- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 March 2018 16:42
- Hits: 3763
CBG แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 80.75 บ.
Stock : CBG
Price : 63.0
Target Price : 80.75
Rating : BUY
Price : 63.0
Target Price : 80.75
Rating : BUY
ทำใหญ่ ไม่ทำเล็ก
World Class Brand & World Class Product
จากงาน Opp. Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของบริษัท โดยยืนยันว่าการรุกตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปยังประเทศอังกฤษเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านการตลาดด้วย Football Marketing ทั้งการเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรฟุลบอลเชลซี และ Carabao Cup (EFL) ซึ่งกลยุทธ์นี้นอกจากจะช่วยให้ CBG นำสินค้าไปวางจำหน่ายมากกว่า 30 Chain Store ใหญ่ๆในอังกฤษได้แล้ว ยังช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เช่น อาเซอร์ไบจาน, กานา, ฝรั่งเศส, เปรู ฯลฯ เริ่มเข้ามาติดต่อสั่งซื้อสินค้า ตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจที่จะผลักดันเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวเป็นสินค้าระดับโลก 2) อัพเดทแผนรุกตลาดจีน (CBG เป็นเพียงผู้ขายสินค้าเท่านั้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นำโดยคุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ เป็นผู้ลงทุนเอง) ปัจจุบันผู้ลงทุนอยู่ระหว่างการเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการขายจากเดิมใช้ Above The Line จะปรับเป็น Below The Line โดยเน้นทั้งการตลาดและโฆษณาตรง Point of Sales ให้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะยังคงเน้นกลยุทธ์ "ทำใหญ่ ไม่ทำเล็ก" โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะวางจำหน่ายสินค้ากระจายไปทั่วประเทศจีน อีกทั้งช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา CBG เริ่มทยอยส่งสินค้าไปยังประเทศจีนแล้ว หลังจากที่ช่วง 4Q60 CBG ไม่ได้ส่งสินค้าไปยังประเทศจีนเลย 3) อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จากแผนผลิตเองในบางสินค้า Own Brand เพื่อลดต้นทุน OEM และปัจจัยบวกจากต้นทุนราคาน้ำตาลโลกที่ปรับตัวลงราว 16.4%YTD และ 4) CBG มีแผนลดต้นทุนทางการเงินด้วยการ Refinance โดยออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ที่เรทติ้ง A- หวังลดดอกเบี้ยราว 50-100 Basis Point หรือคิดเป็นมูลค่า 15-30 ล้านบาท
จากงาน Opp. Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของบริษัท โดยยืนยันว่าการรุกตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังไปยังประเทศอังกฤษเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้านการตลาดด้วย Football Marketing ทั้งการเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรฟุลบอลเชลซี และ Carabao Cup (EFL) ซึ่งกลยุทธ์นี้นอกจากจะช่วยให้ CBG นำสินค้าไปวางจำหน่ายมากกว่า 30 Chain Store ใหญ่ๆในอังกฤษได้แล้ว ยังช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เช่น อาเซอร์ไบจาน, กานา, ฝรั่งเศส, เปรู ฯลฯ เริ่มเข้ามาติดต่อสั่งซื้อสินค้า ตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจที่จะผลักดันเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวเป็นสินค้าระดับโลก 2) อัพเดทแผนรุกตลาดจีน (CBG เป็นเพียงผู้ขายสินค้าเท่านั้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นำโดยคุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ เป็นผู้ลงทุนเอง) ปัจจุบันผู้ลงทุนอยู่ระหว่างการเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการขายจากเดิมใช้ Above The Line จะปรับเป็น Below The Line โดยเน้นทั้งการตลาดและโฆษณาตรง Point of Sales ให้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะยังคงเน้นกลยุทธ์ "ทำใหญ่ ไม่ทำเล็ก" โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะวางจำหน่ายสินค้ากระจายไปทั่วประเทศจีน อีกทั้งช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา CBG เริ่มทยอยส่งสินค้าไปยังประเทศจีนแล้ว หลังจากที่ช่วง 4Q60 CBG ไม่ได้ส่งสินค้าไปยังประเทศจีนเลย 3) อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จากแผนผลิตเองในบางสินค้า Own Brand เพื่อลดต้นทุน OEM และปัจจัยบวกจากต้นทุนราคาน้ำตาลโลกที่ปรับตัวลงราว 16.4%YTD และ 4) CBG มีแผนลดต้นทุนทางการเงินด้วยการ Refinance โดยออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ที่เรทติ้ง A- หวังลดดอกเบี้ยราว 50-100 Basis Point หรือคิดเป็นมูลค่า 15-30 ล้านบาท
