WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
เห็นแวว Trade war มาเร็วกว่าที่คาด...
  วันนี้หุ้นไทยลงตามสภาพ หลังตลาดหุ้นโลกลงรับข่าว Negative shock ปธน.ทรัมป์ลงนาม กม.ม301 เก็บ
ภาษีสินค้าจีน 25% เช่น Robotics, Aerospace, Information and communication technology and
Machinery etc. เป็นวงเงิน US$5 หมื่นล้าน (แต่ยังดี ที่น้อยกว่าที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ที่ US$6 หมื่นล้าน)
และจากนี้ 30 วันจะเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อนเริ่มใช้ ยิ่งกว่านั้น ปธน.ทรัมป์ สั่ง รมว.คลัง ตรวจสอบดูการ
จากัดการลงทุนของจีน ในสหรัฐฯ อีกด้วย ด้านจีนตอบโต้ โดยเตรียม การเก็บภาษี สุกร อลูมิเนียมรีไซเคิล
25% ท่อเหล็ก ผลไม้ และ ไวน์ 15% จากสหรัฐฯ
  ประเด็นการตอบโต้ทางการค้า กลายเป็น ปัจจัยลบที่เหนือความคาดหมายของตลาด และส่งผลลบต่อการ
ขยายตัวเศรษฐกิจโลก...
Impact:
  (-) Morgan Stanley ออกรายงาน คาด มาตรการครั้งนี้ จะส่งผลต่อ ตัวเลขส่งออกของจีน ราว 0.7-0.9ppt.
และกระทบ GDP จีน 0.12-0.14ppt. โดยหลังจากนี้ จีนจะส่งเรื่องไปยัง WTO, พร้อมทั้งออกมาตรการเก็บ
ภาษีตอบโต้สหรัฐฯ (ซึ่งเลือกออกไปแล้วบางส่วน)
  (-/+) ผลกระทบต่อหุ้นไทยและหุ้น ASEAN คาดเพิ่มความเสี่ยงด้านล่างบ้าง แต่จะน้อยกว่าตลาดหุ้น North
Asia ที่โดนกระทบโดยตรงจากมาตรการดังกล่าว เพราะ หุ้น ASEAN มีรายได้ จาก บจ.ใน สหรัฐฯเพียง 2%
ขณะที่หุ้น North Asia มีรายได้จาก บจ.สหรัฐฯ ราว 6% ถึง 30% (คือ จีน และ ไต้หวัน) จะกระทบต่อ
Earnings มากกว่า และ ส่งผลให้ ตลาดหุ้น ไทย สิงคโปร์ ยังเป็น Save haven ที่ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นใน
ภูมิภาค
  (-) CPF TFG การที่จีนเรียก เก็บภาษี สุกร จากสหรัฐฯ คาดมี ผลต่อ Supply ในตลาด ASEAN และ ไทยให้
เพิ่มขึ้น ส่งผลกดดันราคาเนื้อสุกร
  (+) ผลตอบแทนระยะยาวพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลงแรง หลังความเสี่ยง Trade war เพิ่มขึ้น บวกกับรับข่าว
เฟดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้เหลืออีกแค่ 2 ครั้ง ...คาดผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงเป็นบวกต่อ หุ้นไทย
หุ้นแนะนำวันนี้
  INTUCH GULF คาดโฟลว์ จากการหลีกเลี่ยงหุ้น Beta จะหมุนเข้าพักในหุ้น Defensive.
