WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Energy Play
  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับลงแรงลงไปทดสอบ 1,780 จุดจาก Sentiment เชิงลบหลังทรัมป์ลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามดัชนีค่อยๆรีบาวด์กลับขึ้นมาและปิดลบเพียง 4.34 จุด ณ สิ้นวันซึ่งแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคมาก นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 648 ลบ. รวมถึง Net Long ใน Index Futures สูงถึง 13,569 สัญญาหรือราว 2.7 พันลบ.
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งค่อนข้างผันผวนในระยะนี้ โดยมองวันนี้เคลื่อนไหว Sideways Down จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากต่างประเทศจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงครามการค้าโลก อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าท้ายที่สุดนโยบายต่างๆจากทรัมป์จะออกมาในรูปแบบที่ผ่อนปรนเพราะจะไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์ แต่จาก Sentiment ตลาดที่เป็นลบระยะนี้ เราจึงยังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic ยังดูน่าสนใจมากกว่า รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Domestic และ Energy//สะสมหุ้นเพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
  หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC 
  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$567ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$350ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$21ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคกังวลต่อสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PTTEP <<
คงคำแนะนำซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ราคาเป้าหมาย 125 บาท
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% W-W (+6% YTD) จากทั้งสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ลดลง ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และ Dollar Index ที่ทรุดตัว
เราคาดกำไร 1Q18 ดีต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ส่วนกำไรสุทธิทั้งปีนี้คาด +30% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. ขณะที่ ประเด็นเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside รวมถึงทำให้ PTTEP เคลื่อนไหว Outperform หุ้นใน SET50 ได้
ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ย ที่ 1.50% ในการประชุมพุธนี้และมีโอกาสคงดอกเบี้ยตลอดทั้งปี ถ้าปรับขึ้นน่าจะเป็นปลายปีเป็นอย่างเร็ว และคาดว่าธปท.จะส่งสัญญาณปรับเพิ่มประมาณการ GDP แม้ Fed จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเฟดกับไทยเป็น 0.75% สิ้นปีนี้ จาก -1% สิ้นปี 2015 ที่เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย แต่เชื่อไม่กดดันเงินทุนให้ไหลออกเพราะไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงมาก (11% ของ GDP) และไม่กดดันประเทศอื่นในเอเชียเช่นกัน ล่าสุดธนาคารกลางของอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวันประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  (+) ORI ภายหลังการเปิดขาย 3 โครงการ KnightsBridge มูลค่ารวม 6 พันล้านบาท อย่างเป็นทางการในวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับดี และมียอด Presales รวมแตะระดับ 4.3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 22% ของเป้าทั้งปีที่ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เราคาดหวังความสำเร็จจากการเปิดโครงการใหม่อีก 11 แห่ง มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท น่าจะช่วยหนุนให้ยอด Presales ทั้งปี +36% Y-Y ตามที่ตั้งไว้ได้ไม่ยาก เรายังชอบ ORI ในแง่ของการเติบโตของกำไรปกติปีนี้ที่แข็งแกร่งที่สุด คาด +92% Y-Y เป็น 2.6 พันล้านบาท โดยมี Backlog รองรับประมาณการรายได้แล้วกว่า 79% มากกว่ารายอื่นที่เฉลี่ยเพียง 20 – 30% คงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 24 บาท
  (0) ANAN จากการประชุม Opp. Day วันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทแจ้งสาเหตุของการเลื่อนโอนโครงการ Ashton Asoke (มูลค่า 6.7 พันลบ. มียอดขายแล้ว 98%) จากกำหนดเดิมไปอีก 1 ปีเป็นมี.ค. 2019 เพราะยังไม่ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคารจากกทม. ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนกทม.และรฟม.ในการอนุมัติใช้ประโยชน์ในพื้นที่เข้า-ออกที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้ซื้อที่สามารถรอโอนในปีหน้า บริษัทจะให้ส่วนลด 7.5% ของเงินที่จ่ายมาแล้ว ขณะที่ผู้ซื้อมีสิทธิเปลี่ยนเป็นโครงการอื่นในระดับที่ใกล้เคียงกัน 5 แห่ง แต่หากต้องการยกเลิกสัญญา บริษัทจะคืนเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย เราประเมินแบบอนุรักษ์นิยมโดยนำการโอนโครงการดังกล่าวออกในปีนี้ จะทำให้กำไรลดลงราว 27% จากประมาณการเดิม และราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 4.20-4.50 บ. ทั้งนี้ ในกลุ่มอสังหาฯ เราชอบ SC (เป้าหมาย 4.80 บ.) และ ORI (เป้าหมาย 24 บ.) มากกว่า
  (0) SYNEX ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 16% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองว่าไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน เพราะแนวโน้มกำไร 1Q18 ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี จากทั้งการเพิ่มแบรนด์สินค้า และมีเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ขณะที่ ความกังวลในอัตราการเติบโตที่อาจชะลอเพราะฐานสูง เรามองว่าที่ระดับ Forward PE 12 เท่า และ PEG 0.6 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.3 เท่า น่าจะหักล้างความกังวลนี้ได้หมด จึงยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท ทั้งนี้ นอกจากราคาหุ้นจะเริ่มถูกในเชิงปัจจัยพื้นฐานแล้ว ในทางปัจจัยเทคนิค ยังต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน มากถึง 14% ใกล้เคียงจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสถูก Cover Short ด้วย  
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 มี.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
           - สหรัฐฯ: 4Q18 GDP ขั้นสุดท้าย
31 มี.ค.- จีน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
2 เม.ย.- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
         - สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (มี.ค.)
3 เม.ย.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
5 เม.ย.- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (มี.ค.)
(-) ความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าส่งผลกระทบต่อตลาดสหรัฐทั้งสามตลาดให้ปรับตัวลงประมาณ 2% ซึ่งสวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี
(-) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงจากแรงกดดันจากทางฝั่งอเมริกา
(-) ตลาดฟิวเจอร์ฮ่องกงปรับตัวลงแรง แม้ว่าผู้ว่าการธนาคารจีนคนใหม่จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะเปิดกว้างมากขึ้นในภาคการเงิน ในขณะที่เกาหลีใต้เองก็ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การเจรจาระหว่างประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมถึงประเทศจีนด้วย
()  การอ่อนค่าลงของดอลลาร์จากข่าวเรื่องสงครามทางการค้าส่งผลให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 31.15-31.20 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 65.88 ดอลลาร์/บาร์เรล จาการคาดการณ์ว่าโอเปคจะขอขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตไปอีก 1 ปี
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 22.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,349.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์จากการย้ายเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6996

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!