ปี 61 คาดกำไรจะพลิกกลับมาโตสดใสจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศ
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ CBG ด้วยแรงหนุนจาก 1) แนวโน้มสดใสของยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศจีนและอังกฤษ 2) การเพิ่มจุดกระจายสินค้า โดยปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าเป็น 31 ศูนย์ (334 Cash Van) ครอบคลุมพื้นที่ร้านค้าย่อย 220,000 ร้าน และ 3) การเติบโตของโมเดลธุรกิจใหม่ จากการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันผ่านช่องทาง Cash Van โดยมีทั้งสินค้าของบริษัทและผู้ผลิตรายอื่น ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 CBG จะมีกำไรสุทธิ 2,009 ล้านบาท เติบโต 61.3%YoY
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ CBG ด้วยแรงหนุนจาก 1) แนวโน้มสดใสของยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศจีนและอังกฤษ 2) การเพิ่มจุดกระจายสินค้า โดยปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้าเป็น 31 ศูนย์ (334 Cash Van) ครอบคลุมพื้นที่ร้านค้าย่อย 220,000 ร้าน และ 3) การเติบโตของโมเดลธุรกิจใหม่ จากการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันผ่านช่องทาง Cash Van โดยมีทั้งสินค้าของบริษัทและผู้ผลิตรายอื่น ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 CBG จะมีกำไรสุทธิ 2,009 ล้านบาท เติบโต 61.3%YoY
มี Upside 28.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 61 ที่ 80.75 จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เพื่อสะท้อนศักยภาพทำกำไรที่ดีในระยะยาว อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 28.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 80.75 บาท (วิธี DCF) และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 2.2% ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เพื่อสะท้อนศักยภาพทำกำไรที่ดีในระยะยาว อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 28.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 80.75 บาท (วิธี DCF) และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 2.2% ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
SEAFCO แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 10.00 บ.
Stock : SEAFCO
Price : 8.95
Target Price : 10.00
Rating : BUY
Price : 8.95
Target Price : 10.00
Rating : BUY
ปี 61 ทยอยรับรู้งานจากภาครัฐกว่า 80%
มี Backlog ในมือ 2.5 พัน ลบ. และได้งาน One Bangkok เพิ่มอีก 1.2 พัน ลบ.
จากงาน Opp.Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารอัพเดตความคืบหน้าแต่ละโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดรับรู้ได้ในช่วง 1Q61 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม, KSS Mixed-Used Development, อาคารสำนักงานทิปโก้ (ส่วนต่อเติม), อาคารจอดรถโรงเรียนนานาชาติShrewburry เป็นต้น 2) ผู้บริหารแจ้ง SEAFCO ได้งานโครงการ One Bangkok ใน 2 เฟสแรก (จากที่มีทั้งหมด 4 เฟส) มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วง 2Q61 ส่วนเฟสที่ 3 เป็นของบริษัทคู่แข่ง และเฟสที่ 4 ยังอยู่ระหว่างการเสนอราคา และ 3) ณ 15 ก.พ.61 SEAFCO มี Backlog ในมือ 2,557 ล้านบาท (เป็นงานเฉพาะค่าแรง 87.3%) โดยส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐกว่า 80% ทั้งงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม, ชมพู ซึ่งยังไม่รวมงาน One Bangkok และงาน Super Tower (ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินผลการทดสอบเสาเข็ม โดยยังไม่เปิดประมูล) ขณะที่มีงานในตลาดที่อยู่ระหว่างประมูลอีก 95 โครงการ (รวมเมกะโปรเจค) มูลค่ารวม 10,221 ล้านบาท
