- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 May 2018 20:01
- Hits: 442
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรรายตัวบนผลการดำเนินงาน 1Q61
Smart Pick
สะสม : AOT
ราคาปิด 71.50 บาท
ราคาเหมาะสม 92.00 บาท
ประเมินว่ากลุ่มท่องเที่ยวจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด เนื่องจากได้รับผลกระทบจำกัดจากความกังวลประเด็น Trade War ระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่มีการประชุมกันในวันที่ 3 -4พ.ค.
คงมุมมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาว และมีโอกาสอีกมากที่นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมายังไทย เนื่องจากสัดส่วนผู้มี Passport ในจีนยังต่ำเพียง 4%และการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิเฟส2 ในปี 2564 จะปลดล็อกข้อจำกัดของ Capacity ให้รองรับจำนวนผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก 45 เป็น 90 ล้านคน
สะสม : SCC
ราคาปิด 472.00 บาท
ราคาเหมาะสม 550.00 บาท
คาดว่าราคาหุ้นจะOutperformตลาดได้ในสัปดาห์หน้าเนื่องจากมีโอกาสที่ MSCI จะเพิ่มน้ำหนักในการคำนวณดัชนีและส่งผลให้กองทุนต่างชาติที่ใช้ดัชนี MSCI เป็น Benchmarkมีโอกาสซื้อหุ้นSCCเพิ่มโดยจะมีการประกาศในเช้าวันที่15 พ.ค.ตามเวลาประเทศไทย
Downside Riskจำกัดเนื่องจากซื้อขายที่PER2561ระดับ10.7 เท่าและให้ Dividend Yield4.0%
สะสม : CPALL
ราคาปิด 88.00 บาท
ราคาเหมาะสม 103.00 บาท
คาดกำไรปกติ1Q61ที่ 5.4 พันล้านบาท+14%YoY จาก SSSG ที่เพิ่มขึ้น+3%ในทิศทางเดียวกับการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวและมีปัจจัยหนุนผลประกอบการ2Q61จากการเข้าสู่เทศกาลบอลโลกในกลางเดือนมิ.ย.คาดว่าจะช่วยหนุนยอดขายให้กับร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการ24ชั่วโมง
มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะกลาง-ยาวจากการขยายสาขาทั้งของ7-11และ MAKRO ดังนั้นคาดกำไรปกติปี2561เติบโต+16%YoYเป็น2.31หมื่นล้านบาทและต่อเนื่อง+12%YoYเป็น2.58หมื่นล้านบาทในปี2562
เก็งกำไร : ROBINS
ราคาปิด 66.75 บาท
ราคาเหมาะสม 78.00 บาท
ทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 70 .00 บาท +/-แนวรับ 66.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 65.75บาท
คาดการณ์กำไรสุทธิ1Q61ที่787ล้านบาทเติบโต+11%YoY ขณะที่ Valuation น่าสนใจที่ระดับPER2561เพียง23.6เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่31เท่า
Pair Trade : n.a
กลยุทธ์วันนี้
ประเมินSET INDEX แกว่งตัวซึมออกข้างระหว่าง 1785 1795 จุด อย่างไรก็ดี เรามองว่า สัปดาห์หน้า SET INDEXจะเคลื่อนไหวอย่างมีสีสันมากขึ้น เพราะจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะรายงานผลประกอบการงวด 1Q61 มีมากกว่าในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อหุ้นรายตัวตามแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ออกมาทิศทางตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดูเป็นลบ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม TIPคือ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ปรับฐานแรงราว 2.6%แต่เรามองว่า ทั้งสองประเทศนี้ มีความอ่อนไหวต่อกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกมากกว่าไทย โดยค่าเงินของรูเปียห์ของอินโดฯ และเปโซของฟิลิปปินส์ อ่อนค่าราว 2.8%และ3.7%YTD ตามลำดับ สวนทางกับเงินบาทที่แข็งค่าราว 2.8%YTD ดังนั้น เราเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในกลุ่ม TIP
สัปดาห์หน้าติดตามประเด็นอิหร่าน กล่าวคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีเวลาในการตัดสินใจจนถึงวันที่ 12 พ.ค. ว่าจะกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่หรือไม่ ซึ่งจะรวมไปถึง การจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน กดดันฝั่งอุปทาน (Supply) มีโอกาสช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวขึ้น
ในภาวะที่ Upside ระยะสั้นของ SET INDEX ค่อนข้างจำกัด กลยุทธ์การลงทุน ยังคงเน้นแนวทางเลือกซื้อหุ้น บนประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ การเก็งกำไรงบ 1Q61 หรือหุ้นที่มีโอกาสได้รับคัดเลือกเข้า/ เพิ่มน้ำหนักในดัชนี MSCI
HOT Topic
1.Trade War ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กดดันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก นักลงทุนควรรับมืออย่างไร และหุ้นกลุ่มใดจะ Outperform?
2.IRPC รายงานงบวันนี้ คาดกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 2,658 ล้านบาท +12.4% YoY
3.ติดตามการตัดสินใจของทรัมป์ในสัปดาห์หน้าว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านหรือไม่ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน
4.Preview งบ 1Q61 หุ้น SMID Cap ได้แก่ SAPPE, JWD
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEXแกว่งตัวในกรอบ 1786-1798 จุด ก่อนลงมาปิดที่1790.80 จุด ลดลง 0.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเป็นวันที่ 9 อีกราว 3 พันล้านบาท รวม 9 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 1.8 หมื่นล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิต่อเป็นวันที่ 4 อีกราว 2.9 พันล้านบาท รวม 4 วันซื้อสุทธิสะสมราว 8.7 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิต่อเป็นวันที่ 2 ราว 564 สัญญา รวม 2 วัน มีสถานะ Long สุทธิสะสมทั้งสิ้น 2.1 พันสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 5.9 พันสัญญา รวม 2 วัน Short สุทธิสะสมราว 8.2 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิราว 5.9 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชีบล. มีสถานะ Shortสุทธิราว 1 .5 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 9.4 พันล้านบาท รวม 2 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 1.4 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
สหรัฐฯรายงาน PMI ภาคการผลิตเดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 54.6 สูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่งผลให้ค่า PMI ภาคการผลิตและภาคบริการอยู่ที่ระดับ 54.9
EU รายงานเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ขยายตัว 1.2% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.3% YoY
รมต.กระทรวงต่างประเทศของอิหร่านเผยจะไม่มีการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ใหม่
คณะกรรมการสรรหาฯ มีมติเลือกคณะกรรมการกกต.จำนวน 5 คน ในขั้นตอนต่อไปเตรียมที่จะเสนอเข้าที่ประชุมสนชในวันที่ 10 พ.ค.
ติดตามผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับทางสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 3-4 พ.ค.
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันนี้ ตลาดคาดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เพิ่มขึ้น 1.93 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงาน 4%
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการรายงานนำเข้า-ส่งออกจีน เดือนเม.ย. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 7.5% วันที่ 8 พ.ค.
ติดตามการเลือกตั้งของมาเลเซีย วันที่ 9 พ.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อจีน เดือนเม.ย. ตลาดคาดขยายตัว 1.9%, การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และการรายงานเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว2.5% ในวันที่ 10 พ.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO8346