกอบการในงวด 1Q61 ที่ตกต่ำมากไปแล้ว Bloomberg Consensus ยังคาดการณ์ Upside 11.4%
MOONG (ราคาปิด 5.10 อยู่ระหว่างการปรับประมาณการและราคาเหมาะสม) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 32.2 ลบ. +23%QoQ และ +70%YoY เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 205 ลบ. +11.4%YoY เพิ่มขึ้นจากช่องทางเวปไซต์ และการส่งออกไปประเทศลาว และสามารถควบคุม COGS ที่เพิ่มขึ้นเพียง 90.8 ลบ. +6.5%YoY และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ 23.7 ลบ. +57.2%YoY
ความเห็น : การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทร่วมสร้างยอดขายได้มากขึ้น และบริษัทแม่สามารถทำกำไรจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ต่อเนื่องขึ้น
AGE (ราคาปิด 1.50 บาท ซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 1.73 บาท)
รายงานกำไรงวด 1Q61 ออกมาอยู่ที่ 32.7 ล้านบาท เติบโต 195%YoY โดยมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 13.6 ล้านบาท และมีค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้องราว 30.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้รายได้ยังเติบโต 26.61%YoY มาอยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท ตามปริมาณจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 43%YoY อย่างไรก็ตามด้วยการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายไปต่างประเทศแบบเป็นล๊อตที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากที่ 10.9% มาอยู่ที่ 12.2%
กำไรงวด 1Q61 ดังกล่าวแม้คิดเป็นเพียง 17% ของประมาณการ แต่หากอิงเฉพาะกำไรปกติ คิดเป็นสัดส่วนถึง 26% พร้อมคาดว่าเป็นจุดที่ต่ำสุดของปีแล้ว แม้ยังคงต้องติดตามยอดขายที่ประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีเป้าหมายสร้างจุดคุ้มทุน ณ สิ้นปี แต่เชื่อว่าด้วยภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังคงไม่หยุดชะงัก น่าจะส่งผลให้แผนการนำเข้าถ่านหินของประเทศดำเนินต่อไปได้ โดยรวมคงประมาณการตามเดิม เติบโต 53%YoY ยังคงแนะนำ “ซื้อสะสม”
- SUN (ราคาปิด 4.50 อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสมในเชิงลบ) รายงานกำไร 1Q61 เท่ากับ 5.3 ล้านบาท ลดลง 76%YoY แม้รายได้จากการขายเติบโต 13% แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 11.4% จาก 19.5% ใน 1Q60 และอัตราส่วนคชจ.ขายและบริหารเพิ่มขึ้นสู่ 13.2% จาก 12% ใน 1Q60 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 1.2% จาก 5.8% ใน 1Q60
ความเห็น กำไร 1Q61 คิดเป็น 3% ของประมาณการกำไรทั้งปี 61 ที่ราว 164 ล้านบาท ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการและราคาเหมาะสม
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO8639
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO8639