จากงาน Opp.Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารอัพเดตความคืบหน้าแต่ละโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดรับรู้ได้ในช่วง 1Q61 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม, KSS Mixed-Used Development, อาคารสำนักงานทิปโก้ (ส่วนต่อเติม), อาคารจอดรถโรงเรียนนานาชาติShrewburry เป็นต้น 2) ผู้บริหารแจ้ง SEAFCO ได้งานโครงการ One Bangkok ใน 2 เฟสแรก (จากที่มีทั้งหมด 4 เฟส) มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วง 2Q61 ส่วนเฟสที่ 3 เป็นของบริษัทคู่แข่ง และเฟสที่ 4 ยังอยู่ระหว่างการเสนอราคา และ 3) ณ 15 ก.พ.61 SEAFCO มี Backlog ในมือ 2,557 ล้านบาท (เป็นงานเฉพาะค่าแรง 87.3%) โดยส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐกว่า 80% ทั้งงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม, ชมพู ซึ่งยังไม่รวมงาน One Bangkok และงาน Super Tower (ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินผลการทดสอบเสาเข็ม โดยยังไม่เปิดประมูล) ขณะที่มีงานในตลาดที่อยู่ระหว่างประมูลอีก 95 โครงการ (รวมเมกะโปรเจค) มูลค่ารวม 10,221 ล้านบาท
ช่วง 1Q61 คาดกำไรโต QoQ จากงานรถไฟฟ้า และงานตึกสูง หนุนทั้งปี 61 โต 59.3%YoY
ช่วง 1Q61 คาด SEAFCO จะมีกำไรปกติโต QoQ ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมถึงงานก่อสร้างอาคารสูงในกทม. ซึ่งคาดหนุนให้ปี 2561 SEAFCO มีกำไรปกติโต 59.3%YoY ที่ระดับ 270 ล้านบาท จาก 1) รายได้ก่อสร้างคาดโต 37%YoY สู่ระดับ 2,489 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้ Backlog ในมือที่คาดราว 3,700 ล้านบาท (รวม Backlog จากงาน One Bangkok) ซึ่งคาด Secured revenue สูงถึง 95% ของประมาณการรายได้ในปี 2561 โดยส่วนใหญ่มาจากงานภาครัฐกว่า 80% 2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นที่ 20.0% จาก 18.5% ในปี 2560 หลังมีสัดส่วนงานเฉพาะค่าแรง (มาร์จิ้นสูง) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 87.3% ของ Backlog และ 3) SG&A/Sales คาดลดเหลือ 6.7% จาก 8.2% ในปี 2560 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาด
ช่วง 1Q61 คาด SEAFCO จะมีกำไรปกติโต QoQ ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมถึงงานก่อสร้างอาคารสูงในกทม. ซึ่งคาดหนุนให้ปี 2561 SEAFCO มีกำไรปกติโต 59.3%YoY ที่ระดับ 270 ล้านบาท จาก 1) รายได้ก่อสร้างคาดโต 37%YoY สู่ระดับ 2,489 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้ Backlog ในมือที่คาดราว 3,700 ล้านบาท (รวม Backlog จากงาน One Bangkok) ซึ่งคาด Secured revenue สูงถึง 95% ของประมาณการรายได้ในปี 2561 โดยส่วนใหญ่มาจากงานภาครัฐกว่า 80% 2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นที่ 20.0% จาก 18.5% ในปี 2560 หลังมีสัดส่วนงานเฉพาะค่าแรง (มาร์จิ้นสูง) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 87.3% ของ Backlog และ 3) SG&A/Sales คาดลดเหลือ 6.7% จาก 8.2% ในปี 2560 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาด
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่มูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 10 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SEAFCO ด้วย Backlog ในมือที่คาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7 พันล้านบาท หลังได้งาน One Bangkok บวกกับมีโอกาสได้งานใหม่จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งล่าสุดบริษัทมีมติจ่ายปันผลจากผลกำไรช่วง 2H60 หุ้นละ 0.10 บาท แบ่งเป็นเงินสดหุ้นละ 0.05 บาท และหุ้นปันผลในสัดส่วน 10:1 คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.05 บาท (พาร์ 0.5 บาท) (XD 9 พ.ค.และจ่ายปันผล 25 พ.ค.