- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 April 2018 20:09
- Hits: 575
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อและสามารถยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,800 จุดได้ โดยหุ้นในกลุ่มปตท.ยังคงเป็นตัวหนุนหลัก รวมถึงหุ้นในกลุ่มสื่อสารอย่าง TRUE และ ADVANC ที่ปรับขึ้นหลังสนช.คว่ำการเลือกกสทช.ชุดใหม่ นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 2.1 พันลบ. ส่วนแรงซื้อมาจากฝั่งสถาบันในประเทศและบัญชีบล.ราวกลุ่มละ 1 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways พักฐานหลัง Bond Yield สหรัฐฯพุ่งขึ้นแตะ 2.96% สูงสุดในรอบกว่า 4 ปีซึ่งเป็นลบต่อตลาดในแง่ Earning Yield Gap ที่แคบลง ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มชะลอการปรับขึ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำต้องเริ่มระวังแรงขายทำกำไรจากราคาหุ้นปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันล่าสุด โดยเฉพาะ PTT ที่จะเริ่มซื้อขายด้วยพาร์ใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้บ้านเราต้องติดตามตัวเลขดุลการค้าเดือน มี.ค. เราจึงยังมองว่าหุ้นที่ Laggard ตลาดและคาดมีกำไร 1Q18 เติบโตโดดเด่นจะสามารถ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่งและยัง Laggard ตลาด
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,139ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$735ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$69ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$138ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลัง US Bond Yield 10Y ทะยานขึ้น ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EKH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.00 บาท
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 โตสูง 50% Y-Y เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มการแพทย์ ที่ได้ผลดีจากโรคระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนกำไรทั้งปีนี้คาดโต 10% Y-Y อยู่ที่ 92 ลบ. (อ่านรายละเอียดได้จากบทวิเคราะห์กลุ่มการแพทย์วันนี้)
ราคาหุ้นแม้จะเริ่มฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ 1 เดือนที่ผ่านมายัง laggard กลุ่มอยู่ราว 2% และถ้าย้อนไป 1 ปียัง laggard กลุ่มอยู่ถึง 20%
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อและสามารถยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,800 จุดได้ โดยหุ้นในกลุ่มปตท.ยังคงเป็นตัวหนุนหลัก รวมถึงหุ้นในกลุ่มสื่อสารอย่าง TRUE และ ADVANC ที่ปรับขึ้นหลังสนช.คว่ำการเลือกกสทช.ชุดใหม่ นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 2.1 พันลบ. ส่วนแรงซื้อมาจากฝั่งสถาบันในประเทศและบัญชีบล.ราวกลุ่มละ 1 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways พักฐานหลัง Bond Yield สหรัฐฯพุ่งขึ้นแตะ 2.96% สูงสุดในรอบกว่า 4 ปีซึ่งเป็นลบต่อตลาดในแง่ Earning Yield Gap ที่แคบลง ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มชะลอการปรับขึ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำต้องเริ่มระวังแรงขายทำกำไรจากราคาหุ้นปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันล่าสุด โดยเฉพาะ PTT ที่จะเริ่มซื้อขายด้วยพาร์ใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้บ้านเราต้องติดตามตัวเลขดุลการค้าเดือน มี.ค. เราจึงยังมองว่าหุ้นที่ Laggard ตลาดและคาดมีกำไร 1Q18 เติบโตโดดเด่นจะสามารถ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่งและยัง Laggard ตลาด
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,139ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$735ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$69ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$138ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลัง US Bond Yield 10Y ทะยานขึ้น ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EKH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.00 บาท
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 โตสูง 50% Y-Y เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มการแพทย์ ที่ได้ผลดีจากโรคระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนกำไรทั้งปีนี้คาดโต 10% Y-Y อยู่ที่ 92 ลบ. (อ่านรายละเอียดได้จากบทวิเคราะห์กลุ่มการแพทย์วันนี้)
ราคาหุ้นแม้จะเริ่มฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ 1 เดือนที่ผ่านมายัง laggard กลุ่มอยู่ราว 2% และถ้าย้อนไป 1 ปียัง laggard กลุ่มอยู่ถึง 20%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) หุ้นที่คาดว่ากำไร 1Q18 จะออกมาดี จากการเริ่ม Preview ผลประกอบการ 1Q18 ของกลุ่ม Real Sector และบริการ หุ้นที่คาดว่ากำไรจะโตโดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ PTTEP CPALL CENTEL BDMS BH CHG M และ IT ส่วนหุ้นที่คาดว่ากำไรชะลอ Q-Q แต่ยังโตสูง Y-Y คือ ROBINS BJC BCH VIBHA และ EKH
