- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 April 2018 16:16
- Hits: 909
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> DTAC, PTTEP, SYNEX
Stock S R Comment
DTAC 49.00 51.00 กำไรแตะพันล้านออกมาดีกว่าคาด ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มกำไร
PTTEP 133.00 139.00 น้ำมัน New High ในรอบ 3 ปี แตะ 72$/bbl
SYNEX 13.10 13.80 คาดรายได้และกำไร New High สินค้า IT ดีมานด์ดีต่อเนื่อง
DTAC 49.00 51.00 กำไรแตะพันล้านออกมาดีกว่าคาด ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มกำไร
PTTEP 133.00 139.00 น้ำมัน New High ในรอบ 3 ปี แตะ 72$/bbl
SYNEX 13.10 13.80 คาดรายได้และกำไร New High สินค้า IT ดีมานด์ดีต่อเนื่อง
THB entering seasonal weak period
THB : เรากำลังเดินทางเข้าสู่เดือนพฤษภาคมซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาที่เงินบาทปรับตัวอ่อนค่ามากที่สุดของทุกปี โดยหากดูสถิตินับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาพบว่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เงินบาทมักปรับตัวอ่อนค่าเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 1.7% สูงที่สุดในรอบปี (ดูรูป) ซึ่งสาเหตุสำคัญได้แก่การส่งกลับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ETRON : มองปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้โฟกัสการลงทุนของตลาดในระยะสั้นกลับมายังกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าอย่างเช่นกลุ่มส่งออกได้ ซึ่งเมื่อวานนี้มีหนึ่งปัจจัยบวกที่สำคัญได้แก่ รายงานตัวเลขการส่งออกประจำเดือนมีนาคมที่ออกมาแข็งแกร่งที่ 7% สูงกว่าที่ตลาดคาด โดยหากดูในรายละเอียดจะพบว่าเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่หมวดเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่โตได้ถึง 18% โดยเป็นการเติบโตของแผงวงจรไฟฟ้า (+19%) และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (+28%) เป็นสำคัญ มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA, DELTA) ซึ่งนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไรสามารถ "ซื้อเก็งกำไร" ในช่วง 1 เดือนข้างหน้าได้
กลยุทธ์การลงทุน : เราแนะนำให้นักลงทุนใช้ระดับดัชนีที่ 1800 จุดหรือสูงกว่าในการขายลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เนื่องจากประเมินว่ากรอบแนวต้านของเราที่ 1850 จุดเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นจาก 3 ปัจจัย ดังนี้
1) การถูกปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 109.92 บาทและ 121.20 บาท สำหรับปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ โดยเป็นการปรับลดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลทำให้มูลค่าของหุ้นไทยปรับตัวแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ
2) การปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ของ Bond yield สหรัฐฯ ทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มองเป็นปัจจัยลบในแง่ของ Fund flow ซึ่งคาดว่าคงจะไม่ไหลเข้ามาในช่วงอันใกล้นี้
3) จากมุมมองของเราเมื่อวานนี้ที่มองว่าราคาน้ำมันดิบเริ่มอยู่ในบริเวณสูงในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน และมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำได้ทุกเมื่อ รวมถึงปัจจัยภายในเช่นปรากฏการณ์ Sell on fact ในหุ้น PTT หลังจากการแตกพาร์ และ Sentiment เชิงลบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มโรงกลั่น เหล่านี้ล้วนแล้วทำให้กลุ่มพลังงานมี Downside risk ในระยะสั้น จนอาจส่งผลกดดันต่อ SET Index ได้
Theme : สำหรับกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Focus การลงทุนในภาวะที่ Valuation ของตลาดหุ้นโดยรวมอยู่ในระดับสูง ณ ขณะนี้ ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากโครงการ EEC และตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง และเตรียมที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,778 แนวต้าน 1,812
