- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 March 2018 15:41
- Hits: 609
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาดเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังคงจำกัดการปรับขึ้น แต่หุ้นในกลุ่ม Domestic Play ได้ปัจจัยบวกเฉพาะกลุ่มหลายๆประเด็น แรงซื้อส่วนใหญ่วานนี้มาจากนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล.กลุ่มละราว 1.1-1.2 พันลบ. ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายขายสุทธิ 1.7 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องเนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น โดยตลาดยังคงกังวลและจับตาดูเกี่ยวกับประเด็นการค้าโลกว่าประเทศอื่นๆจะมีการตอบโต้นโยบายของสหรัฐฯหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้าคือการประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่เป็น 1.50-1.75% ทำให้เรายังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และหุ้นที่ยัง Laggard ยังดูปลอดภัยและคาดว่าจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในระยะนี้
กลยุทธ์ : ยังเน้นเก็งกำไร Domestic และ Laggard Play//ระยะกลาง-ยาวถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$196ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$141ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$35ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อการกีดกันทางการค้าและรอคอยการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> IRPC <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
แนวโน้มกำไร 1Q18 สดใส จาก Margin ทั้ง HDPE และ Propylene ที่สูงต่อเนื่อง
คาดกำไรปกติปีนี้ +22% Y-Y เป็น 1.33 หมื่นลบ. สูงสุดในกลุ่มเพราะ 1) การขยายการผลิต PPE, PPC 2) ประสิทธิภาพโรงกลั่นดีขึ้น 3) ไม่มีแผนปิดซ่อม 4) ประโยชน์จากโครงการ UHV ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้โพรพิลีน 5) รับรู้รายได้เต็มปีจาก IRPC Clean Power
PE 12 เท่า และ PEG 0.7 เท่า และคาดปันผล 4.5% ต่อปี สูงไม่แพ้ตัวอื่นในกลุ่ม PTT
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ทีวีดิจิตอล ที่ประชุมคณะทำงานช่วยเหลือทีวีดิจิตอล ออกมาตรการให้พักชำระค่างวดใบอนุญาตทีวีดิจิตอล 3 ปี และลดค่าโครงข่ายไม่เกิน 50% เป็นเวลา 2 ปี จะนำเสนอต่อ ครม. และ คสช. ในวันที่ 27 มี.ค.เพื่อพิจารณาออกม. 44 หากจริง จะเป็นบวกต่อผู้ประกอบการทุกราย ด้านสภาพคล่องการเงินและลดต้นทุนดำเนินงาน โดย BEC ได้ประโยชน์มากสุด จากการถือใบอนุญาต 3 ใบ ตามด้วย RS WORK และ MCOT เป็น Upside ต่อกำไร 20%, 3%, 2% และ 1% ตามลำดับ และ Upside ต่อราคาเป้าหมาย สำหรับ BEC 1.60 บาท, MCOT 0.14 บาท, RS 0.80 บาท และ WORK 2 บาท
(0) JKN ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 20-25% Y-Y โดยหลักยังมาจากรายได้จากการขายลิขสิทธิ content จากความนิยมซีรีย์อินเดียและซีรีย์ฟิลิปปินส์ โดย Backlog สิ้นปี 17 อยู่ที่ 500 ลบ. รวมสัญญากับ BEC เกิน 50% จากทั้งหมดที่ซื้อ 14 เรื่อง และ 80% ของสัญญาขายให้กับช่อง 8 ทั้งนี้ Backlog ดังกล่าว คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ และเป็นสัดส่วนประมาณ 38% ของคาดการณ์รายได้จากการขาย content ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท ประเมินเบื้องต้น คาดกำไรโต 38% Y-Y ถ้าให้ PE 30-32 ใกล้กลุ่ม media ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 14.50 -15.50 บาท
(+) ARROW ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท จาก (1) แรงกดดันด้านราคาเหล็กและสังกะสีที่ลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น (2) งานในมือล่าสุดอยู่ที่ 800 ลบ. +14% Y-Y และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก จากงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ชะลอไปมากใน 2H17 (3) ธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้าของเม-ฆาเอส ได้งานเพิ่ม272 ลบ. จากการ JV (4) สินค้าใหม่ทั้งท่อร้อยสายไฟใต้ดินและอุปกรณ์ท่อ Post-tension กำลังเข้าสู่จุดทำกำไร เราคาดกำไรสุทธิปี 2018 +33% Y-Y อยู่ที่ 259 ลบ. ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 16 เท่า และให้ปันผลจูงใจ 5% ต่อปี Downside จึงค่อนข้างจำกัด