นี้) รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 11.7% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 10 บาท (อิง PER ที่ 22.7x) เราจึงคงแนะนำ "ซื้อ" โดยหลังจ่ายหุ้นปันผลมูลค่าพื้นฐานจะปรับลดเป็น 9.10 บาทตามจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SEAFCO ด้วย Backlog ในมือที่คาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7 พันล้านบาท หลังได้งาน One Bangkok บวกกับมีโอกาสได้งานใหม่จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งล่าสุดบริษัทมีมติจ่ายปันผลจากผลกำไรช่วง 2H60 หุ้นละ 0.10 บาท แบ่งเป็นเงินสดหุ้นละ 0.05 บาท และหุ้นปันผลในสัดส่วน 10:1 คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.05 บาท (พาร์ 0.5 บาท) (XD 9 พ.ค.และจ่ายปันผล 25 พ.ค.นี้) รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 11.7% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 10 บาท (อิง PER ที่ 22.7x) เราจึงคงแนะนำ "ซื้อ" โดยหลังจ่ายหุ้นปันผลมูลค่าพื้นฐานจะปรับลดเป็น 9.10 บาทตามจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
รีบาวด์ในกรอบ Sideway! .. ดัชนี SET วานนี้เปิดตลาดบวกกว่า 3 จุด และแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway Up ในกรอบ 1,793-1,801 จุด ก่อนปิดสิ้นวันที่ระดับดัชนี 1,801.10 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.89 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 4.2 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยในกราฟ 240 นาที ดัชนี SET เริ่มเกิดสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค ทั้งจากเครื่องมือ Modified Stochastic ที่ให้สัญญาณซื้อระยะสั้น (%K>%D) , MACD เริ่มโค้งตัวขึ้น แกว่งตัวบริเวณค่าศูนย์ ประกอบกับดัชนีเริ่มยกจุดต่ำสูงขึ้น ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET ในวันนี้ คาดหวังการรีบาวด์ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,820 จุด สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำซื้อ ด้วยกลยุทธ์ ซื้อแนวรับ-ขายแนวต้าน โดยมีแนวรับรอบนี้บริเวณ 1,790-1,795 จุด อย่างไรก็ดี Stop Loss หาก SET วกกลับ เทรดต่ำกว่า 1,785 จุด สำหรับนักลงทุนระยะกลางยังคงแนะนำถือเงินสดต่อ รอสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นกลับมาชัดเจนอีกครั้ง (หากดัชนี SET กลับทะลุ 1,820 จุด)
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรแนะนำซื้อ โดยมีแนวรับ 1,790-1,795 จุด แนวต้าน 1,820 จุด Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด
นักลงทุนระยะกลาง : แนะนำถือเงินสดต่อ รอสัญญาณความชัดเจนของภาวะ Bullish
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรแนะนำซื้อ โดยมีแนวรับ 1,790-1,795 จุด แนวต้าน 1,820 จุด Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด
นักลงทุนระยะกลาง : แนะนำถือเงินสดต่อ รอสัญญาณความชัดเจนของภาวะ Bullish
SECTOR FOCUS
SECTOR FOCUS รีบาวด์ต่อหลังเบรกกรอบสามเหลี่ยม! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มพลังงาน (ENERG) เป็นกลุ่มที่จะวิ่งขึ้นต่อ โดยกราฟรายวัน ดัชนีเคลื่อนตัวเบรกกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมาวันแรก ประกอบกับทางเทคนิคเกิดสัญญาณเชิงบวกทั้ง จาก Modified Stochastic ที่ให้สัญญาณซื้อระยะสั้น (%K>%D) และ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นบริเวณเส้นศูนย์อีกครั้ง สนับสนุนมุมมองที่ว่ากลุ่มพลังงาน จะยืนแดนบวกต่อไปวันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ (PTT : แนวรับ 550 บาท/แนวต้าน 588 บาท , PTTEP : แนวรับ 115.50 บาท/แนวต้าน 123.50 บาท)
SECTOR FOCUS รีบาวด์ต่อหลังเบรกกรอบสามเหลี่ยม! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มพลังงาน (ENERG) เป็นกลุ่มที่จะวิ่งขึ้นต่อ โดยกราฟรายวัน ดัชนีเคลื่อนตัวเบรกกรอบสามเหลี่ยมขึ้นมาวันแรก ประกอบกับทางเทคนิคเกิดสัญญาณเชิงบวกทั้ง จาก Modified Stochastic ที่ให้สัญญาณซื้อระยะสั้น (%K>%D) และ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นบริเวณเส้นศูนย์อีกครั้ง สนับสนุนมุมมองที่ว่ากลุ่มพลังงาน จะยืนแดนบวกต่อไปวันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ (PTT : แนวรับ 550 บาท/แนวต้าน 588 บาท , PTTEP : แนวรับ 115.50 บาท/แนวต้าน 123.50 บาท)
STOCK HUNTER