(+) คาดกำไร 1Q18 กลุ่มการแพทย์โดดเด่น คาดกำไรปกติ 1Q18 ของทั้งกลุ่ม +12.1% Q-Q, +17.6% Y-Y อยู่ที่ 4.07 พันลบ. จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นและจำนวนโรคระบาดที่มากกว่าปีก่อนอย่างมีนัยยะ โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทุกกลุ่มลูกค้าทั้งผู้ป่วยไทย รวมถึงผู้ป่วยต่างประเทศที่เติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยว ขณะที่ฝั่งประกันสังคมยังได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มการจ่ายเงินตั้งแต่กลางปีก่อน เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพกำไรปกติทั้งปี 2018 ที่คาดว่าจะเติบโตเร่งตัวขึ้นเป็น +12.5% Y-Y หลังจากที่โตเพียง +2.6% Y-Y ในปีที่ผ่านมา เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเลือก Top Pick เป็น BDMS และ EKH
(+) PTTEP รมว.พลังงานเตรียมเสนอ TOR ประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณเข้ากพช.วันนี้ หากที่ประชุมอนุมัติ จะออกประกาศเชิญชวนประมูลในวันถัดมา (24 เม.ย.) ให้น้ำหนักไปที่ราคาก๊าซฯต้องถูกและส่วนแบ่งกำไรที่จะให้รัฐต้องสมเหตุสมผล PTTEP ได้เปรียบเพราะอยู่ในพื้นที่มานาน มีความชำนาญ และต้นทุนต่ำ
(+) BJC แนวโน้มกำไรปกติ 1Q18 จะ -29.5% Q-Q จากผลของฤดูกาล แต่คาดจะ +36.2% Y-Y จากทั้งธุรกิจ Retail Packaging และ Consumer แม้คาด SSSG ของ BIGC ทำได้เพียงทรงตัว Y-Y แต่ด้วยผลของการเปิดสาขาใหม่และมาร์จิ้นที่ยังดีต่อเนื่อง จะทำให้กำไรของธุรกิจ Retail ยังเติบโตได้ รวมถึงคาดอัตราภาษีจ่ายในไตรมาสนี้น่าจะทยอยลดลงจากปีก่อน และคาดแนวโน้มกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญใน 2H18 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ +26% Y-Y เป็น 6.57 พันลบ. คงราคาเป้าหมายที่ 61 บาท แนะนำถือ
(-) GFPT แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ไม่สดใสคาดลดลงมากทั้ง Q-Q และ Y-Y อาจเป็นกำไรต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส จากราคาชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่อ่อนแอ ขณะที่ McKey ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แม้เรามองว่ากำไร 1Q18 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะกลับมาฟื้นตัวได้ใน 3Q18 ซึ่งเป็น High Season ของการส่งออก แต่ด้วยกำไร 1Q18 ที่อ่อนแอ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ลง 22% และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 14 บาท จากเดิม 18 บาท แนะนำเป็น ถือ
(+) MGT คาดกำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 14 ลบ. +5% Q-Q, +19% Y-Y จาก High Season และบาทแข็ง อีกทั้ง โครงสร้างตลาดโลกที่เป็นอุปสงค์ส่วนเกินยังทำให้ราคาขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ส่วนกำไรทั้งปีเราคาด +25% Y-Y อยู่ที่ 59 ลบ. ราคาตอนนี้คิดเป็น PE2018 เพียง 16 เท่า ต่ำกว่า Megachem Ltd. ที่สิงคโปร์ที่ 20 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท
(+) หุ้นที่คาดว่ากำไร 1Q18 จะออกมาดี จากการเริ่ม Preview ผลประกอบการ 1Q18 ของกลุ่ม Real Sector และบริการ หุ้นที่คาดว่ากำไรจะโตโดเด่นทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ PTTEP CPALL CENTEL BDMS BH CHG M และ IT ส่วนหุ้นที่คาดว่ากำไรชะลอ Q-Q แต่ยังโตสูง Y-Y คือ ROBINS BJC BCH VIBHA และ EKH
(+) คาดกำไร 1Q18 กลุ่มการแพทย์โดดเด่น คาดกำไรปกติ 1Q18 ของทั้งกลุ่ม +12.1% Q-Q, +17.6% Y-Y อยู่ที่ 4.07 พันลบ. จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นและจำนวนโรคระบาดที่มากกว่าปีก่อนอย่างมีนัยยะ โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทุกกลุ่มลูกค้าทั้งผู้ป่วยไทย รวมถึงผู้ป่วยต่างประเทศที่เติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยว ขณะที่ฝั่งประกันสังคมยังได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มการจ่ายเงินตั้งแต่กลางปีก่อน เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพกำไรปกติทั้งปี 2018 ที่คาดว่าจะเติบโตเร่งตัวขึ้นเป็น +12.5% Y-Y หลังจากที่โตเพียง +2.6% Y-Y ในปีที่ผ่านมา เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเลือก Top Pick เป็น BDMS และ EKH
(+) PTTEP รมว.พลังงานเตรียมเสนอ TOR ประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณเข้ากพช.วันนี้ หากที่ประชุมอนุมัติ จะออกประกาศเชิญชวนประมูลในวันถัดมา (24 เม.ย.) ให้น้ำหนักไปที่ราคาก๊าซฯต้องถูกและส่วนแบ่งกำไรที่จะให้รัฐต้องสมเหตุสมผล PTTEP ได้เปรียบเพราะอยู่ในพื้นที่มานาน มีความชำนาญ และต้นทุนต่ำ
