- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 March 2018 15:58
- Hits: 1579
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ สงครามการค้าสหรัฐฯ ถ้าไม่บานปลายหุ้นน่าจะ
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ตลาดมีความเสี่ยงจาก Trade War คาดัชนีเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน ให้กรอบ 1760-1820 จุด ..... น้ำหนักส่วนใหญ่ยังเป็นปัจจัยต่างประเทศ โดยสหรัฐฯเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางจีนเริ่มมีการตอบโต้บ้างโดยการพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐรวมมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาดในสัปดาห์นี้ กลบปัจจัยอื่น .... ขณะที่ตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่อทิศทางตลาด ประกอบด้วย รายงานตัวเลข GDP 4Q17 ของสหรัฐฯในวันที่ 28 มี.ค.
กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ : ด้วยมุมมองตลาดที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนกลับมาเพิ่มการถือครองเงินสด โดยการเข้าซื้อ ต้องพิจารณาเป็นรายตัว หรือเป็นลักษณะ selective buy …. หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรช่วงสัปดาห์จะเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการอิงปัจจัยในประเทศ หรือ domestic play และกลุ่มที่มีลักษณะ defensive การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไม่อิงกับดัชนี ประกอบด้วย KTC และ CPALL , หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก คือ KCE และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่ดี สภาวะอุตสาหกรรมเอื้อ (ค่าการกลั่นน้ำมันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง) คือ SPRC*
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิควันนี้: PTTGC , KTC , FSMART
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(0) BDMS: ศาลสั่ง “ร.พ.พญาไท 2” คืนสิทธิ์รักษาฟรีตลอดชีพ ตามรอยไลฟ์พริวิลเลจ ร.พ.กรุงเทพ
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 18 ศาลแพ่งรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษา คดีโจทย์ 16 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทโรงพยาบาลไท 2 ในข้อหาผิดสัญญา ละเมิดกรณีจำเลยยกเลิกสิทธิรักษาพยาบาลฟรีตลอดชีพที่ตกลงไว้กับสมาชิกในโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) โดยโครงการดังกล่าวมีสมาชิกทั้งหมด 52 คน ซึ่ง 32 คนรับข้อเสนอคืนค่าสมาชิกพร้อมดอกเบี้ย 10% ต่อปีตั้งแต่วันทำสัญญาจนวันยุติสัญญา คงเหลือ 20 คนที่ไม่ยอมรับข้อเสนอ และยื่นฟ้องต่อศาลเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีโจทย์ 16 คน และกลุ่ม 2 มีโจทก์ 3 คน ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้โรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดให้บริการรักษาพยาบาลฟรีตลอดชีพแก่โจทก์ทั้ง 16 คนแล้ว (ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ)
ความเห็น: เรามองประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นกลางกับ BDMS เนื่องจากคดีก่อนหน้านี้ที่มีโจทก์จากโครงการไลฟ์พริวิเลจ คลับ โรงพยาบาลกรุงเทพยื่นฟ้องโรงพยาบาลกรุงเทพ และ BDMS ได้แพ้คดีไปแล้ว ซึ่งเรามองว่าตลาดรับรู้ข่าวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วว่าคดีที่เหลือที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน BDMS ก็จะแพ้คดีเช่นเดียวกัน และประเด็นดังกล่าวกระทบกับกำไรของ BDMS เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปัจจุบันเราแนะนำ “ซื้อ” BDMS ที่ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(0) TCAP (ถือ/56 บาท) คาดกำไรสุทธิ 1Q18 เติบโตได้ YoY แต่จะชะลอตัวลงใน 2H18
เราประมาณการกำไรสุทธิของ TCAP ใน 1Q18 อยู่ที่ 1.71 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 12% QoQ โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นได้ดีราว 4% YoY ขณะที่กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาสก่อนมีบันทึกกำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 390 ล้านบาท ส่วนการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเราคาดว่าจะตั้งที่ระดับ 1.36 พันล้านบาท ลดลง 41.4% QoQ เพราะไตรมาสนี้ไม่มีลูกหนี้รายใหญ่ผิดนัดชำระหนี้เหมือนไตรมาสก่อน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY โดยคาดว่า การเติบโตของกำไรในช่วง 1H18 จะยังเติบโตได้ดี แต่ช่วง 2H18 จะเห็นเติบโตที่ชะลอตัวลง เนื่องจาก Tax shield จากการควบรวม SCIB จะทยอยหมดลงในช่วงเดือน พ.ค. ยังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 56 บาท อิง P/BV ปี 2018 ที่ 1.0x เทียบเท่า +1SD ย้อนหลัง 5 ปี
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO6999
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ตลาดมีความเสี่ยงจาก Trade War คาดัชนีเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน ให้กรอบ 1760-1820 จุด ..... น้ำหนักส่วนใหญ่ยังเป็นปัจจัยต่างประเทศ โดยสหรัฐฯเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางจีนเริ่มมีการตอบโต้บ้างโดยการพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐรวมมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาดในสัปดาห์นี้ กลบปัจจัยอื่น .... ขณะที่ตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่อทิศทางตลาด ประกอบด้วย รายงานตัวเลข GDP 4Q17 ของสหรัฐฯในวันที่ 28 มี.ค.
กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ : ด้วยมุมมองตลาดที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนกลับมาเพิ่มการถือครองเงินสด โดยการเข้าซื้อ ต้องพิจารณาเป็นรายตัว หรือเป็นลักษณะ selective buy …. หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรช่วงสัปดาห์จะเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการอิงปัจจัยในประเทศ หรือ domestic play และกลุ่มที่มีลักษณะ defensive การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไม่อิงกับดัชนี ประกอบด้วย KTC และ CPALL , หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก คือ KCE และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่ดี สภาวะอุตสาหกรรมเอื้อ (ค่าการกลั่นน้ำมันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง) คือ SPRC*
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิควันนี้: PTTGC , KTC , FSMART
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(0) BDMS: ศาลสั่ง “ร.พ.พญาไท 2” คืนสิทธิ์รักษาฟรีตลอดชีพ ตามรอยไลฟ์พริวิลเลจ ร.พ.กรุงเทพ
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 18 ศาลแพ่งรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษา คดีโจทย์ 16 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทโรงพยาบาลไท 2 ในข้อหาผิดสัญญา ละเมิดกรณีจำเลยยกเลิกสิทธิรักษาพยาบาลฟรีตลอดชีพที่ตกลงไว้กับสมาชิกในโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) โดยโครงการดังกล่าวมีสมาชิกทั้งหมด 52 คน ซึ่ง 32 คนรับข้อเสนอคืนค่าสมาชิกพร้อมดอกเบี้ย 10% ต่อปีตั้งแต่วันทำสัญญาจนวันยุติสัญญา คงเหลือ 20 คนที่ไม่ยอมรับข้อเสนอ และยื่นฟ้องต่อศาลเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีโจทย์ 16 คน และกลุ่ม 2 มีโจทก์ 3 คน ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้โรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดให้บริการรักษาพยาบาลฟรีตลอดชีพแก่โจทก์ทั้ง 16 คนแล้ว (ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ)
ความเห็น: เรามองประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นกลางกับ BDMS เนื่องจากคดีก่อนหน้านี้ที่มีโจทก์จากโครงการไลฟ์พริวิเลจ คลับ โรงพยาบาลกรุงเทพยื่นฟ้องโรงพยาบาลกรุงเทพ และ BDMS ได้แพ้คดีไปแล้ว ซึ่งเรามองว่าตลาดรับรู้ข่าวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วว่าคดีที่เหลือที่มีลักษณะเช่นเดียวกัน BDMS ก็จะแพ้คดีเช่นเดียวกัน และประเด็นดังกล่าวกระทบกับกำไรของ BDMS เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปัจจุบันเราแนะนำ “ซื้อ” BDMS ที่ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(0) TCAP (ถือ/56 บาท) คาดกำไรสุทธิ 1Q18 เติบโตได้ YoY แต่จะชะลอตัวลงใน 2H18
เราประมาณการกำไรสุทธิของ TCAP ใน 1Q18 อยู่ที่ 1.71 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 12% QoQ โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นได้ดีราว 4% YoY ขณะที่กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาสก่อนมีบันทึกกำไรจากการขายหุ้น MBK ราว 390 ล้านบาท ส่วนการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเราคาดว่าจะตั้งที่ระดับ 1.36 พันล้านบาท ลดลง 41.4% QoQ เพราะไตรมาสนี้ไม่มีลูกหนี้รายใหญ่ผิดนัดชำระหนี้เหมือนไตรมาสก่อน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY โดยคาดว่า การเติบโตของกำไรในช่วง 1H18 จะยังเติบโตได้ดี แต่ช่วง 2H18 จะเห็นเติบโตที่ชะลอตัวลง เนื่องจาก Tax shield จากการควบรวม SCIB จะทยอยหมดลงในช่วงเดือน พ.ค. ยังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 56 บาท อิง P/BV ปี 2018 ที่ 1.0x เทียบเท่า +1SD ย้อนหลัง 5 ปี
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO6999