- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 April 2018 18:01
- Hits: 1712
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“คาดแรงบวกเริ่มแผ่วตามราคาน้ำมัน”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
คาดดัชนีฯวิ่งกรอบ sideway หลังหุ้นพลังงานกระชากดัชนีฯบวกถึง 21 จุดวานนี้ .... ราคาน้ำมันดิบเช้านี้ที่ทรงตัว (WTI $68) น่าจะทำให้ดัชนีฯเดินหน้าต่อได้ไม่แรงนัก ตลาดต่างประเทศเริ่มกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นมามาก (Bloomberg World Index +2% Ytd) กอรปกับ ตลาดต่างประเทศมีประเด็นในเรื่อง การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี่ สหรัฐฯจะมีการออกมาตรการคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยี่ของจีนในสหรัฐฯ (คาดจะประกาศอย่างเป็นทางการ 21 พ.ค.) ..... ปัจจัยในประเทศ สนช.โหวตล้ม กสทช.ชุดใหม่ เป็นลบต่อหุ้นโทรศัพท์-ทิวีดิจิตอล แต่ไม่น่ามีนัยยะ และวันนี้ จะมีการรายงานของงบธนาคารส่วนที่เหลือ ดูความเห็นโดยรวมของนักวิเคราะห์ต่อทิศทางว่าจะผลการดำเนินงานของหุ้นธนาคารจะเป็นอย่างไร
กลยุทธ์การลงทุน:
คาดตลาดจะมีแรงบวกน้อยลง และไปขึ้นราคาหุ้นน้ำมัน-ธนาคาร ...กลยุทธ์ลงทุน ยังต้องซื้อแบบเลือกกลุ่มเลือกตัว เราให้น้ำหนักกับ กลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี-ธนาคารบางแห่ง หุ้นที่เราแนะนำลงทุนช่วงสั้นๆ ได้แก่ PTTEP* โดยมีเป้าหมายในเชิงกลยุทธ์ที่ 140 บาท รวมทั้ง หุ้น IVL และ TISCO ขณะที่หุ้นมีประเด็นตัวอื่นๆ เราแนะนำ WHA GULF EA* และ UTP
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: MEGA, PSL, EPG
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) GULF : (ราคาปิด 67 บาท)
ประเมินกำไร GULF ไตรมาส 1/2561 มีโอกาสเห็น 1,450 ล้านบาท หรือกว่านั้น ซึ่งน่าจะสูงกว่ากำไรที่นักวิเคราะห์มีการประเมินกัน หลัง COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 2 โรง ดันกำลังผลิตโต 8% แถมรับอานิสงส์บาทแข็งค่า ชี้อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น ทยอย COD อีกเพียบใน 7 ปีข้างหน้า พร้อมเจรจาลงทุนโครงการใหม่อีก .... ราคาเหมาะสม โดย KTBST ที่ 80 บาท
(+) EA*: (ราคาปิด 37 บาท)
ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก และวันนี้ ผู้บริหารออกมาให้ข่าว การันตีโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม-ไฟฟ้าพลังงานลมไร้ปัญหา! มั่นใจทุกโครงการได้ต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐตามปกติ พร้อมลุ้นงบไตรมาส 1/2561 แจ่ม! จ่อฟันกำไรพุ่งทะลุ 1 พันล้านบาท
(+) WHA: (ราคาปิด 3.90 บาท)
อาลีบาบา จะพบนายกรัฐมนตรี และลงนามเอ็มโอยูลงทุนไทย 4 ฉบับ ....... “บีโอไอ” เผยยอดส่งเสริมลงทุนไตรมาสแรกสนั่น 333 โครงการ มูลค่ารวมทะลัก 2 แสนล้านบาท “ปิโตรเคมี-ท่องเที่ยว-ยานยนต์” บวกต่อกลุ่มนิคมฯ โดยตรง …. ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 5.00 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(0) BBL (ซื้อ/211 บาท) กำไรสุทธิ 1Q18 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
BBL ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 ออกมาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 6% QoQ เป็นไปตามทีเราและตลาดคาดไว้ โดยการเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ มาจากกำไรจากเงินลงทุนที่เข้ามาเยอะมากราว 3.5 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีเพียง 1 พันล้านบาท ขณะที่ NIM ทรงตัวที่ 2.3% ส่วนการตั้งสำรองฯมีการตั้งเพิ่มขึ้นถึง 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 59% QoQ เราคาดว่า น่าจะเป็นการตั้งเผื่อไว้สำหรับ TFRS9 ในส่วนของ NPL มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.82% จากไตรมาสก่อนที่ 3.92% เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (+7% YoY) ขณะที่เราเชื่อว่า BBL จะมีการทยอยขายพอร์ตเงินลงทุนออกมาเพื่อรับรู้กำไรในงบกำไรขาดทุนก่อนที่จะมีการเริ่มใช้ TFRS9 คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 211 บาท (อิง P/BV ปี 2018 ที่ 0.95x เทียบเท่าค่าเฉลี่ย SD ย้อนหลัง 5 ปี)
