WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASPบล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

กลยุทธ์การลงทุน
  ประเด็นหนุนตลาดหุ้นวันนี้คือ น้ำมันยืนเหนือ 70 เหรียญฯ กังวล supply น้ำมันในอิหร่านจะหายไปหลังสหรัฐฯคว่ำบาตร และเงินบาทอ่อนค่าเร็ว อาจเห็นแตะ 32.25 บาท/ดอลลาร์สัปดาห์นี้ หนุนหุ้นส่งออก (CPF, TU, HANA, GFPT) แต่ยังมีแรงขายรับงบ 1Q61 ในหุ้น Real sector ทำให้ดัชนีผันผวนในกรอบ 1750-1775 จุด กลยุทธ์เลือกหุ้น 1) ประโยชน์จาก EEC (WHA, EASTW)   2) ผันผวนน้อย P/E ต่ำ และปันผลสูง (QH, LH, BBL) และ 3) ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า Top picks WHA([email protected]) และ BANPU([email protected]) เป็นหุ้น Laggard      
ย้อนรอยหุ้นไทยวานนี้ …..หุ้นแบงก์ใหญ่ ฉุด SET Index ร่วงต่อ
  วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงตลอดวันและปิดที่ 1756.90 ลดลง 3.35 จุด หรือ -0.19% พร้อมมูลค่าการซื้อขาย 5.95 หมื่นล้านบาท หุ้นขนาดใหญ่ของกลุ่ม ธ.พ. ร่วงหนักนำโดย BBL KBANK SCB KTB ตามด้วยหุ้นกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC ปิด 195.50 บาท ร่วง 4.17% (ราคาหุ้นทำ low ในรอบ 9 สัปดาห์) ตามด้วย TRUE (-2%) อีกกลุ่มที่ลดลงคือ ค้าปลีก (CPALL HMPRO BEAUTY) ส่วนหุ้นที่ถูกแรงขาย sell on fact หลังงบออก คือ THRE (-6.12%), SGP (-9.72%) III (-17.86%)  ตรงข้ามหุ้นที่มีแรงซื้อกลับกระจุกตัวในหุ้นน้ำมัน  PTT และ PTTEP หลังราคาน้ำมันดูไบยืนเหนือ 70 เหรียญฯ 
  คาดว่าวันนี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1750-1775 จุด  โดยหุ้นน้ำมันยังหนุนตลาด จากความกังวล supply น้ำมันจะหายไปจากที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน และเงินบาทอ่อนค่ายังหนุนหุ้นส่งออก
ราคาน้ำมันพุ่งเหนือ 70 เหรียญฯ สต็อกลด-กังวลอิหร่าน 
  ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นยืนเหนือ 70 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลได้ต่อเนื่อง น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ช่วยหนุนตลาด นอกจากกังวลต่อ supply น้ำมันจะหายไปจากที่สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่านแล้ว  (จะมีผลในอีก  180 วัน หรือภายใน 4 พ.ย. 2561) แล้ว  การรายงานสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดของสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลมากกว่าตลาดคาด (ลดลง 7 แสนบาร์เรล) พลิกจากที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า 
  หากพิจารณาการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านในช่วง 2555-2558 นานราว 3 ปี พบว่ากดดันให้ อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบในตลาดโลกน้อยลง   ราว 8 แสนบาร์เรล/วัน จากปกติผลิตเฉลี่ยที่  3.8 ล้านบาร์เรล/วัน ดังปรากฎในรูปด้านล่าง   ซึ่งในช่วงนั้นพบว่าราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในช่วงที่ peak พอดี คือ ยืนเหนือ 100 เหรียญฯ เพราะ dollar index อ่อนค่าราว 12% (88 จุดกลางปี 2553 ลงมาต่ำสุดที่ 74 จุดใน กลางปี 2554)   
   ครั้งนี้แตกต่างจากอดีต เพราะนับจากปี 2556 สหรัฐเริ่มผลิตน้ำมันดิบทดแทนการนำเข้า และล่าสุดผลิตวันละ 10.62 ล้านบาร์เรล (อันดับ 2 ของโลกรองจากรัสเซีย) และตั้งเป้า 11 ล้านบาร์เรลฯ ในปลายปีนี้  จึงคาดว่าไม่กระทบต่อ supply น้ำมันโลกมากนัก ทำให้ Oversupply ยังมีอยู่   ถัดมาคือ  เงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าตามทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ปีข้างหน้า  รวมถึงปัญหาการกีดกันทางการค้าจีน-สหรัฐ ยังมีอยู่ ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันดิบยังบวกลบจากสมมติฐานไม่เกิน 5 เหรียญ  
