- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 March 2018 16:02
- Hits: 3205
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1790”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปิดลดลง 4.34 จุด (-0.24%) ที่ 1794.21 ถือว่า Outperform ตลาดภูมิภาคซึ่งปรับลดลง 1-3% เพราะแรงซื้อหุ้น Big cap รายบริษัท เช่น PTT, PTTGC, CPALL, IVL, KBANK, SCB, BDMS, BH ช่วยพยุงไว้ โดยต่างชาติซื้อสุทธิ 649 ล้านบาท แต่สถาบันในประเทศขายสุทธิ 876 ล้านบาท
สำหรับสัปดาห์นี้ ในต่างประเทศ - แม้ว่าสหรัฐหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ได้แล้วหลังปธน.ทรัมป์ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านUS$ แล้ว ซึ่งทำให้สหรัฐจะมีงบประมาณใช้ไปถึงสิ้นเดือนก.ย.2561 และตัวเลขสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.สหรัฐฟื้นตัว (+3.1%MoM) และราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 2% หลังซาอุฯหนุนให้ขยายเวลาลดการผลิตไปถึงปี 62 แต่ความวิตกเรื่องการตอบโต้ทางการค้ายังคงกดดัน
ส่วนในประเทศ - จะมีการประชุมกนง.วันที่ 28 มี.ค.นี้ แต่คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และไม่กระทบตลาดเท่าใดนัก, การเรียกเก็บภาษีดอกเบี้ยที่ได้จากลงทุนกองทุนตราสารหนี้ 15% (ซึ่งอาจจะเข้าครม. 27 มี.ค.นี้) ทำให้มีแรงจูงใจมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น, การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี (หุ้นเด่นของเราเป็น PTT, PTTGC, IVL) และความหวังว่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1 (Window dressing) ซึ่งประเด็นเหล่านี้น่าจะช่วยให้บรรยากาศลงทุนกระเตื้องขึ้นบ้างในระยะสั้น
โดยรวมแล้วคาดว่า ตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังแกว่งบนกรอบ 1750-1850 จุด เล่นรอบหุ้น Big Cap ใช้กลยุทธ์ลงมาใกล้กรอบล่างของ SET ก็ซื้อขึ้นไปใกล้กรอบบนก็ขายทำกำไร ส่วนการลงทุนยาว ก็เลือกซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
หุ้น Update วันนี้เป็น PTT & PTTGC – กลุ่ม PTT มีแผนลงทุนในพื้นที่ EEC ช่วงปี 61-65 มูลค่า 3 แสนลบ. โดยส่วนของ PTTGC เป็นการขยายธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ 1.5 แสนลบ. เริ่มทยอยผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 63 เงินลงทุนมาจากเงินสดที่มี+EBITDA ที่ได้ราว 6 หมื่นลบ./ปี+กู้ยืมบางส่วน นับเป็นบวกในระยะยาว ขณะที่ระยะสั้นก็เติบโตได้จากสเปรดที่ทรงตัวสูงและทำงบรวมกับ 6 บริษัทที่รับโอนมาเต็มปี แนะนำซื้อ PTTGC (TP-Consensus 113 บาท, Upside 14.7%), ซื้อ PTT (TP-Consensus 581 บาท, Upside 5.6%)
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1800, 1810-1820 จุด ต่ำกว่า 1790 จุดลดพอร์ตตามสำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น WP, PTTGC, TRU, AJ, BDMS, UTP, NETBAY ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MAJOR, PTTEP, KWG, SOLAR, ESSO, AP, AOT, SENA, TPAC, ROBINS หุ้นที่หลุด List คือ AH และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ KTC, KCE, DEMCO
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ทรัมป์ลงนามงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ หลังผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว โดยวุฒิสภาสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณนี้ด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 32 หลังวันก่อนหน้าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 256 ต่อ 167 ซึ่งร่างงบประมาณฉบับนี้ช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.61
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.ฟื้นตัว
# ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป +3.1%MoM ในเดือนก.พ.61 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.60 หลังจาก -3.5%MoM ในเดือนม.ค.61
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ร่วงต่ออีก 1.77%
# เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งสูงสุดรอบ 8 เดือน รวมถึงการที่สหรัฐเลี่ยงชัตดาวน์ครั้งที่ 3 ในปีนี้ได้ หลังปธน.ทรัมป์ลงนามร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์
# ดัชนี DJIA ร่วงลง 424.69 จุด หรือ -1.77 ปิดที่ 23,533.20 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในปีนี้ ดัชนี S&P500 ลดลง 55.43 จุด หรือ -2.10% ปิดที่ 2,588.26 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 174.01 จุด หรือ -2.43% ปิดที่ 6,992.67 จุด
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิด -0.9% ถึง -1.77% นำโดยดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนี ส่วนดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิด -0.44%
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาพุ่งขึ้นกว่า 2%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 65.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดสำหรับสัญญา front-month ในรอบ 8 สัปดาห์ ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.
# นักลงทุนมีความหวังว่ากลุ่มโอเปกอาจจะขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมัน หลังซาอุดิอาระเบียเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงปรับลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงปี 2562
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 3
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. +22.5 ดอลลาร์ หรือ +1.7% ปิดที่ 1,349.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 2.9%
# ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ค่าเงิน US$ อ่อนลง และนักลงทุนมีการโยกเงินมาไว้ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
• คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุม 28 มี.ค.61
# คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีประชุม 28 มี.ค.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (Fed fund rate) ที่ 1.75% จะสูงกว่าไทย 0.25% แต่ก็ยังกระทบ Fund flow ไม่มากเนื่องจากในสหรัฐเองก็มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการเมือง และการถูกตอบโต้นโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ทำให้เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในตลาดเกิดใหม่ซึ่งมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ดีและเป็นวงกว้างมากขึ้น
# นอกจากนั้นอัตราเงินเฟ้อของไทยก็ยังต่ำ จึงไม่เป็นแรงกดดันให้ต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และดอกเบี้ยที่ต่ำก็ช่วยไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว (ทั้งนี้ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งก็คือไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง) เราประเมินว่าทางการไทยน่าจะคงดอกเบี้ย R/P 1 วันไว้ที่ 1.50% ตลอดปี 2561 นี้ แล้วค่อยพิจารณาเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2562
•/+ ชงครม.เก็บภาษีดอกเบี้ยลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ 15% ในวันที่ 27 มี.ค.นี้
นายอภิศักดิ์ รมว.คลังเคาะเก็บภาษีกองทุนรวมทั้งระบบที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ เผยหักภาษี 15% ของรายได้ดอกเบี้ยทั้งการลงทุนโดยตรง-โดยอ้อม ขณะที่รับฟังความเห็นเสียงค้านกระหึ่ม อ้างกระทบการออมเพราะอัตราผลตอบแทนสุทธิจะลดลง ส่งผลคนหันไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนที่เสี่ยงกว่าแทน ลุ้นเข้าพิจารณาในครม. 27 มี.ค.นี้
+/• Window dressing ปิดไตรมาส 1/61
# ตลาดคาดการณ์ว่านักลงทุนสถาบันอาจจะทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1/61 ซึ่งโดยหลักแล้วการทำ Window dressing จะใช้การเข้าซื้อหุ้น Big Cap พื้นฐานดีเป็นหลัก
# อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังคือ หลังหมดระยะเวลาทำราคาปิดแล้ว ราคาหุ้นอาจจะลดลงได้ถ้าปัจจัยเสี่ยง/ปัจจัยที่ไม่แน่นอนในตลาดยังคงสูงและกดดันมากๆ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO7005