“คาดแรงบวกเริ่มแผ่วตามราคาน้ำมัน”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
คาดดัชนีฯวิ่งกรอบ sideway หลังหุ้นพลังงานกระชากดัชนีฯบวกถึง 21 จุดวานนี้ .... ราคาน้ำมันดิบเช้านี้ที่ทรงตัว (WTI $68) น่าจะทำให้ดัชนีฯเดินหน้าต่อได้ไม่แรงนัก ตลาดต่างประเทศเริ่มกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นมามาก (Bloomberg World Index +2% Ytd) กอรปกับ ตลาดต่างประเทศมีประเด็นในเรื่อง การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี่ สหรัฐฯจะมีการออกมาตรการคุมการลงทุนด้านเทคโนโลยี่ของจีนในสหรัฐฯ (คาดจะประกาศอย่างเป็นทางการ 21 พ.ค.) ..... ปัจจัยในประเทศ สนช.โหวตล้ม กสทช.ชุดใหม่ เป็นลบต่อหุ้นโทรศัพท์-ทิวีดิจิตอล แต่ไม่น่ามีนัยยะ และวันนี้ จะมีการรายงานของงบธนาคารส่วนที่เหลือ ดูความเห็นโดยรวมของนักวิเคราะห์ต่อทิศทางว่าจะผลการดำเนินงานของหุ้นธนาคารจะเป็นอย่างไร
กลยุทธ์การลงทุน:
คาดตลาดจะมีแรงบวกน้อยลง และไปขึ้นราคาหุ้นน้ำมัน-ธนาคาร ...กลยุทธ์ลงทุน ยังต้องซื้อแบบเลือกกลุ่มเลือกตัว เราให้น้ำหนักกับ กลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี-ธนาคารบางแห่ง หุ้นที่เราแนะนำลงทุนช่วงสั้นๆ ได้แก่ PTTEP* โดยมีเป้าหมายในเชิงกลยุทธ์ที่ 140 บาท รวมทั้ง หุ้น IVL และ TISCO ขณะที่หุ้นมีประเด็นตัวอื่นๆ เราแนะนำ WHA GULF EA* และ UTP
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: MEGA, PSL, EPG
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) GULF : (ราคาปิด 67 บาท)
ประเมินกำไร GULF ไตรมาส 1/2561 มีโอกาสเห็น 1,450 ล้านบาท หรือกว่านั้น ซึ่งน่าจะสูงกว่ากำไรที่นักวิเคราะห์มีการประเมินกัน หลัง COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 2 โรง ดันกำลังผลิตโต 8% แถมรับอานิสงส์บาทแข็งค่า ชี้อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น ทยอย COD อีกเพียบใน 7 ปีข้างหน้า พร้อมเจรจาลงทุนโครงการใหม่อีก .... ราคาเหมาะสม โดย KTBST ที่ 80 บาท
(+) EA*: (ราคาปิด 37 บาท)
ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก และวันนี้ ผู้บริหารออกมาให้ข่าว การันตีโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม-ไฟฟ้าพลังงานลมไร้ปัญหา! มั่นใจทุกโครงการได้ต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐตามปกติ พร้อมลุ้นงบไตรมาส 1/2561 แจ่ม! จ่อฟันกำไรพุ่งทะลุ 1 พันล้านบาท
(+) WHA: (ราคาปิด 3.90 บาท)
อาลีบาบา จะพบนายกรัฐมนตรี และลงนามเอ็มโอยูลงทุนไทย 4 ฉบับ ....... “บีโอไอ” เผยยอดส่งเสริมลงทุนไตรมาสแรกสนั่น 333 โครงการ มูลค่ารวมทะลัก 2 แสนล้านบาท “ปิโตรเคมี-ท่องเที่ยว-ยานยนต์” บวกต่อกลุ่มนิคมฯ โดยตรง …. ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 5.00 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(0) BBL (ซื้อ/211 บาท) กำไรสุทธิ 1Q18 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
BBL ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 ออกมาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 6% QoQ เป็นไปตามทีเราและตลาดคาดไว้ โดยการเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ มาจากกำไรจากเงินลงทุนที่เข้ามาเยอะมากราว 3.5 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีเพียง 1 พันล้านบาท ขณะที่ NIM ทรงตัวที่ 2.3% ส่วนการตั้งสำรองฯมีการตั้งเพิ่มขึ้นถึง 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 59% QoQ เราคาดว่า น่าจะเป็นการตั้งเผื่อไว้สำหรับ TFRS9 ในส่วนของ NPL มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.82% จากไตรมาสก่อนที่ 3.92% เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (+7% YoY) ขณะที่เราเชื่อว่า BBL จะมีการทยอยขายพอร์ตเงินลงทุนออกมาเพื่อรับรู้กำไรในงบกำไรขาดทุนก่อนที่จะมีการเริ่มใช้ TFRS9 คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 211 บาท (อิง P/BV ปี 2018 ที่ 0.95x เทียบเท่าค่าเฉลี่ย SD ย้อนหลัง 5 ปี)