  ล่าสุดพบว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจากต้นปีจนถึงปัจจุบันเฉลี่ย 65 เหรียญฯ และหากยังใกล้ในระดับปัจจุบันไปถึงสิ้นปีนี้ จะทำให้ราคามันดิบเฉลี่ยขึ้นไปที่ 70 เหรียญฯ ซึ่งจะเกินจากสมมติฐานราว 5 เหรียญฯ อาจจะต้องทบทวนประมาณการ และมูลค่าหุ้น PTTEP(FV@B137) และ PTT(FV@B54) เพราะราคาน้ำมันดิบที่เกินสมมติฐานทุก 5 เหรียญฯ จะเพิ่มมูลค่าหุ้นราว 8-9 บาทต่อหุ้น  และ 3-4 บาทตามลำดับ   จึงอาจจะเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น  แต่ยังชอบ  BANPU([email protected])  ซึ่งราคายัง laggards มากเพื่อลงทุน
บีโอไออนุมัติลงทุนใน EEC เพิ่ม หนุน WHA, AMATA 
  วานนี้ ที่ประชุมบอร์ด BOI มีมติส่งเสริมโครงการลงทุน 6 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 3.77 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการผลิตยาแผนปัจจุบัน ที่ จ.ระยอง, โครงการผลิตสารสกัดจากหญ้าหวาน, โครงการผลิตเม็ดพลาสติก, โครงการขนส่งทางท่อ และโครงการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย ให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้าประเภทเม็ดพลาสติก เหล็กแผ่นม้วน ที่ จ.ระยอง
และ ยังได้อนุมัติให้เปิดส่งเสริมกิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบอัจฉริยะ (Smart Digital Hub) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการ EEC และ นาย แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัท Alibaba ได้มาลงนามร่วมมือกับรัฐบาลไทยไปเมื่อวันที่ 19 เม.ย. เพื่อลงทุน สร้างศูนย์ Smart Digital Hub วงเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะเปิดใช้ในปี 2562
  นับว่าเป็นความคืบหน้าการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะ Alibaba จะใช้พื้นที่ EEC เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน เพิ่มเติมจากที่ไทยได้ Airbus เข้ามาร่วมทุนศูนย์ซ่อมอากาศยานกับ TG MRO Campus เชื่อว่าดีต่อนิคมอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะ  WHA ([email protected]) พร้อมรับอานิสงส์มากสุด เพราะที่ดินใน EEC มากกว่า 9 พันไร่ และมี ธุรกิจโลจิสติกส์คลังสินค้า Bulit-to-Suit Warehouse ที่คาดว่าจะได้รับความสนใจในตลาดใหม่เพิ่มเติม รองลงมาคือ AMATA ([email protected]) เป็นผู้นำนิคมฯที่ที่ดินใน EEC มากสุดที่ 1.3 หมื่นไร่ และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีที่มีราคาที่ดินสูง 
เงินบาทอ่อนค่าเร็วและแรง เน้นหุ้น Laggards CPF, GFPT, TU 
  ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน เม.ย. จะเพิ่มขึ้น 2.5% จาก 2.4%ในเดือนก่อนหน้า ทำให้มีโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยฯ ในรอบประชุมถัดไป และหากยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอาจเพิ่มจะมากกว่าคาดไว้ 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ภายในปีนี้   ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) (ทราบผลราว 18.00 น. วันนี้) คาดยังคงดอกเบี้ยฯที่  0.5% แต่ไปขึ้นในครั้งหน้า เพราะเงินเฟ้อ ล่าสุด 2.5%(สูงกว่าเป้า 2.0%)    โดย BOE มีแผนจะขึ้นดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้  (หลังขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เมื่อ พ.ย. 2560)
