- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 April 2018 16:04
- Hits: 407
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายเด่นนำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, PTTGC และกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC, TRUE ในขณะที่กลุ่มธนาคารเจอกับแรงขายอีกครั้งนำโดย KBANK, BBL, SCB อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มค้าปลีกอย่าง GLOBAL, HMPRO โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,790.1 จุด (-11.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,836 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 84 สัญญา
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายเด่นนำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, PTTGC และกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC, TRUE ในขณะที่กลุ่มธนาคารเจอกับแรงขายอีกครั้งนำโดย KBANK, BBL, SCB อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มค้าปลีกอย่าง GLOBAL, HMPRO โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,790.1 จุด (-11.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,836 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 84 สัญญา
Investment theme
SET เริ่มเจอปัจจัยใน/ต่างประเทศกดดัน : ภายหลังนโยบายความเสี่ยงเริ่มส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มด้วยพรบ.จัดซื้อจัดจ้าง, แรงงานขั้นต่ำ และล่าสุดการปรับสูตรโครงสร้างการกลั่นและปรับลดราคาขายน้ำมันปลีก ส่งผลให้หุ้นกลุ่มก่อสร้าง, โรงกลั่น รวมถึงกลุ่มธนาคารที่ยังมีปัจจัยกดดันในทั้งผลประกอบการที่คาดปรับลดลง QoQ จากค่าธรรมเนียมและ NPL(%) ในส่วน SME ที่ยังเป็นความเสี่ยง โดยความเสี่ยงเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกคลี่คลายและรวมไว้ในประมาณการ เช่น ประเด็นการปรับลงของราคาน้ำมันปลีกหน้าปั๊ม มีโอกาสถูกปรับลงมากกว่า 30 สตางค์ ส่งผลให้มี Downside risk ต่อประมาณการ ทำให้เรามองว่าเบื้องต้น หลายกลุ่มที่ยังคลุมเครือและมีความเสี่ยงเรื่องนโยบาย จะถูกนักลงทุน Underweight ส่งผลให้เหลือกลุ่มให้นักลงทุนสถาบันลงทุนลดลงเรื่อยๆ และสำหรับปัจจัยต่างประเทศ ภายหลังสหรัฐรายงานหลายตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจและผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลเงินเฟ้อมีโอกาสถึง 2.0% เร็วกว่าคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับเร่งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหาก Bond yield 10 ปี ปรับขึ้นสูงกว่า 3.0% เรามองว่ามีโอกาสที่เม็ดเงินบางส่วนจะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียอย่างไต้หวัน,เกาหลี, อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย เบื้องต้นเราคงมุมมองระมัดระวังการลงทุน และถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% ของพอร์ต พร้อมแนะดูส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐ-ประเทศไทย ซึ่งหากสูงกว่าค่าเฉลี่ย 50bps แนะเพิ่มน้ำหนักการถือเงินสด
Investment Theme: แนะทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มรถไฟฟ้า (BTS) และกลุ่มค้าปลีกที่คาดผลประกอบการ 1Q18 เติบโตดีเช่น CPALL และ GLOBAL
SET เริ่มเจอปัจจัยใน/ต่างประเทศกดดัน : ภายหลังนโยบายความเสี่ยงเริ่มส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มด้วยพรบ.จัดซื้อจัดจ้าง, แรงงานขั้นต่ำ และล่าสุดการปรับสูตรโครงสร้างการกลั่นและปรับลดราคาขายน้ำมันปลีก ส่งผลให้หุ้นกลุ่มก่อสร้าง, โรงกลั่น รวมถึงกลุ่มธนาคารที่ยังมีปัจจัยกดดันในทั้งผลประกอบการที่คาดปรับลดลง QoQ จากค่าธรรมเนียมและ NPL(%) ในส่วน SME ที่ยังเป็นความเสี่ยง โดยความเสี่ยงเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกคลี่คลายและรวมไว้ในประมาณการ เช่น ประเด็นการปรับลงของราคาน้ำมันปลีกหน้าปั๊ม มีโอกาสถูกปรับลงมากกว่า 30 สตางค์ ส่งผลให้มี Downside risk ต่อประมาณการ ทำให้เรามองว่าเบื้องต้น หลายกลุ่มที่ยังคลุมเครือและมีความเสี่ยงเรื่องนโยบาย จะถูกนักลงทุน Underweight ส่งผลให้เหลือกลุ่มให้นักลงทุนสถาบันลงทุนลดลงเรื่อยๆ และสำหรับปัจจัยต่างประเทศ ภายหลังสหรัฐรายงานหลายตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจและผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลเงินเฟ้อมีโอกาสถึง 2.0% เร็วกว่าคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับเร่งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหาก Bond yield 10 ปี ปรับขึ้นสูงกว่า 3.0% เรามองว่ามีโอกาสที่เม็ดเงินบางส่วนจะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียอย่างไต้หวัน,เกาหลี, อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย เบื้องต้นเราคงมุมมองระมัดระวังการลงทุน และถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% ของพอร์ต พร้อมแนะดูส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐ-ประเทศไทย ซึ่งหากสูงกว่าค่าเฉลี่ย 50bps แนะเพิ่มน้ำหนักการถือเงินสด