(+) HMPRO (ซื้อ/15.50 บาท) การบริโภคมีแนวโน้มดีใน 1Q18
เราคาดว่า HMPRO จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 1.2 พันล้านบาท +16.6% YoY, -20% QoQ เนื่องจากฐานทีต่ำใน 1Q17 ขณะที่ใน 1Q18 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมีแนวโน้มดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน มี.ค. 2018 เท่ากับ 79.9 เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 79.3 รวมถึงภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เติบโต แม้ว่าอาจจะลดลง QoQ จากช่วงปลายปีเพราะปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปี 2018 เติบโต 12% จากการบริโภคที่ยังโตต่อเนื่องรวมถึงการขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย เราประเมินมูลค่า โดยอิง DCF จาก WACC ที่ 7.6% และ terminal growth 3% ได้ราคาเหมาะสมที่ 15.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
เราคาดว่า HMPRO จะรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 1.2 พันล้านบาท +16.6% YoY, -20% QoQ เนื่องจากฐานทีต่ำใน 1Q17 ขณะที่ใน 1Q18 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังมีแนวโน้มดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน มี.ค. 2018 เท่ากับ 79.9 เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 79.3 รวมถึงภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เติบโต แม้ว่าอาจจะลดลง QoQ จากช่วงปลายปีเพราะปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปี 2018 เติบโต 12% จากการบริโภคที่ยังโตต่อเนื่องรวมถึงการขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย เราประเมินมูลค่า โดยอิง DCF จาก WACC ที่ 7.6% และ terminal growth 3% ได้ราคาเหมาะสมที่ 15.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) KBANK (ถือ/206 บาท) กำไรสุทธิ 1Q18 ดีกว่าที่เราและตลาดคาด
KBANK ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 89% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 9% และ 11% ตามลำดับ จากการกลับมาตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญที่ต่ำกว่าคาด โดยตั้งเพียง 7.8 พันล้านบาท ลดลง 14% YoY และ 33% QoQ ประกอบกับ มีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 5% YoY และ 2% QoQ จากธุรกิจกองทุนรวมและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ โดยสินเชื่อใน 1Q18 เพิ่มขึ้นได้ถึง 2.1% YTD หลักๆมาจากสินเชื่อรายใหญ่ ขณะที่ NPL ทรงตัวได้ที่ 3.3% ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1Q18 คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปีของเรา ซึ่งเรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหลังจาก 1Q18 มีการตั้งสำรองฯที่ต่ำกว่าคาด โดยรอการประชุมเช้านี้ เบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 206 บาท อิง PBV ที่ 1.31x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี
KBANK ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 89% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 9% และ 11% ตามลำดับ จากการกลับมาตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญที่ต่ำกว่าคาด โดยตั้งเพียง 7.8 พันล้านบาท ลดลง 14% YoY และ 33% QoQ ประกอบกับ มีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 5% YoY และ 2% QoQ จากธุรกิจกองทุนรวมและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ โดยสินเชื่อใน 1Q18 เพิ่มขึ้นได้ถึง 2.1% YTD หลักๆมาจากสินเชื่อรายใหญ่ ขณะที่ NPL ทรงตัวได้ที่ 3.3% ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1Q18 คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปีของเรา ซึ่งเรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหลังจาก 1Q18 มีการตั้งสำรองฯที่ต่ำกว่าคาด โดยรอการประชุมเช้านี้ เบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 206 บาท อิง PBV ที่ 1.31x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี
(+) LHBANK (ซื้อ/1.82 บาท) กำไรสุทธิ 1Q18 ดีกว่าที่เราคาดไว้
LHBANK ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YoY และ 6% QoQ มากกว่าที่เราคาดไว้ 18% เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนที่เข้ามาเยอะมากถึง 246 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีเพียง 58 ล้านบาท จากการขายเงินลงุทนใน property fund ขณะที่ NIM มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.13% จาก 2.31% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่เริ่มทำ Inter Finance ซึ่งมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่า โดยเราคาดว่า NIM ในไตรมาสนี้น่าจะเป็นจุด bottom ของปีนี้ ขณะที่เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2.76 พันล้านบาท (+6% YoY) โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนในระยะยาว เพื่อรอ synergy ที่จะมีจาก CTBC ซึ่งจะเริ่มเห็นผลช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ราคาเป้าหมายที่ 1.82 บาท อิง PBV ที่ 0.95x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี
LHBANK ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YoY และ 6% QoQ มากกว่าที่เราคาดไว้ 18% เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนที่เข้ามาเยอะมากถึง 246 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีเพียง 58 ล้านบาท จากการขายเงินลงุทนใน property fund ขณะที่ NIM มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.13% จาก 2.31% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่เริ่มทำ Inter Finance ซึ่งมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่า โดยเราคาดว่า NIM ในไตรมาสนี้น่าจะเป็นจุด bottom ของปีนี้ ขณะที่เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2.76 พันล้านบาท (+6% YoY) โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนในระยะยาว เพื่อรอ synergy ที่จะมีจาก CTBC ซึ่งจะเริ่มเห็นผลช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป ราคาเป้าหมายที่ 1.82 บาท อิง PBV ที่ 0.95x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี
(+) RJH (ซื้อ/37.00 บาท) คาดกำไรปกติใน 1Q18 เติบโต 37% YoY และ 8% QoQ
คาดกำไรสุทธิของ RJH ใน 1Q18 จะออกมาที่ 61 ล้านบาท เติบโต 2% YoY และ 8% QoQ กำไรปกติใน 1Q18 จะเติบโตโดดเด่นที่ 37% YoY และ 8% QoQ เนื่องจาก 1Q17 มีกำไรพิเศษจากผลประโยชน์ทางภาษีของโรงพยาบาลราชธานีโรจนะ (บ.ย่อย) โดยการเติบโตของกำไรปกติมาจาก 1) รายได้ผู้ป่วยทุกประเภทมีการเติบโตโดดเด่น จากโรคระบาด และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น จากการปรับค่าบริการของประกันสังคม โดยเราได้ปรับกำไรสุทธิปี 2019 ขึ้น 11% มาอยู่ที่ 295 ล้านบาท เติบโต 13% YoY จากการปรับรายได้ผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไข้เงินสดในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตดีมาก และจำนวนเคส MRI ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเตียงคนไข้อีก 39 เตียงในช่วง 3Q18 นี้ด้วย ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ RJH ที่ราคาเป้าหมาย DCF 37.00 บาท
