- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 May 2018 17:17
- Hits: 6509
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> AOT, BCH, LPN
Stock S R Comment
AOT 70.75 72.50 รับโอนย้าย 4 สนามบินมาบริหารเพิ่ม พร้อมผุด "สนามบินเชียงใหม่-ภูเก็ต" แห่งที่ 2
BCH 17.20 17.70 อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ผู้ป่วยรีบหาคุณหมอ
LPN 9.90 10.30 Lumpini Selected Suthisarn ยอด Presales แรงกว่า 70%
May: Wait for Opportunity
SET : ประเมินภาพดัชนีหุ้นไทยเดือนพฤษภาคมแกว่งตัวในกรอบ 1740-1820 จุด โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามดังต่อไปนี้
1) การประกาศผลประกอบการของบจ.ประจำไตรมาส 1/61 ซึ่งอาจส่งผลมายังการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ได้ ล่าสุด EPS ของ SET Index ประจำปี 2561 และ 2562 ถูกปรับลงเล็กน้อยสู่ระดับ 109.5 บาทและ 120.1 บาทตามลำดับ ส่งผลให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ
2) การปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ของ Bond yield สหรัฐฯ โดยรุ่นอายุ 10 ปีแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก่อน Lehman crisis ประเมินเป็นปัจจัยลบในแง่ของ Fund flow ซึ่งคาดว่าคงจะยังไม่ไหลเข้ามาในช่วงอันใกล้นี้ แนะนำติดตามตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนวันศุกร์นี้ ที่อาจจะเป็นตัวชี้ชะตา Bond yield สหรัฐฯอีกครั้ง
3) Bond yield ของไทยที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้วเช่นกัน (ล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.46%) จนอาจทำให้นักลงทุนในประเทศเริ่มมีแรงจูงใจที่จะโยกย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น
4) ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อการปรับฐานในระยะสั้น จากจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯที่มีการใช้งานที่อยู่สูงสุดในรอบ 3 ปี และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลกดดันต่อกลุ่มพลังงานและ SET Index ได้ อย่างไรก็ดี Upside risk ของราคาน้ำมันจะเกิดขึ้นได้ หากสหรัฐฯตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านและมีมาตรการคว่ำบาตรตามมา
5) เงินบาทที่กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบปี (เฉลี่ย -1.7% ในเดือนพฤษภาคมตั้งแต่ปี 2010) จากการส่งกลับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติ จึงอาจเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว
6) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 1-2 พฤษภาคม คาดว่า Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50-1.75% และไม่น่าจะมี Impact มากนัก เนื่องจากไม่มีการแถลงข่าวและการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจหลังการประชุม
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงแนะนำชะลอการลงทุนตราบใดก็ตามที่ดัชนียังไม่ลงไปที่บริเวณแนวรับของเรา 1750 จุดหรือใกล้เคียง มองดัชนีที่ระดับปัจจุบันมีอัตรา Risk/Reward ratio ที่ยังไม่น่าสนใจ โดยหากจะต้องเลือกลงทุนในช่วงนี้ กลุ่มหุ้นที่เรายังคงแนะนำ Selective ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) กลุ่มสื่อสารที่มี Regulatory risk ที่ลดลง ประกอบกับความน่าจะเป็นที่จะได้รับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐมีสูงขึ้น เลือก ADVANC (217 บาท) และ TRUE (8.30 บาท)
6) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,772 แนวต้าน 1,788
Today Selections >> AOT, BCH, LPN
Stock S R Comment
AOT 70.75 72.50 รับโอนย้าย 4 สนามบินมาบริหารเพิ่ม พร้อมผุด "สนามบินเชียงใหม่-ภูเก็ต" แห่งที่ 2
BCH 17.20 17.70 อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ผู้ป่วยรีบหาคุณหมอ
LPN 9.90 10.30 Lumpini Selected Suthisarn ยอด Presales แรงกว่า 70%
May: Wait for Opportunity
SET : ประเมินภาพดัชนีหุ้นไทยเดือนพฤษภาคมแกว่งตัวในกรอบ 1740-1820 จุด โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามดังต่อไปนี้
1) การประกาศผลประกอบการของบจ.ประจำไตรมาส 1/61 ซึ่งอาจส่งผลมายังการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ได้ ล่าสุด EPS ของ SET Index ประจำปี 2561 และ 2562 ถูกปรับลงเล็กน้อยสู่ระดับ 109.5 บาทและ 120.1 บาทตามลำดับ ส่งผลให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ
2) การปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ของ Bond yield สหรัฐฯ โดยรุ่นอายุ 10 ปีแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก่อน Lehman crisis ประเมินเป็นปัจจัยลบในแง่ของ Fund flow ซึ่งคาดว่าคงจะยังไม่ไหลเข้ามาในช่วงอันใกล้นี้ แนะนำติดตามตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนวันศุกร์นี้ ที่อาจจะเป็นตัวชี้ชะตา Bond yield สหรัฐฯอีกครั้ง
3) Bond yield ของไทยที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้วเช่นกัน (ล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.46%) จนอาจทำให้นักลงทุนในประเทศเริ่มมีแรงจูงใจที่จะโยกย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น
4) ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อการปรับฐานในระยะสั้น จากจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯที่มีการใช้งานที่อยู่สูงสุดในรอบ 3 ปี และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลกดดันต่อกลุ่มพลังงานและ SET Index ได้ อย่างไรก็ดี Upside risk ของราคาน้ำมันจะเกิดขึ้นได้ หากสหรัฐฯตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านและมีมาตรการคว่ำบาตรตามมา
5) เงินบาทที่กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบปี (เฉลี่ย -1.7% ในเดือนพฤษภาคมตั้งแต่ปี 2010) จากการส่งกลับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติ จึงอาจเป็น Sentiment เชิงบวก ต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว
6) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 1-2 พฤษภาคม คาดว่า Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50-1.75% และไม่น่าจะมี Impact มากนัก เนื่องจากไม่มีการแถลงข่าวและการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจหลังการประชุม
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงแนะนำชะลอการลงทุนตราบใดก็ตามที่ดัชนียังไม่ลงไปที่บริเวณแนวรับของเรา 1750 จุดหรือใกล้เคียง มองดัชนีที่ระดับปัจจุบันมีอัตรา Risk/Reward ratio ที่ยังไม่น่าสนใจ โดยหากจะต้องเลือกลงทุนในช่วงนี้ กลุ่มหุ้นที่เรายังคงแนะนำ Selective ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) กลุ่มสื่อสารที่มี Regulatory risk ที่ลดลง ประกอบกับความน่าจะเป็นที่จะได้รับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐมีสูงขึ้น เลือก ADVANC (217 บาท) และ TRUE (8.30 บาท)
6) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,772 แนวต้าน 1,788
Today's Event :
BM XD 0.04 บาท OCC XD 0.65 บาท THREL XD 0.30 บาท
BROOK XD 0.03 บาท PDI XD 1.50 บาท TITLE XD 0.0055555556 บาท
BSM XD 0.01 บาท RICHY XD 0.0087 บาท TITLE XD 10:1
COM7 XD 0.35 บาท RICHY XD 14:1 TOA XD 0.14 บาท
ESSO XD 1.00 บาท S&J XD 1.20 บาท TOPP XD 5.83 บาท
GULF XD 0.40 บาท SALEE XD 0.015 บาท WACOAL XD 1.50 บาท
GYT XD 20.00 บาท SC XD 0.12 บาท DCC XW 2.5:1
HFT XD 0.20 บาท SLP XD 0.015 บาท DIMET XR 1:1 @ 1.00 บาท
ICC XD 1.10 บาท SSF XD 0.3729 บาท DIMET XW 1:1
ICHI XD 0.15 บาท SUN XD 0.15 บาท JKN XW 5:1
KKP XD 3.00 บาท SWC XD 0.50 บาท PDI XW 3:1
KTIS XD 0.15 บาท TCAP XD 1.30 บาท SKR XR 50:1 @ 2.25 บาท
KWC XD 18.00 บาท TCAP-P XD 1.30 บาท ECF ลูกหุ้นเข้า 7,900,000 หุ้น
MK XD 0.22 บาท
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO8221
BM XD 0.04 บาท OCC XD 0.65 บาท THREL XD 0.30 บาท
BROOK XD 0.03 บาท PDI XD 1.50 บาท TITLE XD 0.0055555556 บาท
BSM XD 0.01 บาท RICHY XD 0.0087 บาท TITLE XD 10:1
COM7 XD 0.35 บาท RICHY XD 14:1 TOA XD 0.14 บาท
ESSO XD 1.00 บาท S&J XD 1.20 บาท TOPP XD 5.83 บาท
GULF XD 0.40 บาท SALEE XD 0.015 บาท WACOAL XD 1.50 บาท
GYT XD 20.00 บาท SC XD 0.12 บาท DCC XW 2.5:1
HFT XD 0.20 บาท SLP XD 0.015 บาท DIMET XR 1:1 @ 1.00 บาท
ICC XD 1.10 บาท SSF XD 0.3729 บาท DIMET XW 1:1
ICHI XD 0.15 บาท SUN XD 0.15 บาท JKN XW 5:1
KKP XD 3.00 บาท SWC XD 0.50 บาท PDI XW 3:1
KTIS XD 0.15 บาท TCAP XD 1.30 บาท SKR XR 50:1 @ 2.25 บาท
KWC XD 18.00 บาท TCAP-P XD 1.30 บาท ECF ลูกหุ้นเข้า 7,900,000 หุ้น
MK XD 0.22 บาท
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO8221