- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 September 2014 18:16
- Hits: 2302
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“Fund Flow & การฟื้นตัวของศก.ยังหนุน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : แกว่งตัวแต่ปิดบวก SET Index ปิด +4.59 จุด ที่ 1584.32 โดยยังมีการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มหลัก เช่น แบงค์ใหญ่, SCC, TPIPL, AOTเป็นต้น รวมถึงหุ้นที่ได้รับอานิสงค์ทางบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ อิเลคทรอนิกส์ (KCE, SVI), อาหาร (GFPT, TUF),ยานยนต์ & ชิ้นส่วน (AH, SAT, PCSGH) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.47 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของ DBS Retail Research ว่าจะมี FundFlow เข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยตลาดเงินยุโรปต่ำมาก+แผนซื้อพันธบัตรของ ECB รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่มีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงขึ้นในปี 58 ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศ พอร์ตบล. และรายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ปัจจัยที่ติดตามสัปดาห์นี้ คือ การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันที่ 12 ก.ย.57, รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ (ยอดค้าปลีก ความเชื่อมั่นผู้บริโภค) ส่วนปัจจัยหนุน คือ Fund Flow ที่ยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทั้งนี้สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ECB เตรียมใช้เม็ดเงินอย่างน้อย 7 แสนล้านยูโร (29 ล้านล้านบาท) เพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์ และกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.57 เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด (ออกมาจริง 142k ตำแหน่ง จากที่คาด 225k ตำแหน่ง) ส่วนปัจจัยหนุนภายใน คือ การประชุมพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของ BOI อีก 10 โครงการมูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาทในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นข่าวดีกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงินด้วย หุ้นเด่น คือ CK, STEC, SCC, ROJNA, WHA, BBL, KTB และการแจกคูปองทีวีดิจิตอลที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 ต.ค.57 กระตุ้นธุรกิจ Settop box และสื่อโฆษณาต่างๆ ให้คึกคักขึ้น หลักทรัพย์ที่เราชอบในกลุ่มดังกล่าว คือ SIM และ RS นอกจากนั้นการแข็งค่าของเงิน US$ ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงโดยเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก หุ้นเด่น คือ KCE, SVI, GFPT, TUF เป็นต้น สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น BBL
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1570 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมาก เหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550, 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ THREL, SITHAI, GLOW, TMB, SRICHA, EGCO, IVL, EVER, AH, SAT, TWZ (สีน้ำเงิน คือหุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ DELTA, BAY
Fundamental Pick
BBL แนะนำซื้อ
ราคาปิด 212 บาท เป้าหมาย 255 บาท
* คาดว่าการเติบโตใน 2H57 จะดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว และแม้ว่ากำไรสุทธิ 1H57 จะคิดเป็น 45% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 57 แต่เราเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้หลังสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้ DBS คาดการณ์ EPS Growth ปี 57 ไว้ที่ 11% และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเป็น 15% ในปี 58 แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 255 บาท เทียบเท่ากับP/BV ปี 58 ที่ 1.4 เท่า ปัจจัยหนุนหลัก คือ ความต้องการใช้สินเชื่อและบริการการเงินที่เพิ่มขึ้นหลังการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐฟื้นตัว ทั้งนี้ธนาคารมีจุดแข็งที่ฐานลูกค้า Corporate ที่แข็งแกร่งมาก ด้าน Valuation ก็จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/BV ปี 57-58 ต่ำเพียง 1.2 และ 1.1 เท่าตามลำดับ ทั้งนี้ราคาหุ้น BBL ถือว่ายัง Laggard จากราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่ทั้งKBANK, KTB และ SCB อยู่พอสมควรด้วย
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• ยูโรโซน : เศรษฐกิจไตรมาส 2/57 เป็นแค่ทรงตัว QoQ
* สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 ปี 2557 ทรงตัวเมื่อเทียบ QoQ จากไตรมาส 1 ที่ขยายตัว0.2%QoQ เนื่องจากการลงทุนปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2555
• ญี่ปุ่น : ดัชนีพ้องเศรษฐกิจขยับขึ้นเล็กน้อย
* ดัชนีพ้องเศรษฐกิจ (Index of coincident indicators) เช่น ผลผลิตอุตสาหกรรม การค้าปลีกและการจ้างงานใหม่ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 0.2 จุด สู่ระดับ 109.9 เปรียบเทียบกับฐานในปี 2553ซึ่งอยู่ที่ระดับ 100 ส่วนดัชนีนำเศรษฐกิจ (index of leading indicators) ซึ่งคาดการณ์สถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 0.6 จุด สู่ระดับ 106.5 ขณะที่ดัชนีตามเศรษฐกิจ(index of lagging indicators) ซึ่งเป็นมาตรวัดการปรับตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลง 0.8 จุด สู่ระดับ 117.5
- สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
* กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง142,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่งขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลดลงเล็กน้อย สู่ระดับ 6.1% จาก 6.2% ในเดือนก.ค.
* ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ตลาดวิตกกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะต่อไปอยู่บ้าง แต่ยังไม่รุนแรง
+ ยูครน & รัสเซีย : สถานการณ์ความตึงเครียดคลี่คลายลง
* สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานว่า ผู้นำรัฐบาลยูเครนและผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งฝักใฝ่รัสเซียได้ลงนามในสัญญาหยุดยิงที่เมืองมินสค์ในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
- การเมืองต่างประเทศ : สหรัฐจะเปิดเผยร่างแผนจัดการกับกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามวันพุธนี้ (10 ก.ย.)
* ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐได้เปิดเผยในรายการ "Meet the Press" ของสถานีโทรทัศน์ NBC ว่าเขาจะเปิดเผยร่างแผนเพื่อจัดการกับกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ในวันพุธนี้ โดยแผนการดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการใช้กองกำลังทหารภาคพื้นดินของสหรัฐ ทั้งนี้กองทัพสหรัฐยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศสามระลอกต่อกลุ่ม IS ในอิรัก โดยใช้เครื่องบินขับไล่และเครื่องบินโจมตีบริเวณใกล้เคียงเขื่อนโมซูล โดยมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองบุคลากรและสิ่งก่อสร้างของสหรัฐ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นได้ แม้ตัวเลขภาคแรงงานจะแย่กว่าคาด เพราะคาดว่าจะเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,137.36 จุด เพิ่มขึ้น 67.78 จุด หรือ +0.40% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,582.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.61 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,007.71จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ +0.50% ในช่วงแรกตลาดปรับตัวลดลง เพราะผิดหวังรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.57 ของสหรัฐที่อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ แต่ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาและปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าข้อมูลด้านแรงงานที่ซบเซาอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขณะเดียวกันนายอิริค โรเซนเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตันได้ออกมาให้ความเห็นว่า เฟดยังไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่ยังคงซบเซาอยู่มาก
- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 93.29ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอนลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 100.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจจัยกดดัน คือ ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมาน้อยว่าคาด และสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลายลง
• สัญญาทองคำ COMEX : ปรับขึ้นเล็กน้อย
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์หรือ 0.06% ปิดที่ 1,267.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ตลาดทองคำยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่มีนัยสำคัญ แต่ความเสี่ยงที่จะลงแรงก็ค่อนข้างจำกัด เพราะนักวิเคราะห์ประเมินว่าความต้องการซื้อทองคำจากอินเดียยังแข็งแกร่ง
ปัจจัยในประเทศ
+ บอร์ด BOI จะประชุมพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมวันที่ 9 ก.ย.นี้
* 9 ก.ย.57 บอร์ด BOI ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นประธาน นัดประชุมพิจารณาโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุน คาดว่าจะอนุมัติเพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 5 หมื่นล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ของค่ายฟอร์ด เชฟโรเลตและมิตซูบิชิ
* ความเห็น DBS Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง, สถาบันการเงิน, นิคมอุตสาหกรรม & คลังสินค้า เพราะเชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐและเอกชนจะเติบโตขึ้นมากในปี 58 และเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวดีในระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่น คือ CK(ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท), STEC (ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท), SCC (ราคาพื้นฐาน 480 บาท),KTB (ราคาพื้นฐาน 30 บาท), BBL (ราคาพื้นฐาน 255 บาท) และ KBANK (ราคาพื้นฐาน 262บาท), ROJNA (ราคาพื้นฐาน 9.21 บาท), WHA (ราคาพื้นฐาน 40.15 บาท- กำลังปรับปรุง)นอกจากนั้นเรายังชอบกลุ่มขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพราะเชื่อว่าจะมีการขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจและการเปิด AEC หุ้นเด่น คือ AOT (ราคาพื้นฐาน 237 บาท)
+ ธุรกิจสื่อคึกคักขึ้น ... ผู้ประกอบการ Settop box เร่งทำเคมเปญส่งเสริมการขายผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลพิจารณาปรับขึ้นค่าโฆษณาสำหรับปี 58...หุ้นเด่นในConsensus คือ GRAMMY, RS และ SIM
* ผู้ประกอบการ Set top box & ทีวีดิจิตอลคึกคักขึ้น จากการที่กสทช.จะเริ่มแจกคูปองทีวีดิจิตอลมูลค่าใบละ 690 บาทตั้งแต่ 15 ต.ค.นี้ โดยเริ่มจาก 23 จังหวัดก่อน ทำให้ผู้ประกอบการกล่อง Set top box เร่งจัดเตรียมสินค้าและแคมเปญส่งเสริมการขาย โดยบางผู้ขายมีการลดราคากล่องเพื่อเร่งทำยอดขาย และผลักดันให้ทีวีดิจิตอลเข้าถึงครัวเรือนได้เร็วขึ้น ส่วนกลุ่มสื่อ ก็กำลังพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา จากหลัก 2 หมื่นบาท/นาที เป็น 3-4 หมื่นบาท/นาทีในปี 58 ซึ่งจะช่วยให้รายได้และผลประกอบการของธุรกิจทีวีดิจิตอลดีขึ้น หลังจากในช่วงแรกที่หลายบริษัทต้องประสบปัญหาขาดทุนในธุรกิจส่วนนี้
* หลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการขาย Set top box คือ SIM, SAMART.AJD, IRCP, SVOA, IT เป็นต้น หุ้นที่ DBS ได้มีการประเมินทางปัจจัยพื้นฐานและแนะนำซื้อ คือSAMART (ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท), SIM (ราคาพื้นฐาน 4.60 บาท) ส่วน IRCP, SVOA, ITเป็น Not Rated
* หลักทรัพย์ในกลุ่มสื่อ & โฆษณาที่เกี่ยวกับทีวีดิจิตอลที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา คือ BEC, GRAMMY, RS, WORK เป็นต้น
+ การเมืองในประเทศ : เดินหน้าตามโรดแมป...ประชุมครม.นัดแรก 9 ก.ย. และแถลงนโยบายต่อสนช.วันที่ 12 ก.ย.
* วันที่ 9 ก.ย.57 คณะรัฐมนตรีประชุมนัดแรกเพื่อรับฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการมอบงานจากคสช.กลับมาให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อ และในวันที่ 12 ก.ย.57 นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจัดเตรียมข้อเสนอหลักที่ต้องทำเร่งด่วนในปี 2557-2558 ไว้แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการสานต่อนโยบายและแนวทางที่ทางคสช.ได้เริ่มต้นเอาไว้ แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดในการดำเนินการบ้าง
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]