- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 March 2018 17:35
- Hits: 1508
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“รอประชุม Fed และพะวงเรื่องเลือกตั้ง”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าตลาดในวันนี้เคลื่อนไหวในลักษณะ sideway รอผลประชุม FOMC คืนนี้ (21) และนักลงทุนยังพะวงต่อกำหนดเลือกตั้งของไทยว่าจะเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ ...... ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของไทย วันนี้ จะมี 3 ตัว ประกอบด้วย ตัวเลขส่งออกไทย (คาด +9.25% YoY) ตัวเลขยอดขายรถยนต์ และ ตัวเลขนักท่องเที่ยว (คาดว่าจะออกมาเติบโตสูงจากช่วงตรุษจีน) .... ปัจจัยต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย
กลยุทธ์การลงทุน:
มองตลาดเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway รอตัวเลขทางเศรษฐกิจ การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรในช่วงสั้น เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ไม่อิงต่อภาวะการเมืองในประเทศ อาทิ กลุ่ม ICT ซึ่งยังได้ปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการเลื่อนการประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรเคมี ที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง …. หุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ TRUE*, PTTEP , IRPC, BEAUTY
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: AP*, BGRIM
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: BANPU, SGP, STAR
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TRUE* : (ราคาปิด 7.20 บาท)
เรายังคงแนะนำ TRUE ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยมองว่านักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรในกลุ่ม ICT ต่อเนื่องจากประเด็นการเลื่อนประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี โดยเราเลือก TRUE ที่ได้รับผลบวกจากการที่ กสทช. ผ่อนผันการจ่ายค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ TRUE ยังมีประเด็นเฉพาะตัวจากขายสินทรัพย์เข้ากอง DIF มูลค่า 6.5-7 หมื่นลบ.
(+) IRPC : (ราคาปิด 7.60 บาท)
IRPC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านผลประกอบการของ IRPC ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโต +18% YoY ที่ 12,635 ล้านบาท จากการเดินหน้าโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมุลค่าผลิตภัณฑ์.... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 8.50 บาท
(+) BEAUTY : (ราคาปิด 21.00 บาท)
เรามองว่า BEAUTY มีความน่าสนจากคาดการณ์การเติบโตช่วง 1Q18 ในระดับสูงจาก การบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น และPurchasing power ที่เพิ่มขึ้น, SSSG คาดว่าจะเติบโตสูงต่อเนื่องที่ double digits, และ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +15% YoY .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 25.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(0) MINT เตรียมเข้าซื้อโรงแรม NH ในสเปน ราว 29.35%
แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ระหว่างเตรียมลงนามซื้อหุ้นบริษัท NH Hotel Group, S.A. หรือ NHH จาก บริษัท HNA Group Co., Ltd. จำนวน 103 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 29.35% จากจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NHH ภายในเร็วๆ นี้ โดยต้องมีการทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) หลังจากที่ได้หุ้นมาถือครองแล้วเกินกว่า 25% ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ หุ้น NHH มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันที่ 19 มี.ค. 2561 เท่ากับ 2.22 พันล้านยูโร หรือราว 8.54 หมื่นล้านบาท โดยมีการระบุว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นธนาคาร 2 แห่งที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ MINT สำหรับการซื้อหุ้นครั้งแรกในสัดส่วน 29.35% รวมถึงการทำเทนเดอร์ฯต่อไปในอนาคตด้วย