Point of view สร้างฐานแน่น ก่อนรีบาวด์! Stock Hunter วันนี้เลือก CBG ราคาขยับดีดตัวขึ้นจากแนวรับ โดยในกราฟรายวัน เครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณเชิงบวก เกิดสัญญาณซื้อระยะสั้นจาก Modified Stochastic .(%K>%D) และ RSI ที่เริ่มดีดตัวขึ้นต่อ หลังจากผ่านภาวะ Oversold กลับเข้าสู่ Neutral Zone (RSI 50,?10) ประกอบกับการเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะสร้างฐานล่างในระนาบเดียวกัน หากไม่หลุดแนวรับเส้นล่าง และสามารทะลุแนวต้านเส้นกลางได้ มองว่า CBG จะฟอร์มตัวไปต่อด้วยรูปแบบราคา Triple Bottom โดยมีแนวต้านแรก 67.50 บ. และหากทะลุแนวต้านแรกมีเป้าหมายถัดไป 75.25 บ. ทั้งนี้ให้แนวรับ 61.50 บาท และ Stop Loss หากหลุด 59.50 บาท
Point of view สร้างฐานแน่น ก่อนรีบาวด์! Stock Hunter วันนี้เลือก CBG ราคาขยับดีดตัวขึ้นจากแนวรับ โดยในกราฟรายวัน เครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณเชิงบวก เกิดสัญญาณซื้อระยะสั้นจาก Modified Stochastic .(%K>%D) และ RSI ที่เริ่มดีดตัวขึ้นต่อ หลังจากผ่านภาวะ Oversold กลับเข้าสู่ Neutral Zone (RSI 50,?10) ประกอบกับการเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะสร้างฐานล่างในระนาบเดียวกัน หากไม่หลุดแนวรับเส้นล่าง และสามารทะลุแนวต้านเส้นกลางได้ มองว่า CBG จะฟอร์มตัวไปต่อด้วยรูปแบบราคา Triple Bottom โดยมีแนวต้านแรก 67.50 บ. และหากทะลุแนวต้านแรกมีเป้าหมายถัดไป 75.25 บ. ทั้งนี้ให้แนวรับ 61.50 บาท และ Stop Loss หากหลุด 59.50 บาท
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: วานนี้ต่างชาติขายทั้ง 2 ตลาด!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดบวกด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 4.20 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +1.34 จุด สูงกว่า Theory Basis ที่ +0.10 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะสั้น (<1 สัปดาห์) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index โดย S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้ค่า Basis ดังกล่าวเข้าใกล้ค่าศูนย์ ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.6 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -4.5 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.08 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.64x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.41x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.14x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ทั้งฝั่ง Volume และ OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 1,918 สัญญา ใน Index Futures พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 2,190 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 57,033 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดบวกด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 4.20 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +1.34 จุด สูงกว่า Theory Basis ที่ +0.10 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะสั้น (<1 สัปดาห์) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index โดย S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้ค่า Basis ดังกล่าวเข้าใกล้ค่าศูนย์ ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.6 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -4.5 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.08 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.64x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.41x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.14x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ทั้งฝั่ง Volume และ OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 1,918 สัญญา ใน Index Futures พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 2,190 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 57,033 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: คงคาดแกว่งในกรอบ Sideway!!!