(+) DRT ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้+5% Y-Y จากอุปสงค์การใช้วัสดุก่อสร้างที่ฟื้นตัว หนุนด้วยการขยายสาขา Modern Trade และเปิดตัวแนวราบมากขึ้น ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะดีขึ้นเป็น 25-27% จาก Product Mixed และสัดส่วนงานบริการที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรปีนี้ +5% Y-Y อยู่ที่ 432 ลบ. แนะนำซื้อ ในฐานะหุ้นปันผลดี 6% ต่อปี ราคาเหมาะสม 6.60 บาท โดยมี Upside จากมูลค่าที่ดินที่ชลบุรี ซึ่งถ้าขายได้ คาดมีกำไรพิเศษราว 0.10 บาท/หุ้น
(+) SVI บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกือบ 20% Y-Y เป็น US$440 ล้าน โดย 1Q18 มีรายได้เข้ามามากถึง US$128 ล้านแล้ว ปีนี้คำสั่งซื้อจึงไม่น่าห่วง จะมีเรื่องท้าทายคือ ยังต้องเร่งซื้อวัตถุดิบ 1H18 เพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบยังไม่ปกติ แต่ตัวที่มีปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ตัวแพง และปรับราคาขายกับลูกค้าแล้ว จึงกระทบมาร์จิ้นไม่มาก เรายังคาดกำไรฟื้นต่อเนื่องใน 1Q18 และจะเร่งตัวขึ้นใน 2H18 คาดกำไรปีนี้ +33% Y-Y อยู่ที่ 656 ลบ. story ดูดีสุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.9 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ก.พ.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
19 มี.ค. - ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดุลการค้า (ม.ค.)
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน แม้ว่ายอดตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลงรวมไปถึงดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์คที่ปรับตัวดีกว่าคาด แต่ก็ถูกหักล้างกับความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า
(+) ตลาดหุ้นหลักของยุโรปสามารถดีดตัวขึ้นได้เมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นในกลุ่มประกันและค้าปลีกที่ทยอยฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้า
(-) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงลดลงจากประเด็นทางการเมืองของนายกฯและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ตลาดเกาหลีใต้เองก็ถูกกดดันจากปธ.ทรัมป์ที่ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะถอนทหารออกจากชายแดนเกาหลีเหลือ-ใต้
() ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นรวมถึงเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้น 0.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA ปรับประมาณการความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลงอีก 7.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,317.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น
(+) ทีวีดิจิตอล ที่ประชุมคณะทำงานช่วยเหลือทีวีดิจิตอล ออกมาตรการให้พักชำระค่างวดใบอนุญาตทีวีดิจิตอล 3 ปี และลดค่าโครงข่ายไม่เกิน 50% เป็นเวลา 2 ปี จะนำเสนอต่อ ครม. และ คสช. ในวันที่ 27 มี.ค.เพื่อพิจารณาออกม. 44 หากจริง จะเป็นบวกต่อผู้ประกอบการทุกราย ด้านสภาพคล่องการเงินและลดต้นทุนดำเนินงาน โดย BEC ได้ประโยชน์มากสุด จากการถือใบอนุญาต 3 ใบ ตามด้วย RS WORK และ MCOT เป็น Upside ต่อกำไร 20%, 3%, 2% และ 1% ตามลำดับ และ Upside ต่อราคาเป้าหมาย สำหรับ BEC 1.60 บาท, MCOT 0.14 บาท, RS 0.80 บาท และ WORK 2 บาท