ความเห็น: เรามีมุมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวดังกล่าว โดยหากคิดการเข้าซื้อหุ้นที่ 29.35% คิดเป็นเงินลงทุนราว 2.5 หมื่นล้านบาท และอ้างอิงกำไรสุทธิของ NHH ในปี 2018 จาก Bloomberg Consensus ที่ระดับ 2.91 พันล้านบาท จะทำให้ MINT ได้ส่วนแบ่งกำไรราว 850 ล้านบาท ทำให้เราคาดว่า ในระยะสั้น MINT จะต้องแบกภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่ากำไรจากโรงแรม NHH ที่ซื้อมา แต่อย่างไรก็ดี โรงแรม NHH เป็นโรงแรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปยุโรป ประกอบด้วยโรงแรมส่วนใหญ่ที่ให้บริการในพื้นที่ทวีปยุโรปและอเมริการกลาง จำนวน 380 แห่ง ใน 29 ประเทศ ซึ่งมีห้องพักไว้ให้บริการรวมทั้งหมดจำนวนกว่า 5.3 หมื่นห้อง ทำให้เราคาดว่า ในระยะยาวจะส่งผลดีในแง่ของการขยายฐานโรงแรมในยุโรป เบื้องต้นเรายังไม่ได้รวมในประมาณการโครงการดังกล่าว โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 45 บาท
“รอประชุม Fed และพะวงเรื่องเลือกตั้ง”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าตลาดในวันนี้เคลื่อนไหวในลักษณะ sideway รอผลประชุม FOMC คืนนี้ (21) และนักลงทุนยังพะวงต่อกำหนดเลือกตั้งของไทยว่าจะเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ ...... ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของไทย วันนี้ จะมี 3 ตัว ประกอบด้วย ตัวเลขส่งออกไทย (คาด +9.25% YoY) ตัวเลขยอดขายรถยนต์ และ ตัวเลขนักท่องเที่ยว (คาดว่าจะออกมาเติบโตสูงจากช่วงตรุษจีน) .... ปัจจัยต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย
กลยุทธ์การลงทุน:
มองตลาดเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway รอตัวเลขทางเศรษฐกิจ การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรในช่วงสั้น เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ไม่อิงต่อภาวะการเมืองในประเทศ อาทิ กลุ่ม ICT ซึ่งยังได้ปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการเลื่อนการประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรเคมี ที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง …. หุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ TRUE*, PTTEP , IRPC, BEAUTY
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: AP*, BGRIM
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: BANPU, SGP, STAR
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TRUE* : (ราคาปิด 7.20 บาท)
เรายังคงแนะนำ TRUE ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยมองว่านักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรในกลุ่ม ICT ต่อเนื่องจากประเด็นการเลื่อนประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี โดยเราเลือก TRUE ที่ได้รับผลบวกจากการที่ กสทช. ผ่อนผันการจ่ายค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ TRUE ยังมีประเด็นเฉพาะตัวจากขายสินทรัพย์เข้ากอง DIF มูลค่า 6.5-7 หมื่นลบ.
(+) IRPC : (ราคาปิด 7.60 บาท)
IRPC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านผลประกอบการของ IRPC ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโต +18% YoY ที่ 12,635 ล้านบาท จากการเดินหน้าโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมุลค่าผลิตภัณฑ์.... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 8.50 บาท
(+) BEAUTY : (ราคาปิด 21.00 บาท)
เรามองว่า BEAUTY มีความน่าสนจากคาดการณ์การเติบโตช่วง 1Q18 ในระดับสูงจาก การบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น และPurchasing power ที่เพิ่มขึ้น, SSSG คาดว่าจะเติบโตสูงต่อเนื่องที่ double digits, และ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +15% YoY .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 25.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(0) MINT เตรียมเข้าซื้อโรงแรม NH ในสเปน ราว 29.35%
แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ระหว่างเตรียมลงนามซื้อหุ้นบริษัท NH Hotel Group, S.A. หรือ NHH จาก บริษัท HNA Group Co., Ltd. จำนวน 103 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 29.35% จากจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NHH ภายในเร็วๆ นี้ โดยต้องมีการทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) หลังจากที่ได้หุ้นมาถือครองแล้วเกินกว่า 25% ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ หุ้น NHH มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันที่ 19 มี.ค. 2561 เท่ากับ 2.22 พันล้านยูโร หรือราว 8.54 หมื่นล้านบาท โดยมีการระบุว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นธนาคาร 2 แห่งที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ MINT สำหรับการซื้อหุ้นครั้งแรกในสัดส่วน 29.35% รวมถึงการทำเทนเดอร์ฯต่อไปในอนาคตด้วย
ความเห็น: เรามีมุมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวดังกล่าว โดยหากคิดการเข้าซื้อหุ้นที่ 29.35% คิดเป็นเงินลงทุนราว 2.5 หมื่นล้านบาท และอ้างอิงกำไรสุทธิของ NHH ในปี 2018 จาก Bloomberg Consensus ที่ระดับ 2.91 พันล้านบาท จะทำให้ MINT ได้ส่วนแบ่งกำไรราว 850 ล้านบาท ทำให้เราคาดว่า ในระยะสั้น MINT จะต้องแบกภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่ากำไรจากโรงแรม NHH ที่ซื้อมา แต่อย่างไรก็ดี โรงแรม NHH เป็นโรงแรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในทวีปยุโรป ประกอบด้วยโรงแรมส่วนใหญ่ที่ให้บริการในพื้นที่ทวีปยุโรปและอเมริการกลาง จำนวน 380 แห่ง ใน 29 ประเทศ ซึ่งมีห้องพักไว้ให้บริการรวมทั้งหมดจำนวนกว่า 5.3 หมื่นห้อง ทำให้เราคาดว่า ในระยะยาวจะส่งผลดีในแง่ของการขยายฐานโรงแรมในยุโรป เบื้องต้นเรายังไม่ได้รวมในประมาณการโครงการดังกล่าว โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 45 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) RS (ซื้อ/35.00 บาท) RS เตรียมทุ่มงบ R & D หนุน Health & Beauty โตเด่น
RS เตรียมทุ่มงบ R&D 100 ล้านบาทจับมือพันธมิตรพัฒนานวัตกรรมใหม่ สำหรับสินค้ากลุ่มกลุ่ม Health & Beauty เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่าการลงทุนใน R & D จะส่งผลบวกต่อธุรกิจ Health & Beauty ของ RS เรามองว่า RS จะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายส่งผลให้ตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น และขยายฐานลูกค้า ซึ่งเราคาดว่าสิ้นปี 2018 RS จะมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.5 ล้านราย เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจ MPC จะอยู่ที่ 3,263 ลบ. เพิ่ม 134%YoY เราเชื่อมั่นว่า ในปี 2018 กำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่นที่ +148% YoY อยู่ที่ 827 ลบ.จากรายได้จากธุรกิจหลักที่เติบโตโดดเด่น ปัจจุบันแม้ RS เทรดอยู่ที่ PER 35x2018 แต่มี PEG อยู่ที่ 0.24x (Inexpensive valuation) ซึ่งต่ำกว่า peer ทั้งกลุ่มธุรกิจ Media (PEG 1.02 x2018) และ Commerce (PEG 1.4x 2018) เรามองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม”หุ้น RS ให้ราคาเหมาะสมที่ 35 บาท อิงวิธี DCF
(+) RS (ซื้อ/35.00 บาท) RS เตรียมทุ่มงบ R & D หนุน Health & Beauty โตเด่น
RS เตรียมทุ่มงบ R&D 100 ล้านบาทจับมือพันธมิตรพัฒนานวัตกรรมใหม่ สำหรับสินค้ากลุ่มกลุ่ม Health & Beauty เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่าการลงทุนใน R & D จะส่งผลบวกต่อธุรกิจ Health & Beauty ของ RS เรามองว่า RS จะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายส่งผลให้ตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น และขยายฐานลูกค้า ซึ่งเราคาดว่าสิ้นปี 2018 RS จะมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 1.5 ล้านราย เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจ MPC จะอยู่ที่ 3,263 ลบ. เพิ่ม 134%YoY เราเชื่อมั่นว่า ในปี 2018 กำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่นที่ +148% YoY อยู่ที่ 827 ลบ.จากรายได้จากธุรกิจหลักที่เติบโตโดดเด่น ปัจจุบันแม้ RS เทรดอยู่ที่ PER 35x2018 แต่มี PEG อยู่ที่ 0.24x (Inexpensive valuation) ซึ่งต่ำกว่า peer ทั้งกลุ่มธุรกิจ Media (PEG 1.02 x2018) และ Commerce (PEG 1.4x 2018) เรามองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม”หุ้น RS ให้ราคาเหมาะสมที่ 35 บาท อิงวิธี DCF
