WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//ถือรอขายทำกำไร
  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวบวกขึ้นไปทดสอบ 1,810 จุดได้ตามคาดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกหลังเริ่มคลายความกังวลเรื่องสงครามการค้า อย่างไรก็ยังมีแรงขายออกมาในหุ้นบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารฯและปิโตรเคมี ทำให้ดัชนีย่อตัวลงมาปิดบวกเพียงเล็กน้อย ณ สิ้นวัน แรงซื้อส่วนใหญ่ยังคงมาจากบัญชีบล.และสถาบันในประเทศ
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways แม้จะถูกกระทบจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากฝั่งสหรัฐฯ จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงแรง แต่เราเชื่อว่าเป็นประเด็นเฉพาะตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ การประชุมกนง.เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และอาจเห็นการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนการส่งออกและท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยหนุน Sentiment โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Domestic Play ที่เราเน้นย้ำให้ลงทุนในระยะหลังมากกว่า Global Play เพราะยังมีความไม่แน่นอนทั้งการค้าและการเมือง
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play//ถือรอขายทำกำไรด้านบน
  หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC 
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$131ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$151ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$1.3ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$114ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> KBANK <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 264 บาท
รายงานสินเชื่อ 2M18 +1% YTD แม้แผ่วตามฤดูกาล แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ดีกว่ากลุ่ม เราคาดกำไรสุทธิ 1Q18 จะกลับมาเป็นปกติที่ 1.06 หมื่นลบ. +87% Q-Q, +5% Y-Y จากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง
ประเด็นฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมผ่าน K-Plus และ K-Cyber คาดกระทบกำไรราว 3.6% (น้อยกว่า PrompPay) ซึ่งจะได้ชดเชยจากปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนการถือครองเงินสดที่ลดลง เราไม่คำนึงผลกระทบนี้ และคงคาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 4.08 หมื่นลบ. +18.8% Y-Y
ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) กลุ่มรับเหมา ครม. อนุมัติรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กม. มูลค่า 2 แสนลบ. ในรูปของ PPP Net Cost ขั้นตอนหลังจากนี้คือร่าง TOR เพื่อให้ ครม. อนุมัติ​เปิดประมูลต่อไป โดยงานใหญ่ที่คาดว่าจะทยอยเปิดประมูลใน 2Q-3Q18 คือ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ และมอเตอร์เวย์ งานประมูลภาครัฐฯ ที่มีความชัดเจนเป็นบวกทั้ง CK STEC UNIQ SEAFCO รวมถึง PPS  
  (0) CPALL ขาย MAKRO 161 ล้านหุ้น (3.4% ของหุ้น MAKRO) ที่ราคาเฉลี่ย 43.50-44.25 ให้สถาบันทั้งในและนอกประเทศ ทำให้สัดส่วนการถือลดลงเหลือ 95% แต่ด้วยความที่ราคาขายใกล้เคียงทุนที่ 42 บาท และ CPALL ถูก Lock-up ห้ามขาย MAKRO อีกภายใน 90 วัน จึงเป็นบวกไม่มาก โดยคาดว่าจะได้เงินราว 7 พันลบ. เพื่อไปชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายได้ปีละ 300 ลบ. บวกต่อกำไรราว 1.3% และ Net D/E จะลดจาก 1.4 เท่าเหลือ 1.3 เท่า เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 98 บาท แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว
  (+) PCSGH เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 13 บาท (รวมโครงการ EV 2 พันล้านบาท) ปัจจัยบวกระยะสั้นอยู่ที่แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ที่คาดโต 13% Q-Q และ 19% Y-Y อยู่ที่ 180 ลบ. ส่วนระยะกลางคือ การเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานในยุโรปตั้งแต่ 2Q18 ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะไม่ถ่วงธุรกิจเดิม และอาจไม่จำเป็นต้องกู้ยืมหรือเพิ่มทุน ขณะที่ ภาพระยะยาวจะเริ่มชัดเจนขึ้น จากการได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ EV เพิ่มในอนาคตอันใกล้ เราคงคาดกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 790 ลบ. +23% Y-Y ที่ระดับราคาหุ้นปัจจุบัน Downside จำกัด เพราะ PE2018 ต่ำเพียง 13.7 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 15 เท่า หักล้างมุมมอง Valuation ที่ดูแพงตั้งแต่เข้าตลาดไปโดยสิ้นเชิง
  (+) PLANB ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมามี Upside มากขึ้น จากราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นจากถือเป็นซื้อ โดยเราคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2018 โตสูงต่อเนื่อง 28% Y-Y อยู่ที่ 589 ลบ. ปัจจัยหนุนมาจากกำลังซื้อที่ดีขึ้น เอื้อต่อตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์สังคมยุคใหม่ และการขยายพื้นที่สื่อมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มกำไร 1Q18 สดใสทั้ง Q-Q, Y-Y โดยการซื้อหุ้น 19.48% ใน BMN บ.ย่อยของ BEM ที่ทำธุรกิจสื่อในรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จะเพิ่มโอกาสได้บริหารสื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายในอนาคต แม้ในระยะสั้นคาดกำไรรับรู้จาก BMN ยังไม่มากอย่างมีนัยฯ
  (+) SYNEX งานเปิดตัว Huawei P20 และ P20 Pro ได้รับความสนใจจากตลาดเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ Samsung S9 และ S9+ ส่งผลดีต่อแนวโน้มกำไรของ SYNEX ใน 1H18 ที่คาดว่ายังโตสูง Y-Y ต่อเนื่อง เพราะสมาร์ทโฟนทั้ง 2 แบรนด์ เป็นกลุ่มสินค้าที่มีน้ำหนักมากราว 30-40% ของรายได้รวม ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
         - สหรัฐฯ: 4Q18 GDP ขั้นสุดท้าย
31 มี.ค.- จีน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
2 เม.ย.- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
         - สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (มี.ค.)
3 เม.ย.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
5 เม.ย.- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (มี.ค.)
(-) หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นตัวฉุดตลาดสหรัฐให้ปิดตัวในแดนลบ หลังจากทางการสหรัฐกำลังพิจารณาห้ามไม่ได้บริษัทจีนเข้ามาลงทุนในกลุ่มเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ และเทคโนโลยี 5G
(+) ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงบวกหลังตลาดคาดว่า ECB จะขยายเวลาการทำ QE รวมถึงข่าวการทำ M&A ในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ในอังกฤษ
(-) ตลาดเอเชียปรับตัวลดลงจาก Sentiment ในเชิงลบจากฝั่งอเมริกา ในขณะที่ในบางประเทศมีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น อินโดนีเซียมีการปรับขึ้น Capital Requirement ในกลุ่มแบงค์เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต
()  ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังตลาดคลายความกังวลในเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ในกรอบ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวลดลง 0.30 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 65.25 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการว่าสต็อคน้ำมันดิบในสหรัฐจะเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 13.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,342 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและตลาดคลายความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO7148

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!