คาดกำไรสุทธิของ RJH ใน 1Q18 จะออกมาที่ 61 ล้านบาท เติบโต 2% YoY และ 8% QoQ กำไรปกติใน 1Q18 จะเติบโตโดดเด่นที่ 37% YoY และ 8% QoQ เนื่องจาก 1Q17 มีกำไรพิเศษจากผลประโยชน์ทางภาษีของโรงพยาบาลราชธานีโรจนะ (บ.ย่อย) โดยการเติบโตของกำไรปกติมาจาก 1) รายได้ผู้ป่วยทุกประเภทมีการเติบโตโดดเด่น จากโรคระบาด และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น จากการปรับค่าบริการของประกันสังคม โดยเราได้ปรับกำไรสุทธิปี 2019 ขึ้น 11% มาอยู่ที่ 295 ล้านบาท เติบโต 13% YoY จากการปรับรายได้ผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไข้เงินสดในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตดีมาก และจำนวนเคส MRI ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเตียงคนไข้อีก 39 เตียงในช่วง 3Q18 นี้ด้วย ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ RJH ที่ราคาเป้าหมาย DCF 37.00 บาท
(+) SCB (ถือ/148 บาท) กำไรสุทธิใน 1Q18 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้
SCB ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 5% และ 9% ตามลำดับ จากการตั้งสำรองฯที่น้อยกว่าคาด โดยกำไรสุทธิปรับตัวลดลง YoY จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในส่วนของการตลาดและการลงทุนในระบบ IT ที่เพิ่มขึ้น 15% YoY นอกจากนี้ NIM ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.19% จาก 3.25% ใน 1Q17 จากปล่อยสินเชื่อรายใหญ่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการเติบโต QoQ มาจากการตั้งสำรองฯลดลง 33% QoQ ขณะที่ภาพรวมของ NPL มีการปรับตัวลดลงได้ดีมาอยู่ที่ 2.77% จาก 2.83% ใน 4Q17 โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ไว้ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และยังคงแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 148 บาท อิง PBV ที่ 1.30x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี เพราะการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ในระดับต่ำ
SCB ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 5% และ 9% ตามลำดับ จากการตั้งสำรองฯที่น้อยกว่าคาด โดยกำไรสุทธิปรับตัวลดลง YoY จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในส่วนของการตลาดและการลงทุนในระบบ IT ที่เพิ่มขึ้น 15% YoY นอกจากนี้ NIM ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.19% จาก 3.25% ใน 1Q17 จากปล่อยสินเชื่อรายใหญ่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการเติบโต QoQ มาจากการตั้งสำรองฯลดลง 33% QoQ ขณะที่ภาพรวมของ NPL มีการปรับตัวลดลงได้ดีมาอยู่ที่ 2.77% จาก 2.83% ใน 4Q17 โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ไว้ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และยังคงแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 148 บาท อิง PBV ที่ 1.30x เทียบเท่า -1SD ย้อนหลัง 5 ปี เพราะการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ในระดับต่ำ
(+) TCAP (ซื้อ/53.25 บาท) กำไรสุทธิ 1Q18 มากกว่าที่เราและตลาดคาด
TCAP ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY แต่ลดลง 2% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 11% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตได้ดีเกินคาด โดยเติบไตได้ถึง 18% YoY จากธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึง Banassurance นอกจากนี้ NIM ยังเติบโตได้ดีที่ 3.08% จาก 3.01% ใน 1Q17 เพราะมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นถึง 16.4% ส่วนภาพรวมของ NPL มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.48% จาก 2.40% ในไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบ้าน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 และยังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 53.25 บาท อิง P/BV ปี 2018 ที่ 0.95x เทียบเท่า +1SD ย้อนหลัง 5 ปี เนื่องจากการเติบโตของกำไรในปี 2018 จะเติบโตได้น้อยลงเหลือเพียง 2% YoY จากฐานภาษีที่สูงขึ้นในช่วง 2H18
