- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 March 2018 16:29
- Hits: 847
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Down เกือบตลอดทั้งวันก่อนที่ช่วงชั่วโมงซื้อขายสุดท้ายจะมีแรงขายออกมาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวจากประเด็นการยื่นตีความที่มาของส.ว.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ดัชนีลบมากขึ้นและมีจังหวะหลุด 1,800 จุดให้เห็น แรงขายส่วนใหญ่มาจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.ขายสุทธิในตลาดหุ้นรายละ 1-1.12 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากต่างประเทศ รวมถึงดัชนีหลุด 1,800 จุดซึ่งเป็นแนวรับจิตวิทยา ขณะที่ตลาดยังติดตามการประชุม FOMC โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธาน FED และ Dot Plot เพื่อดูโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งปีนี้ ขณะที่ในประเทศถูกกดดันหลังสนช.ยื่นตีความกฎหมายที่มา ส.ว. ซึ่งสร้างความกังวลว่าจะกระทบ Road Map การเลือกตั้ง แต่เราไม่ได้กังวลต่อประเด็นดังกล่าวและมองจังหวะอ่อนตัวยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่ม
กลยุทธ์ : สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$163ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$134ล้าน ส่วนไทยมีเงินทุนไหลออก US$33ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$33ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค รอผลการประชุม FOMC
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 67.50 บาท
ประกาศจ่ายปันผลงวด 2H17 ที่ 1.27 บาท/หุ้นและปันผลพิเศษอีก 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 2.5% ขึ้น XD วันที่ 9 เม.ย. 18
ราคาหุ้น Discount จาก NAV มากถึง 23% (ค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 20%) เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ 13,316 ลบ. +25% Y-Y ส่วนกำไรปกติคาด 12,633 ลบ. +5% Y-Y โตครั้งแรกในรอบ 3 ปีเช่นเดียวกับ ADVANC
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Down เกือบตลอดทั้งวันก่อนที่ช่วงชั่วโมงซื้อขายสุดท้ายจะมีแรงขายออกมาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวจากประเด็นการยื่นตีความที่มาของส.ว.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ดัชนีลบมากขึ้นและมีจังหวะหลุด 1,800 จุดให้เห็น แรงขายส่วนใหญ่มาจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.ขายสุทธิในตลาดหุ้นรายละ 1-1.12 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากต่างประเทศ รวมถึงดัชนีหลุด 1,800 จุดซึ่งเป็นแนวรับจิตวิทยา ขณะที่ตลาดยังติดตามการประชุม FOMC โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธาน FED และ Dot Plot เพื่อดูโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งปีนี้ ขณะที่ในประเทศถูกกดดันหลังสนช.ยื่นตีความกฎหมายที่มา ส.ว. ซึ่งสร้างความกังวลว่าจะกระทบ Road Map การเลือกตั้ง แต่เราไม่ได้กังวลต่อประเด็นดังกล่าวและมองจังหวะอ่อนตัวยังเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่ม
กลยุทธ์ : สะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$163ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$134ล้าน ส่วนไทยมีเงินทุนไหลออก US$33ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$33ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค รอผลการประชุม FOMC
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 67.50 บาท
ประกาศจ่ายปันผลงวด 2H17 ที่ 1.27 บาท/หุ้นและปันผลพิเศษอีก 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 2.5% ขึ้น XD วันที่ 9 เม.ย. 18
ราคาหุ้น Discount จาก NAV มากถึง 23% (ค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 20%) เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ 13,316 ลบ. +25% Y-Y ส่วนกำไรปกติคาด 12,633 ลบ. +5% Y-Y โตครั้งแรกในรอบ 3 ปีเช่นเดียวกับ ADVANC
