- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 May 2018 17:23
- Hits: 1717
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP และ PTTGC ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทดสอบบริเวณ 75 เหรียญ (Brent) อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเจอแรงขายทำกำไร อีกทั้งกลุ่มธนาคารยังคงเจอแรงขายต่อเนื่องนำโดย BBL, TISCO และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BDMS และ BCH ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,779.8 จุด (-0.07 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.5 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,364 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 2,471 สัญญา
Investment theme
ตลาดแกว่งตัวรอปัจจัยสนับสนุนใหม่ : นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นมูลค่าการขายระดับที่สูงและควรให้ความสำคัญ โดยการไหลออกของเม็ดเงินจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในปี 2556 ที่เรียกกันว่า “Taper Tantrum” สมัยนาย Ben Bernanke เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ โดยได้แถลงชะลอการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐ หรือ ชะลอ QE ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ10 ปี พุ่งขึ้นกว่า 30bps และ Dollar Index ปรับขึ้นสูงกว่า 3% สร้างความตื่นตระหนกกับนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรทั่วโลกผันผวน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน การไหลออกของเงินทุนตลาดเกิดใหม่ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการ 1Q61 ส่วนใหญ่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้สูง รวมถึง Core PCE ที่ปรับขึ้นใกล้เป้าหมายของ FED เปิดโอกาสต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวานที่ผ่านมามีการพูดถึงการชะลอมาตรการบังคับใช้ IFRS9 กับสถาบันการเงิน เบื้องต้นแนะจับตา มติคณะกรรมการกำกับการดูแลประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) และกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตามเรามองประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น และเชื่อว่าธนาคารอาจไม่ปรับการตั้งสำรองลง อีกทั้งในระยะกลางกลุ่มธนาคารยังเจอหลายปัจจัยกดดัน ROE(%)
Investment Theme: คาด SET ระยะสั้นแกว่งในกรอบ 1770-1805 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์ ขึ้นขาย-ลงซื้อ เน้นหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่มีแนวโน้มของผลประกอบการเติบโตเด่นทั้งไตรมาส 1 และ 2 เช่น กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPN, SF), ขนส่ง (BTS, BEM), พลังงานและปิโตรเคมี (IVL, PTTEP) และอสังหาฯ (LH)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ฟิลิปปินส์รายงานเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 78 เดือนที่ 4.5% / ราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวขึ้น 75.6 เหรียญ ก่อนการตัดสินใจข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในวันนี้ / ราชกิจจาประกาศ 15 มิ.ย.เปิดยื่นประมูลคลื่น 1800 mhz คาดประมูลวันที่ 4 ส.ค.
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP และ PTTGC ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทดสอบบริเวณ 75 เหรียญ (Brent) อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเจอแรงขายทำกำไร อีกทั้งกลุ่มธนาคารยังคงเจอแรงขายต่อเนื่องนำโดย BBL, TISCO และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BDMS และ BCH ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,779.8 จุด (-0.07 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.5 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,364 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 2,471 สัญญา
Investment theme
ตลาดแกว่งตัวรอปัจจัยสนับสนุนใหม่ : นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยกับภูมิภาค ซึ่งถือเป็นมูลค่าการขายระดับที่สูงและควรให้ความสำคัญ โดยการไหลออกของเม็ดเงินจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในปี 2556 ที่เรียกกันว่า “Taper Tantrum” สมัยนาย Ben Bernanke เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ โดยได้แถลงชะลอการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐ หรือ ชะลอ QE ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ10 ปี พุ่งขึ้นกว่า 30bps และ Dollar Index ปรับขึ้นสูงกว่า 3% สร้างความตื่นตระหนกกับนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรทั่วโลกผันผวน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน การไหลออกของเงินทุนตลาดเกิดใหม่ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการ 1Q61 ส่วนใหญ่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้สูง รวมถึง Core PCE ที่ปรับขึ้นใกล้เป้าหมายของ FED เปิดโอกาสต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวานที่ผ่านมามีการพูดถึงการชะลอมาตรการบังคับใช้ IFRS9 กับสถาบันการเงิน เบื้องต้นแนะจับตา มติคณะกรรมการกำกับการดูแลประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) และกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตามเรามองประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น และเชื่อว่าธนาคารอาจไม่ปรับการตั้งสำรองลง อีกทั้งในระยะกลางกลุ่มธนาคารยังเจอหลายปัจจัยกดดัน ROE(%)
Investment Theme: คาด SET ระยะสั้นแกว่งในกรอบ 1770-1805 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์ ขึ้นขาย-ลงซื้อ เน้นหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่มีแนวโน้มของผลประกอบการเติบโตเด่นทั้งไตรมาส 1 และ 2 เช่น กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPN, SF), ขนส่ง (BTS, BEM), พลังงานและปิโตรเคมี (IVL, PTTEP) และอสังหาฯ (LH)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ฟิลิปปินส์รายงานเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 78 เดือนที่ 4.5% / ราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวขึ้น 75.6 เหรียญ ก่อนการตัดสินใจข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในวันนี้ / ราชกิจจาประกาศ 15 มิ.ย.เปิดยื่นประมูลคลื่น 1800 mhz คาดประมูลวันที่ 4 ส.ค.