รายงานวันนี้
ความเห็น MS ต่อมาตรการภาษีของ US ต่อ จีน
  1. การตั้งกาแพงภาษีคากจะกระทบมูลค่าการนาเข้าสินค้าจากจีนราว US$50-60bn
  2. คาดมาตรการจะกระทบกับ GDP growth ของจีนราว 0.12-0.14%
  3. ชอบหุ้น ASEAN มากกว่า North Asia เพราะบริษัทใน ASEAN มีรายได้จาก US เพียง 2% เทียบกับ
North Asia ที่มีรายได้จาก US 6-30%
  4. Overweight ไทย และ สิงคโปร์ ใน ASEAN แต่ให้ระวัง กลุ่ม IT และ Autos
Small Cap Playbook: Flying with e-commerce’s supply chain
“เศรษฐกิจอินเตอร์เน็ต” ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว หนุนกาไร บจ.ที่เชื่อมโยง และ ผลักดันราคาหุ้นขึ้นมา
โดยที่เรารู้ตัว และ ไม่รู้ตัว ว่าหุ้นเหล่านั้นเชื่อมโยงกันอย่างไร ทั้งๆที่หลายธุรกิจต้องพึ่งพากัน แบบ “ตลอด
สายซัพพลายเชน” ในรายงานฉบับนี้ เราจะมาจับกระแสหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ที่เราศึกษา ไล่เรียงตั้งแต่ ต้นน้ายัน
ปลายน้า
  Upstream play: โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจ: SEAFCO PYLON ITEL SIMAT
Mid-Stream: ตัวกลางสาคัญที่ต้องมี: ASAP ECL III
  Downstream: ถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้าย: COM7 UTP นอกจากนี้ยังมี ORI SF GIFT D ที่อยู่ในกลุ่ม
downstream ซึ่งเรามองว่าแต่ละบริษัทมีจุดเด่นในการแข่งขันและการเติบโต
Energy: GRM to rise, crude prices to fall—play refineries
  เราแนะเล่นหุ้นโรงกลั่น TOP SPRC จากค่าการกลั่นที่คาดจะปรับตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลซึ่ง US driving
season และรอมฎอนกาลังใกล้เข้ามา นอกจากนี้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะมีโรงกลั่นปิดซ่อมบารุงจานวน
มาก ส่งผลให้ค่าการกลั่นดีขึ้น สาหรับถ่านหินในช่วงไตรมาส2 เป็น low season คาดราคาถ่านจะอ่อนตัวลง
นอกจากนี้คาดการออก TOR การประมูลแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกต จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น PTTEP
และการขาย PTTOR คาดจะหนุนหุ้น PTT
SAWAD: Resilience and strong growth this year
  บริษัทคงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 20-25% ในขณะที่คาดส่วนต่างดอกเบี้ยจะกว้างขึ้นเป็น 20-25% (ปีที่แล้ว
17.7%) เพราะต้นทุนการเงินที่ลดลง สาหรับ IFRS9 คาดส่งผลกระทบจากัดเพราะ coverage ratio ที่สูงถึง
93% ส่งผลให้ปีนี้การตั้งสารองมีโอกาสที่จะน้อยกว่าคาด และสาหรับกฏเกณฑ์ที่จะเข้ามาควบคุมการปล่อย
สินเชื่อ non-bank หากกฏออกมาควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้น้อยกว่าที่บริษัทใช้อยู่ในปัจจุบัน บริษัทมีแผนที่
จะกลับไปใช้ license ของ ธปท. ผ่าน BFIT ซึ่งผลกระทบจะน้อยมาก เราคงแนะนา ซื้อ ราคาเป้าหมาย 73
บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
  (+) ส่งออกไทยเดือน กพ. +10.3% ลดลงจาก 17.6% y-y โดยขยายตัวดีกว่าคาดที่ 8.2% y-y
  (+) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจ ปีนี้ จาก 2.5% เป็น 2.7% ปี 2019 จาก 2.7% เป็น
2.9% และระยะยาว จาก 1.8% เป็น 2% และดอกเบี้ยปีนี้ คงส่งสัญญาณขึ้นอีกแค่ 2 ครั้ง (ขึ้นเดือน มีค.ไป
แล้ว 0.25% เป็น 1.5-1.75%) ปีหน้าขึ้นอีก 3 ครั้ง และ 2020 ขึ้นอีก 2 ครั้ง
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO6925

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!