- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 April 2018 20:12
- Hits: 1909
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“สงครามการค้าโอกาสเกิดน้อย แต่ลุ้นต่อเรื่อง
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯ มีโอกาสเดินหน้าต่อ หลังผ่านช่วงวันหยุดยาว กรอบเคลื่อนไหว 1740-1780 จุด ...... แม้จะมีกรณีที่สหรัฐฯโจมตีซีเรียเข้ามา ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนไปตามสถานการณ์นี้ แต่ด้วยมุมมองในทางบวก ต่อ ราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้นต่อ และตลาดรับผลบวกจากสหรัฐฯ-จีน ที่น่าจะมีการเจรจาการค้ากันมากกว่าที่จะเร่งปรับขึ้นภาษี อีกทั้งสหรัฐฯไม่ได้ระบุว่ามีประเทศใดแทรกแซงค่าเงินจนเป็นลบต่อสหรัฐฯด้วย ..... ปัจจัยในประเทศ จะเป็นการรายงานผลกำไรหุ้นธนาคาร ขณะที่แรงซื้อหุ้นกลับหลังลงไปมากในสัปดาห์ก่อน จะเริ่มเบาบางลงเนื่องจากดัชนีฯวิ่งเข้าใกล้ระดับของดัชนีฯก่อนที่จะปรับตัวลง (1760-1780 จุด) แล้ว
กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ : ด้วยปัจจัยลบที่น้อยลงตามลำดับ แต่ upside ของตลาดยังมีไม่มาก การเข้าลงทุนในสัปดาห์นี้ จึงยังต้องกระจุกอยู่ในหุ้นบางกลุ่ม โดยกลุ่มขนาดใหญ่ที่คาดจะเป็นบวกต่อ คือธนาคาร-น้ำมัน-ปิโตรเคมี-ส่งออก หุ้นที่เราแนะนำ ประกอบด้วย KBANK , BBL, TMB , PTTEP*, IVL , KCE และ WICE หุ้นที่มีประเด็นบวก เราสนใจที่ อาลีบาบา จะเข้าพบนายกฯ บวกต่อหุ้นนิคมฯ อย่าง WHA และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมากก่อนหน้านี้ และมีโอกาสที่จะพลิกกลับ คือ BGRIM และ TVO
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: AMATA , PTTEP, ILINK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) IRPC เดินหน้าขยายกำลังผลิตสู่ World Scale
IRPC เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอคณะกรรมการ บริษัทฯ เพื่ออนุมัติแผนการลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่ม 50% หรือราว 2.5 แสนตัน/ปีจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 5 แสนตัน/ปี หลังจากได้มีการทบทวนโครงการใหม่อีกครั้ง พบว่างบลงทุนโครงการ ปรับลดลงจากเดิมที่เคยสูงถึง 400 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ลงมาเหลือ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ลงทุนได้ทั้งนี้บริษัทจะศึกษารายละเอียดโครงการอีกครั้งก่อนเสนอบอร์ดฯ ในกลางปีนี้ หลังจากบอร์ดบริษัทฯ อนุมัติการลงทุนก็จะดำเนินการคัดเลือกเทคโนโลยีและหาผู้รับเหมาโดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 6 เดือน และแล้วเสร็จในปี 2564 บริษัทยังได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ GDP จะประกอบด้วยโครงการ Everest Forever (E4E) โครงการ MARS ที่ลงทุนผลิตอะโรเมติกส์ 1.3 ล้านตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ มีกำลังการผลิตที่เป็น World scale ในระยะยาว โดย IRPC เป็นผู้ประกอบการที่ได้เปรียบผู้ประกอบการอื่นในแง่ของการมีโรงกลั่นต้นทางไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งใช้วัตถุดิบที่เหลือภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงกำลังผลิตที่สูงและหลากหลายทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าIRPC จะมีกำไรปกติปี 2018 เติบโต 17% จากการขึ้นกำลังการผลิต UHV และ PP ในต้นปี 2018 เราประเมินมูลค่าด้วย EV/EBITDA ปี 2018 ที่ 9.0 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 8.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯ มีโอกาสเดินหน้าต่อ หลังผ่านช่วงวันหยุดยาว กรอบเคลื่อนไหว 1740-1780 จุด ...... แม้จะมีกรณีที่สหรัฐฯโจมตีซีเรียเข้ามา ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนไปตามสถานการณ์นี้ แต่ด้วยมุมมองในทางบวก ต่อ ราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้นต่อ และตลาดรับผลบวกจากสหรัฐฯ-จีน ที่น่าจะมีการเจรจาการค้ากันมากกว่าที่จะเร่งปรับขึ้นภาษี อีกทั้งสหรัฐฯไม่ได้ระบุว่ามีประเทศใดแทรกแซงค่าเงินจนเป็นลบต่อสหรัฐฯด้วย ..... ปัจจัยในประเทศ จะเป็นการรายงานผลกำไรหุ้นธนาคาร ขณะที่แรงซื้อหุ้นกลับหลังลงไปมากในสัปดาห์ก่อน จะเริ่มเบาบางลงเนื่องจากดัชนีฯวิ่งเข้าใกล้ระดับของดัชนีฯก่อนที่จะปรับตัวลง (1760-1780 จุด) แล้ว
กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ : ด้วยปัจจัยลบที่น้อยลงตามลำดับ แต่ upside ของตลาดยังมีไม่มาก การเข้าลงทุนในสัปดาห์นี้ จึงยังต้องกระจุกอยู่ในหุ้นบางกลุ่ม โดยกลุ่มขนาดใหญ่ที่คาดจะเป็นบวกต่อ คือธนาคาร-น้ำมัน-ปิโตรเคมี-ส่งออก หุ้นที่เราแนะนำ ประกอบด้วย KBANK , BBL, TMB , PTTEP*, IVL , KCE และ WICE หุ้นที่มีประเด็นบวก เราสนใจที่ อาลีบาบา จะเข้าพบนายกฯ บวกต่อหุ้นนิคมฯ อย่าง WHA และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมากก่อนหน้านี้ และมีโอกาสที่จะพลิกกลับ คือ BGRIM และ TVO
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: AMATA , PTTEP, ILINK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) IRPC เดินหน้าขยายกำลังผลิตสู่ World Scale
IRPC เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอคณะกรรมการ บริษัทฯ เพื่ออนุมัติแผนการลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่ม 50% หรือราว 2.5 แสนตัน/ปีจากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 5 แสนตัน/ปี หลังจากได้มีการทบทวนโครงการใหม่อีกครั้ง พบว่างบลงทุนโครงการ ปรับลดลงจากเดิมที่เคยสูงถึง 400 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ลงมาเหลือ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ลงทุนได้ทั้งนี้บริษัทจะศึกษารายละเอียดโครงการอีกครั้งก่อนเสนอบอร์ดฯ ในกลางปีนี้ หลังจากบอร์ดบริษัทฯ อนุมัติการลงทุนก็จะดำเนินการคัดเลือกเทคโนโลยีและหาผู้รับเหมาโดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี 6 เดือน และแล้วเสร็จในปี 2564 บริษัทยังได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ GDP จะประกอบด้วยโครงการ Everest Forever (E4E) โครงการ MARS ที่ลงทุนผลิตอะโรเมติกส์ 1.3 ล้านตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ มีกำลังการผลิตที่เป็น World scale ในระยะยาว โดย IRPC เป็นผู้ประกอบการที่ได้เปรียบผู้ประกอบการอื่นในแง่ของการมีโรงกลั่นต้นทางไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งใช้วัตถุดิบที่เหลือภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงกำลังผลิตที่สูงและหลากหลายทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าIRPC จะมีกำไรปกติปี 2018 เติบโต 17% จากการขึ้นกำลังการผลิต UHV และ PP ในต้นปี 2018 เราประเมินมูลค่าด้วย EV/EBITDA ปี 2018 ที่ 9.0 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 8.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) TU (ซื้อ/22.00 บาท) 1Q18 อ่อนตัว แต่แนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากต้นทุนปลาที่ถูกลง
เราคาดว่า TU จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 905 ล้านบาท ลดลง 38%YoY และ 35% QoQ จากต้นทุนราคาปลาทูน่าที่สูงที่ 2,033 เหรียญต่อตัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มาจากสต็อกที่ราคาสูงในช่วงปลายปี 2017 รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็ง อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศกลับมาเอื้ออำนวย รวมถึงกองเรือหาปลาที่เพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2018 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี PE ปี 2018 ที่ 17 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 22 บาท แต่เนื่องจากผลประกอบการ 1Q18 จะออกมาไม่ดี จึงให้หาจังหวะซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนมีแนวโน้มลดลง และผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากนี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ”
(+) TU (ซื้อ/22.00 บาท) 1Q18 อ่อนตัว แต่แนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากต้นทุนปลาที่ถูกลง
เราคาดว่า TU จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 905 ล้านบาท ลดลง 38%YoY และ 35% QoQ จากต้นทุนราคาปลาทูน่าที่สูงที่ 2,033 เหรียญต่อตัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มาจากสต็อกที่ราคาสูงในช่วงปลายปี 2017 รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็ง อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศกลับมาเอื้ออำนวย รวมถึงกองเรือหาปลาที่เพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2018 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี PE ปี 2018 ที่ 17 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 22 บาท แต่เนื่องจากผลประกอบการ 1Q18 จะออกมาไม่ดี จึงให้หาจังหวะซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนมีแนวโน้มลดลง และผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากนี้ ให้คำแนะนำ “ซื้อ”
Analysts: Mongkol Puangpetra
OO7841