(+) IVL (ซื้อ/66.00 บาท) การซื้อกิจการในบราซิล ช่วยขยายฐานการตลาด
IVL ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อกิจการโรงงานผลิต PET ในบราซิล โดยการเข้ารวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ใน 2Q18 เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการซื้อกิจการ เนื่องจาก IVL จะสามารถขยายฐานการตลาดในทวีปอเมริกาใต้ได้ กำลังการผลิตของ IVL มีการเติบโตต่อเนื่องประมาณ 8% ต่อปีในช่วง 2013-2019 ทั้งการขยายกำลังการผลิตและซื้อกิจการ คาดว่า IVL จะมี EPS เติบโตในปี 2018 แม้มีฐานที่สูงในปี 2017 เราคาดว่า spread จะอยู่สูงในปี 2018 อิงวิธี EV/EBITDA 2018 ที่ 9.5 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 66.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 63.00 บาท เนื่องจากปรับประมาณการณ์กำไรปี 2018 เพิ่มขึ้น หนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ และยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาซื้อธุรกิจที่เหมาะสมเพื่อสร้าง Synergy หลายแห่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ”
IVL ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อกิจการโรงงานผลิต PET ในบราซิล โดยการเข้ารวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ใน 2Q18 เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการซื้อกิจการ เนื่องจาก IVL จะสามารถขยายฐานการตลาดในทวีปอเมริกาใต้ได้ กำลังการผลิตของ IVL มีการเติบโตต่อเนื่องประมาณ 8% ต่อปีในช่วง 2013-2019 ทั้งการขยายกำลังการผลิตและซื้อกิจการ คาดว่า IVL จะมี EPS เติบโตในปี 2018 แม้มีฐานที่สูงในปี 2017 เราคาดว่า spread จะอยู่สูงในปี 2018 อิงวิธี EV/EBITDA 2018 ที่ 9.5 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 66.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 63.00 บาท เนื่องจากปรับประมาณการณ์กำไรปี 2018 เพิ่มขึ้น หนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ และยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาซื้อธุรกิจที่เหมาะสมเพื่อสร้าง Synergy หลายแห่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(-) HANA (ถือ/38.00 บาท) แนวโน้มระยะสั้นกำไรยังไม่ฟื้นตัว แต่ Dividend yield สูงระดับ 5.8%
เรามีมุมมองเชิงลบเล็กน้อยต่อการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยผู้บริหารให้มุมมองว่ายอดขายสกุลดอลลาร์ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการการเติบโต YoY แต่ทรงๆ QoQ และมั่นใจว่าตลาด Semiconductor ของโลกยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเนื่องจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น effective tax rate เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย R&D เพิ่มขึ้น เราจึงคาดกำไรปกติใน 1Q18 จะยังไม่ฟื้นตัว และปรับกำไรปกติปี 2018-19 ลง 3% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้เราได้ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 38.00 บาท (อิง PE 13.1x จากเดิม 15.6x) จากเดิม 46.00 บาท อย่างไรก็ตาม HANA มี Dividend yield สูงขึ้นระดับ 5.8% จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO6789
เรามีมุมมองเชิงลบเล็กน้อยต่อการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยผู้บริหารให้มุมมองว่ายอดขายสกุลดอลลาร์ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการการเติบโต YoY แต่ทรงๆ QoQ และมั่นใจว่าตลาด Semiconductor ของโลกยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเนื่องจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น effective tax rate เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย R&D เพิ่มขึ้น เราจึงคาดกำไรปกติใน 1Q18 จะยังไม่ฟื้นตัว และปรับกำไรปกติปี 2018-19 ลง 3% และ 5% ตามลำดับ ทั้งนี้เราได้ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 38.00 บาท (อิง PE 13.1x จากเดิม 15.6x) จากเดิม 46.00 บาท อย่างไรก็ตาม HANA มี Dividend yield สูงขึ้นระดับ 5.8% จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO6789