Stock pick : PTTGC
PTTGC: ซื้อ ราคาเหมาะสมเป็น 116.0 บาท/หุ้น
บริษัทรายงานผลประกอบการ 1Q18 สูงกว่าที่เราและตลาดคาดประมาณ 8-10% ที่ 12,388 ล้านบาท (-6.0% YoY, +29.6% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ ผลจากการป้องกันความเสี่ยง สต๊อก และ FX กำไรจากการดำเนินงานปรับตัวขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยธุรกิจโอเลฟินส์ที่มี EBITDA Margin เพิ่มขึ้นเป็น 32% จาก 29% ใน 4Q60 ขณะที่การใช้กำลังการผลิต โอเลฟินส์แครกเกอร์ยังเต็มที่ที่ 101%
แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q18 อาจชะลอตัวเล็กน้อยจากธุรกิจอะโรเมติกส์ แต่ธุรกิจโอเลฟินส์ (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 65% EBITDA) ยังคงเติบโตแข็งแกร่งสนับสนุนจาก HDPE
Core operation ไตรมาสหนึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 29% ของประมาณการกำไรทั้งปี นั่นหมายถึง Upside จากการปรับประมาณการกำไรทั้งปี คงคำแนะนำซื้อเป้าหมาย 116.0 บาท
Trading idea – – ทยอยสะสม BTS แนวรับ 9.10 (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท)
Technical View
PTTGC: ซื้อ ราคาเหมาะสมเป็น 116.0 บาท/หุ้น
บริษัทรายงานผลประกอบการ 1Q18 สูงกว่าที่เราและตลาดคาดประมาณ 8-10% ที่ 12,388 ล้านบาท (-6.0% YoY, +29.6% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ ผลจากการป้องกันความเสี่ยง สต๊อก และ FX กำไรจากการดำเนินงานปรับตัวขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยธุรกิจโอเลฟินส์ที่มี EBITDA Margin เพิ่มขึ้นเป็น 32% จาก 29% ใน 4Q60 ขณะที่การใช้กำลังการผลิต โอเลฟินส์แครกเกอร์ยังเต็มที่ที่ 101%
แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q18 อาจชะลอตัวเล็กน้อยจากธุรกิจอะโรเมติกส์ แต่ธุรกิจโอเลฟินส์ (ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 65% EBITDA) ยังคงเติบโตแข็งแกร่งสนับสนุนจาก HDPE
Core operation ไตรมาสหนึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 29% ของประมาณการกำไรทั้งปี นั่นหมายถึง Upside จากการปรับประมาณการกำไรทั้งปี คงคำแนะนำซื้อเป้าหมาย 116.0 บาท
Trading idea – – ทยอยสะสม BTS แนวรับ 9.10 (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท)
Technical View
การฟอร์มไหล่ขวาไม่ควรหลุด 1770 : ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อจากกลุ่มพลังงาน ก่อนจะถูก Take Profit ในช่วงบ่าย จึงยังมองว่าดัชนีมีโอกาสฟอร์มตัวเป็นไหล่ขวาของ Head and Shoulders หัวกลับ ซึ่งยังคงรอการ Break Neckline ของรูปแบบดังกล่าวที่ 1800 หากผ่านไปได้ Upside ระยะกลางจะเปิดมากขึ้น แต่ระยะสั้นการอ่อนตัวไม่ควรหลุดแนวรับ 1770 ด้วยเช่นกัน โดยหากหลุด 1770 Downside จะเปิดถึง 1755กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1770-1800 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หากหลุด 1770 เน้น Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน มองเป็นโอกาสซื้อที่แนวรับเพื่อเล่น Trading สั้นๆ
แนวรับ : 1770, 1755 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: มาเลเซียเลือกตั้ง 9 พ.ค. นี้ /Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. / จีนรายงานตัวเลขการค้า 8 พ.ค. / 12 พ.ค. สหรัฐพิจารณาข้อตกลงนิวเคลียร์
แนวรับ : 1770, 1755 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: มาเลเซียเลือกตั้ง 9 พ.ค. นี้ /Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. / จีนรายงานตัวเลขการค้า 8 พ.ค. / 12 พ.ค. สหรัฐพิจารณาข้อตกลงนิวเคลียร์
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
PTTGC (B 96.00-97.00, Tp 100.00//103.00, Cut 95.00)
BGRIM (B 28.50, Tp 30.50, Cut 28.00)
หุ้นเทคนิค:
PTTGC (B 96.00-97.00, Tp 100.00//103.00, Cut 95.00)
BGRIM (B 28.50, Tp 30.50, Cut 28.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO8502
Research Department Tel. 02-658-5000
OO8502