  โดยภาพรวม ค่าเงินดอลลาร์ยังเดินหน้าแข็งค่าต่อเนื่องสูงสุดในรอบ 4 เดือน (แข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี) หลังจากที่อ่อนค่ากว่า 8.87% นับจากปลายปี 2559  หนุนให้เงินปอนด์อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากที่อ่อนค่าราว 4.85% นับจากกลางเดือน พ.ค. 2560 ตรงข้ามกับค่าเงินเอเชียที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง
  โดยสรุปคือ เงินบาทซึ่งมีแนวโน้มอ่อนค่าเร็ว และแรง โดยล่าสุด  32.20 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากที่แข็งค่ากว่า 11.54% นับจากปลายปี 2559 หรือกว่า 2 ปี (อยู่ที่ 36.4 บาท เมื่อปลายเดือน ก.ย. 2558) เช่นเดียวกับริงกิตของมาเลเซีย แข็งค่าลดลงเหลือราว 11.9% นับจากต้นปี 2560 หรือกว่า 1 ปี  ยกเว้นเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียและเงินเปโซฟิลิปปินส์ยังอ่อนค่าอยู่ตั้งแต่ต้นปี  ซึ่งน่าจะดีต่อการส่งออกของไทยนับจากงวด 2Q61 แต่จะดีต่อหุ้นส่งออกน่าจะได้ประโยชน์  TU, HANA, GFPT, CPF
ต่างชาติขายหุ้นไทยติดต่อกัน 13 วัน...ตราสารหนี้ขายติดกัน 6 วัน
  วานนี้ต่างชาติยังเดินหน้าขายสุทธิหุ้นไทยไปอีกกว่า 1.84 พันล้านบาท และเป็นการขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 13 ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.79 หมื่นล้านบาท มิหนำซ้ำยังเปิดสถานะ Short สุทธิ SET50 Futures อีก 8,420 สัญญา (รวม 2 วัน 2.45 หมื่นสัญญา)  เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่สลับมาขายสุทธิหุ้นไทยอีก 1.14 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิ 2 วัน)
  ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย ต่างชาติยังขายสุทธิเล็กน้อย 6.54 พันล้านบาท (เป็นการขายมาตลอด ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย. 61 จนถึงปัจจุบันราว 4.17 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้ Bond Yield 10 ปี ของไทยขยับขึ้นมาสูงสุดในรอบ 11 เดือน อยู่ที่ 2.71% ขยับเข้าใกล้ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ที่สูงสุดในรอบ 4 ปี โดยล่าสุดอยู่ที่ 2.995% (ห่างกัน 28.2 bps.) และเป็นที่สังเกตว่าในอดีต Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯต่ำกว่าไทยเสมอ (ดังภาพทางด้านล่าง) เป็นไปได้ว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลออกจากไทยไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า หนุนให้ Bond Yield 10 ปี ของไทยกลับมาสู่ภาวะปกติดังอดีต นอกจากนี้แรงขายหุ้นและตราสารหนี้ไทยยังกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงแรง ล่าสุดอยู่ที่ 32.11 บาท/เหรียญฯ
Sell on fact รับงบ 1Q61 ยังมีอยู่...ชอบ MTC, TU
  ขณะนี้ มีบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการ 1Q61 แล้วราว 97 บริษัท (เป็นหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 จำนวน 22 บริษัท) คิดเป็น 34% ของ Market Cap ทั้งตลาดฯ ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 1.4 แสนล้านบาท (คิดเฉพาะที่ประกาศ) มากกว่างวด 1Q60 ที่ทำกำไรสุทธิรวม 1.25 แสนล้านบาท และมากกว่า 4Q60 ที่มีกำไรสุทธิรวม 1.04 แสนล้านบาท และหากนับผลการดำเนินงานเฉพาะภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ (Real Sector) พบว่ากำไรสุทธิ 1Q61 รวมกันอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท มากกว่า 1Q60 ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท  ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าฐานกำไรสุทธิรวมงวด 1Q61 น่าจะลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ 
ส่วนหุ้นที่รายงานงบ 1Q61 วานนี้สรุปดังนี้