THB : เรากำลังเดินทางเข้าสู่เดือนพฤษภาคมซึ่งมักจะเป็นช่วงเวลาที่เงินบาทปรับตัวอ่อนค่ามากที่สุดของทุกปี โดยหากดูสถิตินับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาพบว่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เงินบาทมักปรับตัวอ่อนค่าเฉลี่ยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 1.7% สูงที่สุดในรอบปี (ดูรูป) ซึ่งสาเหตุสำคัญได้แก่การส่งกลับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ETRON : มองปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้โฟกัสการลงทุนของตลาดในระยะสั้นกลับมายังกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าอย่างเช่นกลุ่มส่งออกได้ ซึ่งเมื่อวานนี้มีหนึ่งปัจจัยบวกที่สำคัญได้แก่ รายงานตัวเลขการส่งออกประจำเดือนมีนาคมที่ออกมาแข็งแกร่งที่ 7% สูงกว่าที่ตลาดคาด โดยหากดูในรายละเอียดจะพบว่าเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่หมวดเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่โตได้ถึง 18% โดยเป็นการเติบโตของแผงวงจรไฟฟ้า (+19%) และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (+28%) เป็นสำคัญ มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA, DELTA) ซึ่งนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไรสามารถ "ซื้อเก็งกำไร" ในช่วง 1 เดือนข้างหน้าได้
กลยุทธ์การลงทุน : เราแนะนำให้นักลงทุนใช้ระดับดัชนีที่ 1800 จุดหรือสูงกว่าในการขายลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เนื่องจากประเมินว่ากรอบแนวต้านของเราที่ 1850 จุดเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นจาก 3 ปัจจัย ดังนี้
1) การถูกปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 109.92 บาทและ 121.20 บาท สำหรับปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ โดยเป็นการปรับลดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลทำให้มูลค่าของหุ้นไทยปรับตัวแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ
2) การปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ของ Bond yield สหรัฐฯ ทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มองเป็นปัจจัยลบในแง่ของ Fund flow ซึ่งคาดว่าคงจะไม่ไหลเข้ามาในช่วงอันใกล้นี้
3) จากมุมมองของเราเมื่อวานนี้ที่มองว่าราคาน้ำมันดิบเริ่มอยู่ในบริเวณสูงในเชิงของปัจจัยพื้นฐาน และมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำได้ทุกเมื่อ รวมถึงปัจจัยภายในเช่นปรากฏการณ์ Sell on fact ในหุ้น PTT หลังจากการแตกพาร์ และ Sentiment เชิงลบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มโรงกลั่น เหล่านี้ล้วนแล้วทำให้กลุ่มพลังงานมี Downside risk ในระยะสั้น จนอาจส่งผลกดดันต่อ SET Index ได้
Theme : สำหรับกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Focus การลงทุนในภาวะที่ Valuation ของตลาดหุ้นโดยรวมอยู่ในระดับสูง ณ ขณะนี้ ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากโครงการ EEC และตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง และเตรียมที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,778 แนวต้าน 1,812
บทวิเคราะห์วันนี้
DTAC (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 50 บาท) ผลประกอบการไตรมาส 1 2018 ออกมาดีกว่าคาด ส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงจาก Cost Cutting Scheme มากกว่าที่คาด แม้ฝั่งรายได้จะต่ำกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย โบนัสคือปิดดีลการเช่าคลื่น 2300 MHz กับ TOT เสร็จเรียบร้อย
Today's Event
Today's Event
GUNKUL XD 0.045 บาท
JMT XD 0.46 บาท
TBSP XD 0.55 บาท
LHBANK เปลี่ยนชื่อย่อเป็น LHFG
PTT เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เดิมจาก 10 บาทเป็น 1 บาท
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
JMT XD 0.46 บาท
TBSP XD 0.55 บาท
LHBANK เปลี่ยนชื่อย่อเป็น LHFG
PTT เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้เดิมจาก 10 บาทเป็น 1 บาท
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO7894
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24-04-18
Market Summary 23/04/2018
Close 1,790.14 Volume Bt63667M
Change -11.14 P/E 18.44
%Change -0.62% P/BV 2.08
หุ้นแนะนำพิเศษ
DTAC (ราคาปิด 49.25 Bloomberg Consensus 51.77 บาท)
เผยลงนามในสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคม และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศระบบ 2300 MHz กับ TOT อย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดให้บริการ 4G LTE-TDD คลื่น 2300 MHz บนแบนด์วิดท์ที่กว้างที่สุดถึง 60 MHz เป็นครั้งแรกในประเทศไทย (ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
ความเห็น ประเด็นดังกล่าวเป็นการปลดล็อคความกังวลต่อความสามารถในการแข่งขันของ DTAC ต่อการเป็นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตปัจจุบันน้อยสุด (คลื่น 1800 MHz กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 16 ก.ย. 61) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่กดดันราคาหุ้นและ Valuation ให้ตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา กล่าวคือ ราคาหุ้นลงในจุดสูงสุดในรอบ 52 weeks กว่า 18% และยังซื้อขาย EV/EBITDA ที่ระดับ 4.8 เท่า ต่ำกว่าผู้ประกอบการอีก 2 ราย ที่ 5.4 และ 8.4 เท่า พร้อมกันนี้ ยังรายงานกำไรสุทธิงวด 1Q61 เติบโตสูงถึง 474%YoY มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง แม้รายได้รวม (ไม่รวม IC) ค่อนข้างทรงตัว แต่ต้นทุนรวมยังลดลงกว่า 7%YoY จากการลดค่าธรรมเนียม USO และ ค่าใช้จ่ายในการขายยังลดลงถึง 22%YoY จากความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยรวมจึงยังแนะนำให้ “ซื้อ” เพื่อติดตาม Time-line การประมูลคลื่นในวันที่ 25 เม.ย. 61 อีกครั้ง (ประชุมคณะกรรมการ กสทช.ชุดรักษาการ)
Market View : ไปไหนไม่ไกล
หุ้นแนะนำพิเศษ : DTAC
หุ้นมีข่าว : SCB JMART PTTEP
Technical Insight : UV NETBAY
ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ อ่อนตัวผันผวนต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยบวก-ลบ ตปท. ที่ไม่หนาแน่นมาก ขณะที่ในประเทศมีแรงกดดันจากการ Sell on fact หลังจากกลุ่ม BANK มีการรายงานงบ 1Q61 ทุกราย และการขายทำกำไรของ ENERG หลังแตก par ของ PTT วันนี้ แต่ยังได้ ETRON มาชดเชยบางส่วนตามค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,790.14 จุด (-11.14 จุด) Volume 6.36 หมื่นลบ. Foreign Net -1,836.95 ลบ. TFEX Net -84 สัญญา ตราสารหนี้ –4,275.85 ลบ.
ความเห็น ประเด็นดังกล่าวเป็นการปลดล็อคความกังวลต่อความสามารถในการแข่งขันของ DTAC ต่อการเป็นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตปัจจุบันน้อยสุด (คลื่น 1800 MHz กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 16 ก.ย. 61) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่กดดันราคาหุ้นและ Valuation ให้ตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา กล่าวคือ ราคาหุ้นลงในจุดสูงสุดในรอบ 52 weeks กว่า 18% และยังซื้อขาย EV/EBITDA ที่ระดับ 4.8 เท่า ต่ำกว่าผู้ประกอบการอีก 2 ราย ที่ 5.4 และ 8.4 เท่า พร้อมกันนี้ ยังรายงานกำไรสุทธิงวด 1Q61 เติบโตสูงถึง 474%YoY มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง แม้รายได้รวม (ไม่รวม IC) ค่อนข้างทรงตัว แต่ต้นทุนรวมยังลดลงกว่า 7%YoY จากการลดค่าธรรมเนียม USO และ ค่าใช้จ่ายในการขายยังลดลงถึง 22%YoY จากความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยรวมจึงยังแนะนำให้ “ซื้อ” เพื่อติดตาม Time-line การประมูลคลื่นในวันที่ 25 เม.ย. 61 อีกครั้ง (ประชุมคณะกรรมการ กสทช.ชุดรักษาการ)
Market View : ไปไหนไม่ไกล
หุ้นแนะนำพิเศษ : DTAC
หุ้นมีข่าว : SCB JMART PTTEP
Technical Insight : UV NETBAY
ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ อ่อนตัวผันผวนต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยบวก-ลบ ตปท. ที่ไม่หนาแน่นมาก ขณะที่ในประเทศมีแรงกดดันจากการ Sell on fact หลังจากกลุ่ม BANK มีการรายงานงบ 1Q61 ทุกราย และการขายทำกำไรของ ENERG หลังแตก par ของ PTT วันนี้ แต่ยังได้ ETRON มาชดเชยบางส่วนตามค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,790.14 จุด (-11.14 จุด) Volume 6.36 หมื่นลบ. Foreign Net -1,836.95 ลบ. TFEX Net -84 สัญญา ตราสารหนี้ –4,275.85 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ น้ำมันดิบขยับขึ้นเนื่องจากความกังวลที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการสู้รบระหว่างซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนนั้น
+ ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมี.ค.
+ ดัชนีรวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน อยู่ที่ 55.2 ในเดือนเม.ย.
+ กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนมี.ค. เติบโต 7.06% 3M61 ส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 11.29%
+สำนักงานอัยการฯไฟเขียวกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ หลังศาลปกครองฯยกฟ้องกรณีสหภาพแรงงานกทพ.คัดค้านตั้งกองทุนฯ พร้อมยื่นไฟลิ่งขายได้หลังเดือนมิ.ย.นี้มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท
- ดาวโจนส์ปิดลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 3%
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 7.02 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.51 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับลง โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดตัวหลังร่วงแรงในวันก่อนหน้า คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,785-1,801 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- MONO วันนี้ครม.จะหารือมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล
- CENTEL ERW จำนวนนักท่องเที่ยวมี.ค. เพิ่ม 16%YoY จีนโต 27%YoY
- กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ HANA DELTA KCE และกลุ่นสินค้าส่งออก GFPT TU XO TFG BR เงินบาทอ่อนค่าสู่ 31.51 บาท/USD
- PSL TTA ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 23%MTD สู่ 1,306 จุด
- PTTEP PTTGC IRPC ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงที่ 68.64 $/bbl
- หุ้นปันผลเด่น QH KKP PDI BAFS GLOW KIAT NYT PL AP
+ น้ำมันดิบขยับขึ้นเนื่องจากความกังวลที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการสู้รบระหว่างซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนนั้น
+ ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมี.ค.
+ ดัชนีรวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน อยู่ที่ 55.2 ในเดือนเม.ย.
+ กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนมี.ค. เติบโต 7.06% 3M61 ส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 11.29%
+สำนักงานอัยการฯไฟเขียวกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ หลังศาลปกครองฯยกฟ้องกรณีสหภาพแรงงานกทพ.คัดค้านตั้งกองทุนฯ พร้อมยื่นไฟลิ่งขายได้หลังเดือนมิ.ย.นี้มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท
- ดาวโจนส์ปิดลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 3%
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 7.02 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.51 บาท/USD
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับลง โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดตัวหลังร่วงแรงในวันก่อนหน้า คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,785-1,801 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- MONO วันนี้ครม.จะหารือมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล
- CENTEL ERW จำนวนนักท่องเที่ยวมี.ค. เพิ่ม 16%YoY จีนโต 27%YoY
- กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ HANA DELTA KCE และกลุ่นสินค้าส่งออก GFPT TU XO TFG BR เงินบาทอ่อนค่าสู่ 31.51 บาท/USD
- PSL TTA ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 23%MTD สู่ 1,306 จุด
- PTTEP PTTGC IRPC ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงที่ 68.64 $/bbl
- หุ้นปันผลเด่น QH KKP PDI BAFS GLOW KIAT NYT PL AP
หุ้นมีข่าว
SCB Analyst Meeting
กำไรสุทธิ 1Q18 เท่ากับ 1.13 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 24%QoQ เนื่องจากคชจ.สำรองหนี้สูญลดลง แต่ลดลง 4.6%%YoY เนื่องจากมีคชจ.ด้านการตลาดที่เป็นไฮซีซั่นในทุกไตรมาสสุดท้ายของปี และการลงทุนด้านด้านเทคโนโลยีดิจิตอล ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเติบตจากธุรกิจต่างประเทศและค่าธรรมจากการให้สินเชื่อ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังดี %NPL ลดลง 3%QoQ หนุน Coverage Ratio ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 142% จาก 134% ณ ปลายปี 60 ด้านสินเชื่อเติบโต 5.7%YoY