(0) JKN ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 20-25% Y-Y โดยหลักยังมาจากรายได้จากการขายลิขสิทธิ content จากความนิยมซีรีย์อินเดียและซีรีย์ฟิลิปปินส์ โดย Backlog สิ้นปี 17 อยู่ที่ 500 ลบ. รวมสัญญากับ BEC เกิน 50% จากทั้งหมดที่ซื้อ 14 เรื่อง และ 80% ของสัญญาขายให้กับช่อง 8 ทั้งนี้ Backlog ดังกล่าว คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ และเป็นสัดส่วนประมาณ 38% ของคาดการณ์รายได้จากการขาย content ที่ประมาณ 1.3 พันล้านบาท ประเมินเบื้องต้น คาดกำไรโต 38% Y-Y ถ้าให้ PE 30-32 ใกล้กลุ่ม media ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 14.50 -15.50 บาท
(+) ARROW ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท จาก (1) แรงกดดันด้านราคาเหล็กและสังกะสีที่ลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น (2) งานในมือล่าสุดอยู่ที่ 800 ลบ. +14% Y-Y และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก จากงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ชะลอไปมากใน 2H17 (3) ธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้าของเม-ฆาเอส ได้งานเพิ่ม272 ลบ. จากการ JV (4) สินค้าใหม่ทั้งท่อร้อยสายไฟใต้ดินและอุปกรณ์ท่อ Post-tension กำลังเข้าสู่จุดทำกำไร เราคาดกำไรสุทธิปี 2018 +33% Y-Y อยู่ที่ 259 ลบ. ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 16 เท่า และให้ปันผลจูงใจ 5% ต่อปี Downside จึงค่อนข้างจำกัด
(+) DRT ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้+5% Y-Y จากอุปสงค์การใช้วัสดุก่อสร้างที่ฟื้นตัว หนุนด้วยการขยายสาขา Modern Trade และเปิดตัวแนวราบมากขึ้น ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะดีขึ้นเป็น 25-27% จาก Product Mixed และสัดส่วนงานบริการที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรปีนี้ +5% Y-Y อยู่ที่ 432 ลบ. แนะนำซื้อ ในฐานะหุ้นปันผลดี 6% ต่อปี ราคาเหมาะสม 6.60 บาท โดยมี Upside จากมูลค่าที่ดินที่ชลบุรี ซึ่งถ้าขายได้ คาดมีกำไรพิเศษราว 0.10 บาท/หุ้น
(+) SVI บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกือบ 20% Y-Y เป็น US$440 ล้าน โดย 1Q18 มีรายได้เข้ามามากถึง US$128 ล้านแล้ว ปีนี้คำสั่งซื้อจึงไม่น่าห่วง จะมีเรื่องท้าทายคือ ยังต้องเร่งซื้อวัตถุดิบ 1H18 เพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบยังไม่ปกติ แต่ตัวที่มีปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ตัวแพง และปรับราคาขายกับลูกค้าแล้ว จึงกระทบมาร์จิ้นไม่มาก เรายังคาดกำไรฟื้นต่อเนื่องใน 1Q18 และจะเร่งตัวขึ้นใน 2H18 คาดกำไรปีนี้ +33% Y-Y อยู่ที่ 656 ลบ. story ดูดีสุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.9 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ก.พ.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
19 มี.ค. - ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดุลการค้า (ม.ค.)
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน แม้ว่ายอดตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลงรวมไปถึงดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์คที่ปรับตัวดีกว่าคาด แต่ก็ถูกหักล้างกับความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า
(+) ตลาดหุ้นหลักของยุโรปสามารถดีดตัวขึ้นได้เมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นในกลุ่มประกันและค้าปลีกที่ทยอยฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้า
(-) ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงลดลงจากประเด็นทางการเมืองของนายกฯและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ตลาดเกาหลีใต้เองก็ถูกกดดันจากปธ.ทรัมป์ที่ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะถอนทหารออกจากชายแดนเกาหลีเหลือ-ใต้
() ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นรวมถึงเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้น 0.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA ปรับประมาณการความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลงอีก 7.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,317.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6580
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6580