  TU (FV@B21) แม้จะมี Fx gains และกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม แต่ต้นทุนทูน่าที่สูงขึ้นและเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 1Q61 อยู่ที่ 869 ล้านบาท ใกล้เคียงคาด ลดลงถึง 39.7% qoq และ 39.3% yoy อย่างไรก็ตามคาดธุรกิจหลักทูน่า (35% ของรายได้รวม)จะฟื้นตัวดีขึ้นในงวด 2Q61 เป็นต้นไป (ผลบวกจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าอีกครั้ง) ส่วนธุรกิจกุ้งในไทย (7% ของรายได้รวม) ยังถูกกดดันจากปริมาณผลผลิตกุ้งโลกที่เพิ่มขึ้น โดยรวมคาดแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 2Q61 จะเพิ่มขึ้น 14.2% qoq (แต่ลดลง 29.7% yoy)
  MTC (FV@B51) กำไรสุทธิ 1Q61 เท่ากับ 834 ล้านบาท สูงกว่าคาด 4% ทำ new high ได้อีกไตรมาส โดยเติบโตถึง 12.2% qoq และ 55.5% yoy หนุนจากสินเชื่อที่ยังเติบโต ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น  ทำให้  spread ลดลงมาที่อยู่ระดับ 19.88% จาก 20.03% ใน 4Q60  ขณะที่อัตรา NPL ต่อสินเชื่อรวมยังอยู่ในระดับต่ำสุดของกลุ่มเช่าซื้อฯ  และ มีความกังวลเรื่องการสำรองหนี้ฯ ตามเกณฑ์ TFRS 9 น้อย  เพราะมี Coveage ratio ณ สิ้น 1Q61 ที่สูงสุดในกลุ่มฯ ถึง 260.9%  
  ASK ([email protected]) กำไรสุทธิ 1Q61 เท่ากับ 180 ล้านบาท หดตัว 5.1% qoq (แต่ยังเติบโตเล็กน้อย 2.3% yoy) คาดเป็นผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการยึดรถที่เพิ่มขึ้น (เพื่อเร่งลด NPL) ส่วนภาพรวมธุรกิจสินเชื่อยังเติบโตได้ตามคาด (เพิ่ม 1.1% qoq และ 6.2% yoy) แต่ผลกระทบจากการเติบโตในกลุ่มรถบรรทุก fleet ขนาดใหญ่ ทำให้ yield และ spread หดตัวลง แม้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายลดลงได้ดีกว่าคาด สำหรับกำไรสุทธิใน 2Q61 คาดทรงตัวจาก 1Q61 เพราะเป็นช่วง low season ขณะที่ทั้งปีคาดเติบโตได้ต่อเนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก (สัดส่วน 62% ของสินเชื่อรวม) 
  TK([email protected]) กำไรสุทธิ 1Q61 ต่ำกว่าคาด 4% อยู่ที่ 112 ล้านบาท ลดลง 2.9% qoq (แต่ยังเพิ่มขึ้น 7.8% yoy) คาดเป็นผลจากการเปิดสาขาเพิ่ม (ขยายธุรกิจในต่างประเทศที่ลาว และกัมพูชา) ส่วนธุรกิจหลักยังเติบโตได้ดี ขณะเดียวกันต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายทรงตัว และ Yield เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มสินเชื่อ ทำให้ spread สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ สำหรับภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ พบว่าสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับทั้งปีมีมุมมองยังเติบโตได้ดี หนุนด้วยภาวะอุตสาหกรรมที่ยังเป็นไปในทิศทางบวกต่อเนื่องจากปี 2560
  KCE (Sell: FV@B65) กำไรสุทธิงวด 1Q61 อยู่ที่ 517 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด 6%  (ลดลง 13.5% qoq และ 22.0% yoy) โดยรวมรายการพิเศษ เช่น กำไร Fx  66 ล้านบาท และกำไรจากบริษัทย่อย 41 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติเติบโตลดลง สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2561 ยังจะเผชิญความ ปัญหาวัตถุดิบทองแดงสูงขึ้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2561-62 ลง 10.8% และ 13.4% จากเดิม เพื่อสะท้อนการปรับลดสมมติฐาน gross margin ลงภายหลังปรับปรุงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2561 จะลดลง 13.9% yoy จากการบันทึกรายได้พิเศษลดลง
ภรณี ทองเย็น  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
โยธิน ภูคงนิล  ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร  ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
OO8631

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!