- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 April 2018 16:21
- Hits: 652
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายเด่น นำโดยการขายทำกำไรกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT, PTTEP และโรงกลั่น TOP, IRPC, ESSO และกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK, KTB ในขณะที่เริ่มเห็นแรงซื้อในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BJC, ROBINS และกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BCH โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,779.5 จุด (-8.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.4 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,312 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 6,807 สัญญา
Investment theme
ติดตามการประชุม ECB : การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ครั้งที่ผ่านมา เราพบว่านาย Kuroda ผู้ว่านายระบุถึงโอกาสการคงวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อรักษาผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี (Yield%) ให้อยู่ระดับ 0% ต่อไปอีก 5 ปี คาดเหตุผลส่วนหนึ่งเกิดจากเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2.0% อาจถึงช้ากว่าคาด (Core CPI เดือนเมษายนประมาณ 0.7% , CPI ที่ 1.1% ) ในขณะที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งอ้างอิงจากตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่มีการประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น PMI ภาคผลิต หรือตัวเลขสำคัญต่างๆ ของแต่ละประเทศ ส่วนมากออกมาอ่อนตัวลง เปิดโอกาสให้การประชุมครั้งนี้ นาย Draghi อ่านเปรยถึงโอกาสการขยายเวลาทำ QE จากเดิมที่ตลาดคาดไว้จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ หากเป็นเช่นนั้นถือเป็นบวกอ่อนๆ ต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง อย่างไรก็ตามปัจจัยในระยะสั้นปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ ค่าเงินยูโรและเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ อีกทั้งตลาดหุ้นอาจเผชิญกับเรื่อง Bond yield สหรัฐที่ปรับขึ้นในอัตราเร่งสูงสุดในรอบ 4ปี และ Dollar Index กลับมาแข็งค่าอีกครั้งในรอบ 3 เดือน ทำให้ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียอาจผันผวนมากขึ้น เราแนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% และเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน
Investment Theme: คาด SET แกว่งตัวบริเวณ 1,780+/- จุด รอดูผลประกอบการกลุ่มพลังงาน และแนะทยอยสะสมกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มรถไฟฟ้า, กลุ่ม ICT และ กลุ่มโรงพยาบาล
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา - ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค.เติบโต 4.7% ที่ 1.1แสนคัน / รมว.คลังสหรัฐเตรียมเดินทางจีนเพื่อเจรจาการค้า / บอร์ด PTT เห็นชอบจับมือ BTS เข้าประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา)
กลยุทธ์การลงทุน
การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ 3.0% เป็นเรื่องที่ถูกตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่มาถึงเร็วกว่าคาด โดยสรุปเรามองประเด็นดังกล่าวเป็นการจำกัด Upside ของตลาดหุ้นในระยะกลาง แต่ในระยะสั้นเรามองผลกระทบจำกัด (แนวรับ บริเวณ 1,770) คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% และทยอยซื้อ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มพลังงานและปิโตร เป็นกลุ่มที่เราคาดผลประกอบการ 1Q18 เด่น และต่อเนื่องถึง 2Q18 แนะรอซื้อ PTT บริเวณ 55.0 บาท +/- และ IVL บริเวณ 59.0 บาท +/-
กลุ่มโรงพยาบาล เป็นกลุ่มที่เรามองว่า Defensive และ มี Downside ของประมาณการค่อนข้างต่ำ แนะทยอยสะสม BDMS และรอซื้อเมื่อ BH อ่อนตัว
กลุ่มค้าปลีก ถือเป็นกลุ่มที่เรามองว่าได้ประโยชน์จาก Policy risk มากที่สุด แนะทยอยสะสม CPALL 94.0 บาท, CPN เป้าหมาย 89.0 บาท
Trading idea - - CPALL (เราออกบทวิเคราะห์วันนี้ คาดผลประกอบการเติบโตดี), เก็งกำไร VGI (7.70-8.00 , Cut loss 7.50 บาท)
Technical View
หากปิดหลุด 1772 จะกลับเป็นขาลงอีกครั้ง: แรงขายจากกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับที่ 1780 ขณะนี้ปรับตัวลงปิด Gap และทดสอบแนวรับของเส้น Downtrend ที่ 1772 ประกอบกับ Slow Stochastic เริ่มตัดตัวลงจากเขต Overbought ซึ่งหากดัชนีปิดหลุด 1772 และ MACD ตัด Signal ลง ดัชนีจะกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง มองแนวรับถัดไปที่ 1760 แต่หากไม่หลุดมองดัชนีจะแกว่งในกรอบ 1772-1800
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1772-1800 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หากหลุด 1772 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน หากไม่หลุด 1772 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Trading สั้นๆ
แนวรับ : 1772, 1760 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : การประชุม ECB คืนนี้
ปัจจัยในประเทศ : -
หุ้นเทคนิค :
IVL (B 59.50-60.00, Tp 61.50//63.00, Cut 59.00)
TRUE (B 7.30, Tp 7.70, Cut 7.20)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO8022