- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 March 2018 17:46
- Hits: 3224
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับหลุดแนวรับ 1,780 โดยมีแรงขายเด่นในกลุ่มธนาคารอย่าง TMB, KBANK, BBL, KTB และกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, BANPU และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP, SPRC, BCP, IRPC อย่างไรก็ตามเห็นแรงซื้อในกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS, BH และรถไฟฟ้า BTS, BEM ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,766.9 จุด (-18.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติลกลับมาขายหุ้นไทยที่ 1,698 ล้านบาท และเปิด Short SET50 index future ที่ 26,529 สัญญา
Investment theme
Policy Risk ส่งผลตลาดหุ้นผันผวน: จบไปแล้วสำหรับการลงทุนไตรมาสหนึ่ง โดยภาพรวมตลาดมีความผันผวนสูงจากประเด็นความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ตาม SET (QTD) ปรับตัวขึ้นประมาณ 13 จุด (+0.7%) ถือว่า Outperform เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย -3.4%, ฟิลิปปินส์ -6.8%, จีน -3.2% มาเลเซีย +3.5% , MSCI Asia pac Ex.Jap -1.4% รัสเซีย +8.3%, DJ,-3.5% ส่วนหนึ่งเกิดจากประเทศไทย, มาเลเซีย,รัสเซีย (กลุ่มพลังงานมีสัดส่วนสูง) ได้ผลบวกจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลก โดยหุ้นกลุ่ม PTT group (PTT,PTTEP,PTTGC) ส่งผลบวกต่อ SET มากกว่า 43 จุด ในขณะที่กลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, SCB ส่งผลกดดัน SETมากกว่า 10จุด และสำหรับ EPS18 ปรับขึ้นประมาณ 0.8% YTD สนับสนุนจากการปรับประมาณการขึ้นของกลุ่มพลังงานและปิโตร (กลุ่มอาหาร, Media ถูกปรับลง) ในขณะที่เราเริ่มเห็น Policy risk เข้ามากดดันการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ นำโดยกลุ่มธนาคาร, กลุ่ม ICT , กลุ่มโรงกลั่น ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่า 25% ซึ่งเราคงมุมมองว่าตลาดหุ้นในช่วง 2Q18 จะผันผวนไม่ต่างจาก 1Q18 โดย Event play จะเข้ามามีบทบาท
Investment Theme: SET ขาดปัจจัยสนับสนุน หากปรับตัวหลุดแนวรับบริเวณ 1,760 แนะถือเงินสดเพิ่มเป็น 30% พร้อมคงคำแนะนำชะลอการลงทุนในกลุ่ม TV Digital , โรงกลั่น , ธนาคาร และหันมาทยอยสะสมกลุ่มโรงพยาบาล(BH, BDMS) กลุ่มรถไฟฟ้า (BTS,BEM)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สศค.เผยการบริโภคภาคเอกชนเดือนก.พ.เติบโตดี ภาษีมูลค่าเพิ่มณ.ราคาคงที่ขยายตัว 7.2% / สหรัฐรายงาน Core PCE เดือนก.พ.เท่ากับคาดที่ 1.6%YoY / Trump เผยอาจชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปเป็น 60วัน
บทวิเคราะห์ : TPIPP (แจ้งตลาด COD)
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับหลุดแนวรับ 1,780 โดยมีแรงขายเด่นในกลุ่มธนาคารอย่าง TMB, KBANK, BBL, KTB และกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, BANPU และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP, SPRC, BCP, IRPC อย่างไรก็ตามเห็นแรงซื้อในกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS, BH และรถไฟฟ้า BTS, BEM ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,766.9 จุด (-18.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 8.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 7.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติลกลับมาขายหุ้นไทยที่ 1,698 ล้านบาท และเปิด Short SET50 index future ที่ 26,529 สัญญา
Investment theme
Policy Risk ส่งผลตลาดหุ้นผันผวน: จบไปแล้วสำหรับการลงทุนไตรมาสหนึ่ง โดยภาพรวมตลาดมีความผันผวนสูงจากประเด็นความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ตาม SET (QTD) ปรับตัวขึ้นประมาณ 13 จุด (+0.7%) ถือว่า Outperform เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย -3.4%, ฟิลิปปินส์ -6.8%, จีน -3.2% มาเลเซีย +3.5% , MSCI Asia pac Ex.Jap -1.4% รัสเซีย +8.3%, DJ,-3.5% ส่วนหนึ่งเกิดจากประเทศไทย, มาเลเซีย,รัสเซีย (กลุ่มพลังงานมีสัดส่วนสูง) ได้ผลบวกจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลก โดยหุ้นกลุ่ม PTT group (PTT,PTTEP,PTTGC) ส่งผลบวกต่อ SET มากกว่า 43 จุด ในขณะที่กลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, SCB ส่งผลกดดัน SETมากกว่า 10จุด และสำหรับ EPS18 ปรับขึ้นประมาณ 0.8% YTD สนับสนุนจากการปรับประมาณการขึ้นของกลุ่มพลังงานและปิโตร (กลุ่มอาหาร, Media ถูกปรับลง) ในขณะที่เราเริ่มเห็น Policy risk เข้ามากดดันการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ นำโดยกลุ่มธนาคาร, กลุ่ม ICT , กลุ่มโรงกลั่น ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่า 25% ซึ่งเราคงมุมมองว่าตลาดหุ้นในช่วง 2Q18 จะผันผวนไม่ต่างจาก 1Q18 โดย Event play จะเข้ามามีบทบาท