ความเห็น เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวในการเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
TMB ประชุมบอร์ดหารือแผนควบรวมกิจการกรุงไทยพรุ่งนี้ (25 เม.ย. 61) เพิ่มขนาดสินทรัพย์ขึ้น 1 ใน 5 แบงก์ใหญ่ ด้านผู้ว่าการแบงก์ชาติออกโรงหนุน มองเป็นจังหวะที่ดี ขยายขนาดแข่งขันแบงก์ต่างประเทศ ด้านฟิทช์หนุนแบงก์อัพไซด์ กุมส่วนแบ่งการตลาด (ที่มา ข่าวหุ้น)
+ JMART เผย JFIN Coin เข้าเทรดตลาดรองครั้งแรก 2 พ.ค.เล็งส่งลงกระดานตปท.ในฮ่องกง-เกาหลีใต้ ผ่านตัวกลางพันธมิตร คือ COIN ASSET ซึ่งเป็นกระดานเทรด Cryptocurrency (ที่มา อินโฟเควสท์)
+ PTTEP ก.พลังงาน เปิดประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะสิ้นอายุสัมปทานในปี 2565-2566 (แหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช) โดยให้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมประมูลในวันนี้ (24 เม.ย.) ตาม TOR การเปิดประมูลระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Product Sharing Contract : PSC) ทั้งนี้ PTTEP จับมือ"โททาลฯ"เข้าประมูลแหล่งบงกช, เจรจา"เชฟรอน"เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นแหล่งเอราวัณ
+ ITD เซ็นรับงาน กฟผ.จ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านเหมืองแม่เมาะสัญญา 9 มูลค่า 3.17 หมื่นลบ.
ECF ขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP 3 ราย 7.9 ล้านหุ้นได้รับเงิน 49.14 ลบ.ใช้เป็นเงินทุนขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์-พลังงาน
กำไรสุทธิ 1Q18 เท่ากับ 1.13 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 24%QoQ เนื่องจากคชจ.สำรองหนี้สูญลดลง แต่ลดลง 4.6%%YoY เนื่องจากมีคชจ.ด้านการตลาดที่เป็นไฮซีซั่นในทุกไตรมาสสุดท้ายของปี และการลงทุนด้านด้านเทคโนโลยีดิจิตอล ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเติบตจากธุรกิจต่างประเทศและค่าธรรมจากการให้สินเชื่อ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังดี %NPL ลดลง 3%QoQ หนุน Coverage Ratio ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 142% จาก 134% ณ ปลายปี 60 ด้านสินเชื่อเติบโต 5.7%YoY
ความเห็น เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวในการเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
TMB ประชุมบอร์ดหารือแผนควบรวมกิจการกรุงไทยพรุ่งนี้ (25 เม.ย. 61) เพิ่มขนาดสินทรัพย์ขึ้น 1 ใน 5 แบงก์ใหญ่ ด้านผู้ว่าการแบงก์ชาติออกโรงหนุน มองเป็นจังหวะที่ดี ขยายขนาดแข่งขันแบงก์ต่างประเทศ ด้านฟิทช์หนุนแบงก์อัพไซด์ กุมส่วนแบ่งการตลาด (ที่มา ข่าวหุ้น)
+ JMART เผย JFIN Coin เข้าเทรดตลาดรองครั้งแรก 2 พ.ค.เล็งส่งลงกระดานตปท.ในฮ่องกง-เกาหลีใต้ ผ่านตัวกลางพันธมิตร คือ COIN ASSET ซึ่งเป็นกระดานเทรด Cryptocurrency (ที่มา อินโฟเควสท์)
+ PTTEP ก.พลังงาน เปิดประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะสิ้นอายุสัมปทานในปี 2565-2566 (แหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช) โดยให้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมประมูลในวันนี้ (24 เม.ย.) ตาม TOR การเปิดประมูลระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Product Sharing Contract : PSC) ทั้งนี้ PTTEP จับมือ"โททาลฯ"เข้าประมูลแหล่งบงกช, เจรจา"เชฟรอน"เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นแหล่งเอราวัณ
+ ITD เซ็นรับงาน กฟผ.จ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านเหมืองแม่เมาะสัญญา 9 มูลค่า 3.17 หมื่นลบ.
ECF ขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP 3 ราย 7.9 ล้านหุ้นได้รับเงิน 49.14 ลบ.ใช้เป็นเงินทุนขยายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์-พลังงาน
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO7895
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO7895