(+) BJC แนวโน้มกำไรปกติ 1Q18 จะ -29.5% Q-Q จากผลของฤดูกาล แต่คาดจะ +36.2% Y-Y จากทั้งธุรกิจ Retail Packaging และ Consumer แม้คาด SSSG ของ BIGC ทำได้เพียงทรงตัว Y-Y แต่ด้วยผลของการเปิดสาขาใหม่และมาร์จิ้นที่ยังดีต่อเนื่อง จะทำให้กำไรของธุรกิจ Retail ยังเติบโตได้ รวมถึงคาดอัตราภาษีจ่ายในไตรมาสนี้น่าจะทยอยลดลงจากปีก่อน และคาดแนวโน้มกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญใน 2H18 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ +26% Y-Y เป็น 6.57 พันลบ. คงราคาเป้าหมายที่ 61 บาท แนะนำถือ
(-) GFPT แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ไม่สดใสคาดลดลงมากทั้ง Q-Q และ Y-Y อาจเป็นกำไรต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส จากราคาชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่อ่อนแอ ขณะที่ McKey ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แม้เรามองว่ากำไร 1Q18 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะกลับมาฟื้นตัวได้ใน 3Q18 ซึ่งเป็น High Season ของการส่งออก แต่ด้วยกำไร 1Q18 ที่อ่อนแอ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ลง 22% และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 14 บาท จากเดิม 18 บาท แนะนำเป็น ถือ
(+) MGT คาดกำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 14 ลบ. +5% Q-Q, +19% Y-Y จาก High Season และบาทแข็ง อีกทั้ง โครงสร้างตลาดโลกที่เป็นอุปสงค์ส่วนเกินยังทำให้ราคาขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ส่วนกำไรทั้งปีเราคาด +25% Y-Y อยู่ที่ 59 ลบ. ราคาตอนนี้คิดเป็น PE2018 เพียง 16 เท่า ต่ำกว่า Megachem Ltd. ที่สิงคโปร์ที่ 20 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 เม.ย.- ไทย: ดุลการค้า (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (เม.ย.)
- สหรัฐฯ: Flash PMI ภาคการผลิต (เม.ย.), ยอดขายบ้านมือสอง (มี.ค.)
24 เม.ย.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
26 เม.ย.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
27 เม.ย.- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 1)
- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวลดลงหลังจากความกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.96%
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าค่าเงินที่อ่อนค่าลงและการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยของอังกฤษจะเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจ แต่ตลาดก็ยังคงกังวลถึงผลประกอบการในอนาคตที่อาจชะลอตัวลง
(0) ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในแต่ละประเทศ เช่น Quarterly Outlook ในจีน, นโยบายอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่น และตัวเลขเงินเฟ้อในออสเตรเลีย
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.30-31.40 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.09 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.38 ดอลลาร์/บาเรลล์ แม้ว่าราคาจะร่วงลงแรงระหว่างวันหลังปธ.ทรัมป์ได้ออกมาพูดโจมตีกลุ่มโอเปคที่พยายามจะดันราคาขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 10.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,338.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
23 เม.ย.- ไทย: ดุลการค้า (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (เม.ย.)
- สหรัฐฯ: Flash PMI ภาคการผลิต (เม.ย.), ยอดขายบ้านมือสอง (มี.ค.)
24 เม.ย.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
26 เม.ย.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
27 เม.ย.- สหรัฐฯ: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 1)
- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวลดลงหลังจากความกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.96%
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าค่าเงินที่อ่อนค่าลงและการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยของอังกฤษจะเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจ แต่ตลาดก็ยังคงกังวลถึงผลประกอบการในอนาคตที่อาจชะลอตัวลง
(0) ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในแต่ละประเทศ เช่น Quarterly Outlook ในจีน, นโยบายอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่น และตัวเลขเงินเฟ้อในออสเตรเลีย
() ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.30-31.40 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.09 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.38 ดอลลาร์/บาเรลล์ แม้ว่าราคาจะร่วงลงแรงระหว่างวันหลังปธ.ทรัมป์ได้ออกมาพูดโจมตีกลุ่มโอเปคที่พยายามจะดันราคาขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 10.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,338.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO7837