Investment Theme: แนะทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มรถไฟฟ้า (BTS) และกลุ่มค้าปลีกที่คาดผลประกอบการ 1Q18 เติบโตดีเช่น CPALL และ GLOBAL
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคม เติบโต 7.06% โดยสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์, เม็ดพลาสติกเติบโตดี ในขณะที่สินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ภาพรวมไตรมาสหนึ่งเติบโต 11.29% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,956 ล้านเหรียญสหรัฐ / DTAC เซ็นสัญญาให้บริการคลื่น 2300 Mhz กับ TOT
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคม เติบโต 7.06% โดยสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์, เม็ดพลาสติกเติบโตดี ในขณะที่สินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ภาพรวมไตรมาสหนึ่งเติบโต 11.29% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,956 ล้านเหรียญสหรัฐ / DTAC เซ็นสัญญาให้บริการคลื่น 2300 Mhz กับ TOT
Stock pick : GOLD
GOLD : แนะซื้อ ราคาเหมาะสม 12.0 บาท/หุ้น
คาดปี 2018 บริษัทสามารถสร้างรายได้และกำไรทำ Record high ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และคาดเติบโต YoY ถึงปี 2020 เราชอบ GOLD ที่ Asset played และมองว่าเนื่องด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมแนวราบที่เด่นกว่าแนวสูง จะส่งผลให้ GOLD สามารถ Outperform ทั้งในด้านราคาหุ้นและผลประกอบการกลุ่มอสังหาได้
โดยในปีนี้ GOLD มีแผนเปิดโครงการใหม่ 40,000 ล้านบาทและใน 1H18 เปิดไปประมาณ 29% ของเป้าหรือประมาณ 11,500 ล้านบาทแต่สามารถทำ Presales ได้ถึง 45% ของเป้า ถือเป็น Upside ต่อประมาณการ
คาดกำไร 2Q18 เติบโต 45%YoY, -31%QoQ ที่ 424 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน ส่งผลให้คาดกำไร 1H18 จะสูงเป็น 72% ของประมาณการกำไรทั้งปี เปิด Upside ต่อประมาณการเช่นกัน
Trading idea – – เก็งกำไร DTAC (ผลประกอบการออกมาเด่น จาก การลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ Margin ขยายตัว) ถือเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่ม (ADVANC)
GOLD : แนะซื้อ ราคาเหมาะสม 12.0 บาท/หุ้น
คาดปี 2018 บริษัทสามารถสร้างรายได้และกำไรทำ Record high ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และคาดเติบโต YoY ถึงปี 2020 เราชอบ GOLD ที่ Asset played และมองว่าเนื่องด้วยภาพรวมอุตสาหกรรมแนวราบที่เด่นกว่าแนวสูง จะส่งผลให้ GOLD สามารถ Outperform ทั้งในด้านราคาหุ้นและผลประกอบการกลุ่มอสังหาได้
โดยในปีนี้ GOLD มีแผนเปิดโครงการใหม่ 40,000 ล้านบาทและใน 1H18 เปิดไปประมาณ 29% ของเป้าหรือประมาณ 11,500 ล้านบาทแต่สามารถทำ Presales ได้ถึง 45% ของเป้า ถือเป็น Upside ต่อประมาณการ
คาดกำไร 2Q18 เติบโต 45%YoY, -31%QoQ ที่ 424 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน ส่งผลให้คาดกำไร 1H18 จะสูงเป็น 72% ของประมาณการกำไรทั้งปี เปิด Upside ต่อประมาณการเช่นกัน
Trading idea – – เก็งกำไร DTAC (ผลประกอบการออกมาเด่น จาก การลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ Margin ขยายตัว) ถือเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่ม (ADVANC)
Technical View
การพักตัวสร้างฐานในระยะสั้นไม่ควรหลุด 1780: แรงขายทำกำไรระยะสั้นจากหุ้นกลุ่ม Big Cap. ทำให้ดัชนียังไม่สามารถผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ 1800 แต่ขณะนี้ MACD ยังส่งสัญญาณบวก จึงมองว่าดัชนีอาจแกว่งตัวออกข้างเพื่อปรับฐาน ระยะสั้นมองกรอบการแกว่งบริเวณ 1780-1800 หากดัขนีพักตัวไม่หลุด 1780 ยังคาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1820 ยังมองว่าจังหวะอ่อนตัวระหว่างวันเป็นโอกาสสะสมหุ้นที่แนวรับ เพื่อ Trading ในระยะสั้น กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1780-1820 และพิจารณาแรงขายที่ 1800 และ 1820 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน หากไม่หลุด 1780 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Trading
แนวรับ : 1780, 1760 แนวต้าน : 1800, 1820
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: การประชุม ECB 26 เม.ย.
ปัจจัยในประเทศ: -
ปัจจัยต่างประเทศ: การประชุม ECB 26 เม.ย.
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
BDMS (B 23.00-23.20, Tp 24.00//24.50, Cut 22.70)
IVL (B 60.00, Tp 64.00, Cut 59.00)
BDMS (B 23.00-23.20, Tp 24.00//24.50, Cut 22.70)
IVL (B 60.00, Tp 64.00, Cut 59.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO7883
Research Department Tel. 02-658-5000
OO7883