Investment Theme: SET ขาดปัจจัยสนับสนุน หากปรับตัวหลุดแนวรับบริเวณ 1,760 แนะถือเงินสดเพิ่มเป็น 30% พร้อมคงคำแนะนำชะลอการลงทุนในกลุ่ม TV Digital , โรงกลั่น , ธนาคาร และหันมาทยอยสะสมกลุ่มโรงพยาบาล(BH, BDMS) กลุ่มรถไฟฟ้า (BTS,BEM)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สศค.เผยการบริโภคภาคเอกชนเดือนก.พ.เติบโตดี ภาษีมูลค่าเพิ่มณ.ราคาคงที่ขยายตัว 7.2% / สหรัฐรายงาน Core PCE เดือนก.พ.เท่ากับคาดที่ 1.6%YoY / Trump เผยอาจชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปเป็น 60วัน
บทวิเคราะห์ : TPIPP (แจ้งตลาด COD)
กลยุทธ์การลงทุน
Policy Risk : แนะเลี่ยงกลุ่มโรงกลั่น, TV-Digital , ธนาคาร
ในระยะสั้น-กลางทั้ง 3 กลุ่มเผชิญกับความเสี่ยงของกฎเกณฑ์ นำโดย
กลุ่มโรงกลั่น มีประเด็นกดดันจากปรับสูตรโครงสร้างการคำนวณราคาเชื้อเพลิงหน้าโรงกลั่นใหม่ เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 5เม.ย. ซึ่งเรายังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตามใน 1H61 เรามองว่ากลุ่มโรงกลั่นจะ Underperform จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น กดดันต้นทุนการกลั่น ดังนั้นแนะเลี่ยงการลงทุน TOP, SPRC
กลุ่มธนาคาร นอกเหนือจากประเด็นการตั้งสำรองที่สูงและ Loan growth ที่มีโอกาสต่ำกว่าเราคาดทั้งปีที่ 6-7% กลุ่มธนาคารยังเผชิญกับความเสี่ยงทั้งจาก Digital platform (E-payment) ทำให้ต้องหั่นรายได้ค่าธรรมเนียมตัวเอง, มาตราฐานบัญชี IFRS9 และโอกาสการปรับขึ้นส่วนแบ่งของกองทุนฟื้นฟู (FIDF) แนะเลี่ยง SCB, KBANK
กลุ่ม TV-Digital ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้ม.44 ช่วยหรือไม่ช่วยผู้ประกอบการ เรามองว่า ในระยะกลางกลุ่ม TV เป็นขาลง ทั้งในส่วนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตามมาด้วยสื่อโฆษณาที่ค่อยๆปรับตัวลง ในขณะที่ปัจจุบันเม็ดเงินโฆษณากระจุกตัวเพียงบางช่องเท่านั้น แนะเลี่ยง BEC, MONO
Technical View
แนวรับสุดท้ายกรอบ Sideway คือ 1760 : ดัชนีปรับตัวลงแรงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปรับตัวหลุดแนวรับกรอบสามเหลี่ยมที่ 1780 และปรับตัวลงต่อทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1760 โดยช่วงก่อนตลาดปิดได้มีแรงซื้อกลับ ทำให้ยังคงปิดยืนเหนือ 1760 ได้ ระยะสั้นให้พิจารณาแนวรับที่ 1760 เป็นหลัก หากหลุดจะถือเป็นการทำ New Low และจะมีแนวโน้มแกว่งตัวลงต่อทดสอบแนวรับ 1740 แต่หากยืนได้จะแกว่งในกรอบ 1760-1780
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: หากหลุดแนวรับ 1760 แนะนำ ชะลอการลงทุน เนื่องจากมีโอกาสปรับตัวลงต่อ 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1760 หากเริ่ม Rebound อาจเล่น Rebound สั้นๆภายในวัน
แนวรับ : 1760, 1740 แนวต้าน : 1780, 1790
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: สหรัฐรายงาน Core PCE วันที่ 29 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ: ไทยรายงานดุลบัญชีเดินสะพัด
หุ้นเทคนิค:
BDMS (B 23.00-23.30, Tp 24.00, Cut 22.70)
CPALL (B 86.50, Tp 90.00, Cut 85.50)
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: หากหลุดแนวรับ 1760 แนะนำ ชะลอการลงทุน เนื่องจากมีโอกาสปรับตัวลงต่อ 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1760 หากเริ่ม Rebound อาจเล่น Rebound สั้นๆภายในวัน
แนวรับ : 1760, 1740 แนวต้าน : 1780, 1790
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: สหรัฐรายงาน Core PCE วันที่ 29 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ: ไทยรายงานดุลบัญชีเดินสะพัด
หุ้นเทคนิค:
BDMS (B 23.00-23.30, Tp 24.00, Cut 22.70)
CPALL (B 86.50, Tp 90.00, Cut 85.50)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO7292
Research Department Tel. 02-658-5000
OO7292