- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 March 2018 16:33
- Hits: 2004
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“รอประชุม FOMC และมีหลายปัจจัยคอยถ่วง”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงอยู่ สะท้อนจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงกว่า 300 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากสงครามการค้าระหว่างสหัรฐฯ-จีน และการประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ภาพในประเทศแม้ สนช. จะส่งสัญญาณว่า roadmap การเลือกตั้งยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่ตลาดกลับมีการตอบสนองในเชิงลบ คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงได้ .... ปัจจัยต่างประเทศ EU และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2020 .... ปัจจัยในประเทศ ติดตามการเสนอรถไฟเชื่อม 3 สนามบินมูลค่า 200,000 ล้านบาทเข้าที่ประชุม ครม. ในวันนี้ และ ตัวเลขส่งออกในวันพรุ่งนี้
กลยุทธ์การลงทุน:
มองตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวลง หากจะเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน แนะนำเป็นการเข้าลงทุนในลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรในช่วงสั้น เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ไม่อิงต่อภาวะการเมืองในประเทศ อาทิ กลุ่ม ICT ซึ่งยังได้ปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการเลื่อนการประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี และกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและยังเป็นกลุ่มที่ laggard ของตลาด …. หุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ TRUE*, BCH, CPN
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: COL, EA*
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TRUE* : (ราคาปิด 7.15 บาท)
เรามองว่านักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรในกลุ่ม ICT ต่อเนื่องจากประเด็นการเลื่อนประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี โดยเราเลือก TRUE ที่ได้รับผลบวกจากการที่ กสทช. ผ่อนผันการจ่ายค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ TRUE ยังมีประเด็นเฉพาะตัวจากขายสินทรัพย์เข้ากอง DIF มูลค่า 6.5-7 หมื่นลบ.
(+) BCH : (ราคาปิด 17.00 บาท)
มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่ม laggard ที่นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาให้ความสนใจ เลือก BCH จากปริมาณการซื้อขายที่เข้ามามากในช่วงวานนี้ อีกทั้งในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังมองว่าผลการดำเนินงานของ BCH จะปรับตัวขึ้นสูง จากโรคระบาดที่เข้ามา และ WMC ที่จะขาดทุนสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 19.50 บาท
(+) CPN : (ราคาปิด 79.50 บาท)
CPN มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการเตรียมเปิดเซ็นทรัลภูเก็ตพื้นที่ถึง 63,00 ตร.ม. ภายในช่วง 1H18 นอกจากนี้เซ็นทรัลเวิลด์จะปรับปรุงแล้วเสร็จในช่วง 3Q18 รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท โดยเราคาดกำไรปกติปี 2018 ของ CPN จะเติบโต +22% YoY ที่ 12,254 ล้านบาท .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) CENTEL เซ็นทรัลทุ่มงบหมื่นล. ลุยเปิดร้านอาหาร5ปี
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ (2561-2565) บริษัทจะใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 1,800-2,200 ล้านบาท ลงทุนขยายธุรกิจโดยจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะนำธุรกิจร้านอาหารในเครือเข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเริ่มที่ประเทศเวียดนามแห่งแรก ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะนำร้านอาหารในเครือเข้าไปขยายธุรกิจในตลาดโกลบอล ซึ่งภูมิภาคแรกที่คาดว่าจะเข้าไปทำตลาดคือยุโรป (ที่มา: นสพ. โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นข่าวดังกล่าวต่อ CENTEL หากมีการเปิดสาขาได้เป็นเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้าได้สำเร็จ ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจร้านอาหารในเครือที่เปิดให้บริการในประเทศรวม 902 สาขา ซึ่งในส่วนของแผนการเปิดร้านใหม่ในปี 2561 บริษัทจะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 100 สาขา เพื่อให้ปี 2565 มีจำนวนร้านอาหารในเครือที่เปิดให้บริการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขา แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในระยะสั้นภาพรวมของธุรกิจอาหารยังหดตัวลง โดย SSSG ในเดือน ม.ค. ผู้บริหารเปิดเผยว่า มีการอ่อนตัวลงอย่างมาก โดยเฉพาะ KFC และ Mister Donut เนื่องจากจัดโปรโมชั่นไม่น่าดึงดูดใจ ขณะที่เดือน ก.พ. เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ทำให้เราคาดว่า SSSG ใน 1Q18 มีโอกาสหดตัวลงราว 2% ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 53 บาท