TCAP ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q18 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY แต่ลดลง 2% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 11% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตได้ดีเกินคาด โดยเติบไตได้ถึง 18% YoY จากธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึง Banassurance นอกจากนี้ NIM ยังเติบโตได้ดีที่ 3.08% จาก 3.01% ใน 1Q17 เพราะมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นถึง 16.4% ส่วนภาพรวมของ NPL มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.48% จาก 2.40% ในไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบ้าน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 และยังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 53.25 บาท อิง P/BV ปี 2018 ที่ 0.95x เทียบเท่า +1SD ย้อนหลัง 5 ปี เนื่องจากการเติบโตของกำไรในปี 2018 จะเติบโตได้น้อยลงเหลือเพียง 2% YoY จากฐานภาษีที่สูงขึ้นในช่วง 2H18
(+) THANI (ซื้อ/9.00 บาท) ปรับประมาณการเพิ่มจากการขยายตัวสินเชื่อที่มากกว่าคาด
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 364 ล้านบาท ขยายตัว 48% YoY และ 14% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาด 8% จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด โดยบริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินเข้าสู่ระดับ 2.5% กอปรกับการปรับตัวลงของ Cost-to-income ที่ 18% ในขณะที่สินเชื่อสุทธิของบริษัทยังคงขยายตัวสูงถึง 6.5%YTD ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% (+36%YoY) จากการขยายตัวของสินเชื่อใน 1Q18 ที่มากกว่าคาด และเรามองว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีความต้องการใช้รถบรรทุกเพิ่มขึ้น ในขณะที่เราได้ปรับลดต้นทุนทางเงินลดลงเล็กน้อย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 9.00 บาท (อิง PBV 3.7x) จากเดิม 8.20 บาท (อิง PBV 3.4x) จากการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง โดยกำไรสุทธิปี 2018-2020 ยังขยายตัวคิดเป็น CAGR เฉลี่ยที่ 19%
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
OO7781
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 364 ล้านบาท ขยายตัว 48% YoY และ 14% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาด 8% จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด โดยบริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินเข้าสู่ระดับ 2.5% กอปรกับการปรับตัวลงของ Cost-to-income ที่ 18% ในขณะที่สินเชื่อสุทธิของบริษัทยังคงขยายตัวสูงถึง 6.5%YTD ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% (+36%YoY) จากการขยายตัวของสินเชื่อใน 1Q18 ที่มากกว่าคาด และเรามองว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีความต้องการใช้รถบรรทุกเพิ่มขึ้น ในขณะที่เราได้ปรับลดต้นทุนทางเงินลดลงเล็กน้อย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 9.00 บาท (อิง PBV 3.7x) จากเดิม 8.20 บาท (อิง PBV 3.4x) จากการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง โดยกำไรสุทธิปี 2018-2020 ยังขยายตัวคิดเป็น CAGR เฉลี่ยที่ 19%
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
OO7781