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มรับเหมา วันนี้จับตารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2 แสนลบ. เข้าครม.เป็นโครงการแรกของปี ขณะที่การประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่จะชัดเจน และมีมากขึ้นตั้งแต่ 2Q-3Q18 รวมมูลค่ากว่า 5 แสนลบ. อาทิ รถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง, รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ และมอเตอร์เวย์ เป็น Catalyst บวกกับผู้รับเหมารายใหญ่อย่าง CK, STEC, UNIQ และฐานรากอย่าง SEAFCO
(+) กลุ่มท่องเที่ยว Tourism Index ปรับลง 12% สวนทาง SET ที่บวก 2.6% YTD ในขณะที่อุตสาหกรรมยังเป็นขาขึ้น โดยล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยว 2M18 เติบโตถึง 15% Y-Y ขณะที่ฝั่งภาครัฐยังมีมาตรกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่องทั้งการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง การพัฒนาคลัสเตอร์ท่องเที่ยวเพิ่มอีก 6 คลัสเตอร์ รวมเป็น 15 คลัสเตอร์ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดของประเทศ และยกระดับพื้นที่ฝั่งทะเลตะวันตกขึ้นเป็นไทยแลนด์ ริเวียร่า เรามองว่า ERW เป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มจากการมีโรงแรมกระจายอยู่ทั่วประเทศและเป็น Pure Hotel Operator แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(0) GL ประเด็นศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องกรณีที่ JTrust ให้ GL ฟื้นฟูกิจการ เรามองเป็นกลาง เพราะความกังวลหลักยังอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการกล่าวโทษจากกลต. และการลงบัญชีเท็จ ส่วนด้านการดำเนินธุรกิจปีนี้ บริษัทโฟกัสตลาดไทยและเมียนม่า ซึ่งคาดโตราว 10% ต่อปี และหยุดขยายสินเชื่อในกัมพูชาและอินโดนีเซีย ทั้งนี้เฉพาะผลการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษอื่น เช่นการแก้ไขบัญชี และการตั้งสำรองฯพิเศษอื่น ถ้ามี) เราคาดว่าจะมีกำไรราว 500-600 ลบ. ซึ่งหักรายการเงินให้กู้จากสิงคโปร์และไซปรัสออกรวมถึงค่าธรรมเนียมในธุรกิจที่อินโดนีเซียด้วย คิดเป็น EPS 0.33-0.40 บาทต่อหุ้น หากอิง Justified PER ตามกลุ่มที่ 12-15 เท่า จะมีราคาเหมาะสมที่ราว 4-5.90 บาท ราคาปัจจุบันถือว่าเต็มมูลค่า
(+) SYNEX เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท โดยเรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 8% เป็น 750 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% Y-Y แต่ปรับลด PE Multiplier ลงเล็กน้อยจาก 21 เท่า เหลือ 20 เท่า ตามอัตราการเติบโตในอนาคตที่ลดลงจากฐานกำไรปีนี้ที่สูงขึ้น ผู้บริหารยังคาดหวังผลประกอบการปีนี้สดใส จาก (1) การออกสินค้ารุ่นใหม่ต่อเนื่องของกลุ่ม Device และการเพิ่มแบรนด์จำหน่ายอีก 4-5 แบรนด์ต่อปี (2) การมุ่งเน้นเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ ทั้งผลของ Economy of scale และอำนาจต่อรองกับเจ้าของแบรนด์ที่มากขึ้น (3) Synergy ที่จะเกิดกับ BAF ในการให้สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่คู่ค้า เพื่อลดภาระทางการเงิน ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ยังถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2019-2021 ที่ 16% ต่อปี และค่าเฉลี่ย PE ในอดีตของตัวเองที่ 20 เท่า และกลุ่มซื้อขายสินค้าไอทีที่ 25 เท่า
(+) กลุ่มรับเหมา วันนี้จับตารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2 แสนลบ. เข้าครม.เป็นโครงการแรกของปี ขณะที่การประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่จะชัดเจน และมีมากขึ้นตั้งแต่ 2Q-3Q18 รวมมูลค่ากว่า 5 แสนลบ. อาทิ รถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง, รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ และมอเตอร์เวย์ เป็น Catalyst บวกกับผู้รับเหมารายใหญ่อย่าง CK, STEC, UNIQ และฐานรากอย่าง SEAFCO