“รอประชุม FOMC และมีหลายปัจจัยคอยถ่วง”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงอยู่ สะท้อนจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงกว่า 300 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากสงครามการค้าระหว่างสหัรฐฯ-จีน และการประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ภาพในประเทศแม้ สนช. จะส่งสัญญาณว่า roadmap การเลือกตั้งยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่ตลาดกลับมีการตอบสนองในเชิงลบ คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงได้ .... ปัจจัยต่างประเทศ EU และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2020 .... ปัจจัยในประเทศ ติดตามการเสนอรถไฟเชื่อม 3 สนามบินมูลค่า 200,000 ล้านบาทเข้าที่ประชุม ครม. ในวันนี้ และ ตัวเลขส่งออกในวันพรุ่งนี้
กลยุทธ์การลงทุน:
มองตลาดมีโอกาสที่จะปรับตัวลง หากจะเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน แนะนำเป็นการเข้าลงทุนในลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรในช่วงสั้น เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ไม่อิงต่อภาวะการเมืองในประเทศ อาทิ กลุ่ม ICT ซึ่งยังได้ปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการเลื่อนการประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี และกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและยังเป็นกลุ่มที่ laggard ของตลาด …. หุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ TRUE*, BCH, CPN
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: COL, EA*
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) TRUE* : (ราคาปิด 7.15 บาท)
เรามองว่านักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรในกลุ่ม ICT ต่อเนื่องจากประเด็นการเลื่อนประมูลคลื่นใหม่ไปจนถึงช่วงปลายปี โดยเราเลือก TRUE ที่ได้รับผลบวกจากการที่ กสทช. ผ่อนผันการจ่ายค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ TRUE ยังมีประเด็นเฉพาะตัวจากขายสินทรัพย์เข้ากอง DIF มูลค่า 6.5-7 หมื่นลบ.
(+) BCH : (ราคาปิด 17.00 บาท)
มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่ม laggard ที่นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาให้ความสนใจ เลือก BCH จากปริมาณการซื้อขายที่เข้ามามากในช่วงวานนี้ อีกทั้งในเชิงปัจจัยพื้นฐานยังมองว่าผลการดำเนินงานของ BCH จะปรับตัวขึ้นสูง จากโรคระบาดที่เข้ามา และ WMC ที่จะขาดทุนสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 19.50 บาท
(+) CPN : (ราคาปิด 79.50 บาท)
CPN มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการเตรียมเปิดเซ็นทรัลภูเก็ตพื้นที่ถึง 63,00 ตร.ม. ภายในช่วง 1H18 นอกจากนี้เซ็นทรัลเวิลด์จะปรับปรุงแล้วเสร็จในช่วง 3Q18 รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท โดยเราคาดกำไรปกติปี 2018 ของ CPN จะเติบโต +22% YoY ที่ 12,254 ล้านบาท .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) CENTEL เซ็นทรัลทุ่มงบหมื่นล. ลุยเปิดร้านอาหาร5ปี
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ (2561-2565) บริษัทจะใช้งบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 1,800-2,200 ล้านบาท ลงทุนขยายธุรกิจโดยจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะนำธุรกิจร้านอาหารในเครือเข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเริ่มที่ประเทศเวียดนามแห่งแรก ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะนำร้านอาหารในเครือเข้าไปขยายธุรกิจในตลาดโกลบอล ซึ่งภูมิภาคแรกที่คาดว่าจะเข้าไปทำตลาดคือยุโรป (ที่มา: นสพ. โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นข่าวดังกล่าวต่อ CENTEL หากมีการเปิดสาขาได้เป็นเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้าได้สำเร็จ ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจร้านอาหารในเครือที่เปิดให้บริการในประเทศรวม 902 สาขา ซึ่งในส่วนของแผนการเปิดร้านใหม่ในปี 2561 บริษัทจะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 100 สาขา เพื่อให้ปี 2565 มีจำนวนร้านอาหารในเครือที่เปิดให้บริการทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขา แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในระยะสั้นภาพรวมของธุรกิจอาหารยังหดตัวลง โดย SSSG ในเดือน ม.ค. ผู้บริหารเปิดเผยว่า มีการอ่อนตัวลงอย่างมาก โดยเฉพาะ KFC และ Mister Donut เนื่องจากจัดโปรโมชั่นไม่น่าดึงดูดใจ ขณะที่เดือน ก.พ. เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ทำให้เราคาดว่า SSSG ใน 1Q18 มีโอกาสหดตัวลงราว 2% ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 53 บาท