เมื่อวานนี้ S50M18 เปิดแล้วแกว่งขึ้น จนปิด +10.8 จุด โดยในกราฟ 120 นาที S50M18 ยังคงมีแนวโน้มแกว่งในกรอบ Sideway 1,160-1,190 จุด ตามกรอบการเคลื่อนไหวเดิม ซึ่งนอกจากราคาปัจจุบันจะขึ้นกลับมาเทรดบริเวณค่าเฉลี่ยในกรอบ Bollinger Band แล้ว Indicator ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้บ่งชี้ถึงเทรนด์และโมเมนตัมขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แกว่งขึ้นลงในกรอบ Neutral Zone 40%-60% เช่นเดียวกับ MACD และ Signal แกว่งตรงค่าศูนย์
เมื่อวานนี้ S50M18 เปิดแล้วแกว่งขึ้น จนปิด +10.8 จุด โดยในกราฟ 120 นาที S50M18 ยังคงมีแนวโน้มแกว่งในกรอบ Sideway 1,160-1,190 จุด ตามกรอบการเคลื่อนไหวเดิม ซึ่งนอกจากราคาปัจจุบันจะขึ้นกลับมาเทรดบริเวณค่าเฉลี่ยในกรอบ Bollinger Band แล้ว Indicator ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้บ่งชี้ถึงเทรนด์และโมเมนตัมขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น RSI ที่แกว่งขึ้นลงในกรอบ Neutral Zone 40%-60% เช่นเดียวกับ MACD และ Signal แกว่งตรงค่าศูนย์
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: Trading ในกรอบ Sideway ด้วยกลยุทธ์ Trading Short เมื่อ S50M18 ขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,190 จุด และกลับมา Trading Long เมื่อ S50M18 ย่อเข้าใกล้แนวรับ 1,160 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากทะลุกรอบมากกว่า 5 จุด
Outright Trading: Trading ในกรอบ Sideway ด้วยกลยุทธ์ Trading Short เมื่อ S50M18 ขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,190 จุด และกลับมา Trading Long เมื่อ S50M18 ย่อเข้าใกล้แนวรับ 1,160 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากทะลุกรอบมากกว่า 5 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: CBG
Trading Idea: CBG
Connect the World- (P.2)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกหลังนักลงทุนคลายความกังวลในประเด็นสงครามการค้า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกหลังนักลงทุนคลายความกังวลในประเด็นสงครามการค้า
Market Outlook
วันนี้คาด SET Index มี Momentum ให้ปรับขึ้นต่อได้ โดยมีกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,790-1,815 จุด หนุนด้วย Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศที่ดีขึ้น บวกกับคาดหวังแรงซื้อทำปิด Window Dressing จะยังช่วยประคองดัชนีสัปดาห์นี้
วันนี้คาด SET Index มี Momentum ให้ปรับขึ้นต่อได้ โดยมีกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,790-1,815 จุด หนุนด้วย Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศที่ดีขึ้น บวกกับคาดหวังแรงซื้อทำปิด Window Dressing จะยังช่วยประคองดัชนีสัปดาห์นี้
Market Factors
(+) ตลาดหุ้น DJIA ปิด +2.8%DoD จากนักลงทุนผ่อนคลายต่อปัญหาสงครามการค้าโลก หลังจีนประกาศพร้อมเจรจาหาทางออกด้านการค้าร่วมกับสหรัฐฯ
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -0.5%DoD กังวลต่อกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังจำนวนแท่นขุดเจาะสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 804 แท่น
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญของสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาบ้าน ม.ค., ดัชนีการผลิต มี.ค.รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ของสหรัฐฯ และอียู
(+) ตลาดหุ้น DJIA ปิด +2.8%DoD จากนักลงทุนผ่อนคลายต่อปัญหาสงครามการค้าโลก หลังจีนประกาศพร้อมเจรจาหาทางออกด้านการค้าร่วมกับสหรัฐฯ
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -0.5%DoD กังวลต่อกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังจำนวนแท่นขุดเจาะสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 804 แท่น
(+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญของสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาบ้าน ม.ค., ดัชนีการผลิต มี.ค.รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ของสหรัฐฯ และอียู
Investment Strategy
แม้ช่วงสั้นภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกกดดันจากความกังวลการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีต่อ ศก. ทั่วโลกแต่มองปัจจัยพื้นฐานของศก.ไทยยังแข็งแกร่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy โดยเน้นซื้อแนวรับ" ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
1) หุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำปิด Window Dressing : PTT, PTTGC, PTTEP, CPN, ROBINS, CENTEL, MINT, ERW
2) หุ้นกลุ่มการเงินซึ่งคาดได้อานิสงส์จาก กนง. ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% : SAWAD, S11, TK, ASK