(+) กลุ่มท่องเที่ยว Tourism Index ปรับลง 12% สวนทาง SET ที่บวก 2.6% YTD ในขณะที่อุตสาหกรรมยังเป็นขาขึ้น โดยล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยว 2M18 เติบโตถึง 15% Y-Y ขณะที่ฝั่งภาครัฐยังมีมาตรกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่องทั้งการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง การพัฒนาคลัสเตอร์ท่องเที่ยวเพิ่มอีก 6 คลัสเตอร์ รวมเป็น 15 คลัสเตอร์ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดของประเทศ และยกระดับพื้นที่ฝั่งทะเลตะวันตกขึ้นเป็นไทยแลนด์ ริเวียร่า เรามองว่า ERW เป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มจากการมีโรงแรมกระจายอยู่ทั่วประเทศและเป็น Pure Hotel Operator แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(0) GL ประเด็นศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องกรณีที่ JTrust ให้ GL ฟื้นฟูกิจการ เรามองเป็นกลาง เพราะความกังวลหลักยังอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการกล่าวโทษจากกลต. และการลงบัญชีเท็จ ส่วนด้านการดำเนินธุรกิจปีนี้ บริษัทโฟกัสตลาดไทยและเมียนม่า ซึ่งคาดโตราว 10% ต่อปี และหยุดขยายสินเชื่อในกัมพูชาและอินโดนีเซีย ทั้งนี้เฉพาะผลการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษอื่น เช่นการแก้ไขบัญชี และการตั้งสำรองฯพิเศษอื่น ถ้ามี) เราคาดว่าจะมีกำไรราว 500-600 ลบ. ซึ่งหักรายการเงินให้กู้จากสิงคโปร์และไซปรัสออกรวมถึงค่าธรรมเนียมในธุรกิจที่อินโดนีเซียด้วย คิดเป็น EPS 0.33-0.40 บาทต่อหุ้น หากอิง Justified PER ตามกลุ่มที่ 12-15 เท่า จะมีราคาเหมาะสมที่ราว 4-5.90 บาท ราคาปัจจุบันถือว่าเต็มมูลค่า
(+) SYNEX เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท โดยเรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 8% เป็น 750 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% Y-Y แต่ปรับลด PE Multiplier ลงเล็กน้อยจาก 21 เท่า เหลือ 20 เท่า ตามอัตราการเติบโตในอนาคตที่ลดลงจากฐานกำไรปีนี้ที่สูงขึ้น ผู้บริหารยังคาดหวังผลประกอบการปีนี้สดใส จาก (1) การออกสินค้ารุ่นใหม่ต่อเนื่องของกลุ่ม Device และการเพิ่มแบรนด์จำหน่ายอีก 4-5 แบรนด์ต่อปี (2) การมุ่งเน้นเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ ทั้งผลของ Economy of scale และอำนาจต่อรองกับเจ้าของแบรนด์ที่มากขึ้น (3) Synergy ที่จะเกิดกับ BAF ในการให้สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่คู่ค้า เพื่อลดภาระทางการเงิน ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ยังถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2019-2021 ที่ 16% ต่อปี และค่าเฉลี่ย PE ในอดีตของตัวเองที่ 20 เท่า และกลุ่มซื้อขายสินค้าไอทีที่ 25 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังการร่วงลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จากข่าวด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค รวมไปถึงแนวคิดที่จะเก็บภาษีเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มนี้จากทางฝั่งยุโรป
(-) ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปปรับตัวลงจากความกังวลในเรื่องสงครามทางการค้า แม้ว่าจะมีข่าวออกมาว่าอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้แล้วก็ตาม
(-) หุ้นเอเชียเช้านี้ได้รับโมเมนตัมในเชิงลบจากทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ล่าสุดตลาดหุ้นเอเชียทุกตลาดปรับตัวลงประมาณ 0.5 %
() ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.28 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,317.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6724
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังการร่วงลงของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จากข่าวด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค รวมไปถึงแนวคิดที่จะเก็บภาษีเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มนี้จากทางฝั่งยุโรป
(-) ตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปปรับตัวลงจากความกังวลในเรื่องสงครามทางการค้า แม้ว่าจะมีข่าวออกมาว่าอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้แล้วก็ตาม
(-) หุ้นเอเชียเช้านี้ได้รับโมเมนตัมในเชิงลบจากทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ล่าสุดตลาดหุ้นเอเชียทุกตลาดปรับตัวลงประมาณ 0.5 %
() ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.28 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,317.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6724