- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 April 2018 16:28
- Hits: 2113
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> BJC, PSH, PTT
Stock S R Comment
BJC 57.75 59.75 ผลักดัน Mini Big C 200 สาขาทั่วไทย หนุนยอดขายเติบโตแข็งแกร่ง
PSH 21.50 22.10 Backlog 3.1 หมื่นล้านบาท ฐานลุกค้าแนวราบยังแกร่ง
PTT 56.75 58.50 กระจายความเสี่ยง บุกธุรกิจรถไฟ High Speed เชื่อมสนามบิน
A new risk has emerged
THB Yield : สัญญาณเตือนเบื้องต้นหนึ่งสัญญาณที่เกิดขึ้นล่าสุดได้แก่การปรับตัวขึ้นของ Bond yield ไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่า Bond yield สหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปีเองก็ตาม และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ก่อนหน้านี้เราประเมินว่า นักลงทุนในประเทศจะยังไม่มีแรงจูงใจที่จะโยกเงินออกจากตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยประคับประคอง SET Index ที่สำคัญ
แต่จากการที่ล่าสุด Bond yield สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นจนรุ่น 10 ปีทะลุขึ้นมายืนเหนือระดับ 3% จึงผลักดันให้ Bond yield ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นมาด้วย รวมถึงประเทศไทยเราเอง จนล่าสุดรุ่น 10 ปีของไทยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.47% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน (ดูรูป) การปรับตัวขึ้นมาของ Bond yield ไทยนี้ในสภาวะที่ EPS ของตลาดหุ้นไทยปรับลดลง จึงทำให้เราประเมินว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเห็นนักลงทุนภายในประเทศบางส่วนโยกย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ในช่วงถัดไปได้ ถือเป็น Downside risk ต่อ SET Index ที่สำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน : หลังจากลดพอร์ทการลงทุนไปแล้ว เราแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง 3 ประการที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
1) การปรับลดประมาณการกำไรของบจ. ที่เริ่มลามมายังกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เช่น BANK และ FOOD ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาตลอด 3 เดือนแรกของปีนี้
2) การปรับตัวพุ่งสูงขึ้นของ Bond yield ทั่วโลก จนทำให้ล่าสุด Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับ Bond yield 10 ปีของสหรัฐฯปรับตัวลงสู่ระดับ 3.14% ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2007 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ Hamburger crisis
3) Downside risk ของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
Theme: หากจะต้องเลือกลงทุนในช่วงนี้ กลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Selective ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากโครงการ EEC และตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) กลุ่มสื่อสารที่มี Regulatory risk ที่ลดลง ประกอบกับความน่าจะเป็นที่จะได้รับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐมีสูงขึ้น เลือก ADVANC (217 บาท) และ TRUE (8.30 บาท)
6) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,765 แนวต้าน 1,794
บทวิเคราะห์วันนี้
SCC (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 530 บาท) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิที่ 12,406 ล้านบาท อ่อนตัวเล็กน้อย คาดไตรมาส 2 ยังทรงตัวได้
Today's Event :
AQUA XD 0.01 บาท FLOYD XD 0.06 บาท
KTC XD 5.30 บาท MFC XD 1.40 บาท
PORT XD 0.05 บาท QH XD 0.13 บาท
SQ XD 0.1222 บาท TLGF XD 0.2247 บาท
APEX XR 3:1 @ 0.20 บาท APEX XW 2:1
AYUD XW 2:1
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO8033