3) หุ้นได้ประโยชน์โครงการลงทุนภาครัฐและ EEC : CK, SEAFCO, SYNTEC, WHA, ROJNA
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
แม้ช่วงสั้นภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกกดดันจากความกังวลการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีต่อ ศก. ทั่วโลกแต่มองปัจจัยพื้นฐานของศก.ไทยยังแข็งแกร่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy โดยเน้นซื้อแนวรับ" ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
1) หุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำปิด Window Dressing : PTT, PTTGC, PTTEP, CPN, ROBINS, CENTEL, MINT, ERW
2) หุ้นกลุ่มการเงินซึ่งคาดได้อานิสงส์จาก กนง. ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% : SAWAD, S11, TK, ASK
3) หุ้นได้ประโยชน์โครงการลงทุนภาครัฐและ EEC : CK, SEAFCO, SYNTEC, WHA, ROJNA
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
Market Talk and News
CBG ([email protected]) : จากงาน Opp.Day วานนี้ เราคงคาดปี 61 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิโตเด่น 61.3%YoY จากโมเดลธุรกิจ Cash Van และการรุกต่างประเทศ ทั้ง CLMV จีน และอังกฤษ + มี Upside 28.2% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 2.2% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
SEAFCO (BUY@10) : ช่วง 1Q61 คาดกำไรโต QoQ หลังเริ่มรับรู้งานรถไฟฟ้าสายสีส้มและงานก่อสร้างตึกสูงหนุนทั้งปี 61 กำไรปกติโต 59.3%YoY จาก Backlog ที่คาดราว 3.7 พันลบ. ซึ่งคาด Secured Revenue ปีนี้ 95% + มี Upside 11.7% และมีเงินปันผลจ่ายหุ้นละ0.10 บาท (XD 9 พ.ค.) จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
CBG ([email protected]) : จากงาน Opp.Day วานนี้ เราคงคาดปี 61 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิโตเด่น 61.3%YoY จากโมเดลธุรกิจ Cash Van และการรุกต่างประเทศ ทั้ง CLMV จีน และอังกฤษ + มี Upside 28.2% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 2.2% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
SEAFCO (BUY@10) : ช่วง 1Q61 คาดกำไรโต QoQ หลังเริ่มรับรู้งานรถไฟฟ้าสายสีส้มและงานก่อสร้างตึกสูงหนุนทั้งปี 61 กำไรปกติโต 59.3%YoY จาก Backlog ที่คาดราว 3.7 พันลบ. ซึ่งคาด Secured Revenue ปีนี้ 95% + มี Upside 11.7% และมีเงินปันผลจ่ายหุ้นละ0.10 บาท (XD 9 พ.ค.) จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
Market Talk and News
RJH (BUY:TP@31): ปี 61 คาดกำไรโต 12.2%YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งเงินสดและประกันสังคมอีกทั้งคาดจะรับรู้ผลดำเนินงานของ บ.ย่อย RRH หลังทำแผนซื้อหุ้นส่วนที่เหลือแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. นี้ +มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและราคาหุ้นยังมี Upside 24%พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.4% จึงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
RS (BUY:TP@34): ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดี จากแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ 30 SKU และเพิ่มจำนวน Call Center รองรับการทำ Out-Bound Call มากขึ้น บวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว พร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง 8 ให้สอดคล้องกับ Rating ที่สูงขึ้น + Upside 17.2% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
RJH (BUY:TP@31): ปี 61 คาดกำไรโต 12.2%YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งเงินสดและประกันสังคมอีกทั้งคาดจะรับรู้ผลดำเนินงานของ บ.ย่อย RRH หลังทำแผนซื้อหุ้นส่วนที่เหลือแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. นี้ +มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและราคาหุ้นยังมี Upside 24%พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.4% จึงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
RS (BUY:TP@34): ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดี จากแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ 30 SKU และเพิ่มจำนวน Call Center รองรับการทำ Out-Bound Call มากขึ้น บวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว พร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง 8 ให้สอดคล้องกับ Rating ที่สูงขึ้น + Upside 17.2% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BJC, CBG
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BJC, CBG
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO7096
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO7096